โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เอกา โกลบอล ปรับกลยุทธ์เร่งเครื่องตลาดอินเดียรับมือภาษีทรัมป์

การเงินธนาคาร

อัพเดต 22 ก.ค. เวลา 16.00 น. • เผยแพร่ 22 ก.ค. เวลา 09.00 น.

เอกา โกลบอล เปิดเผยกลยุทธ์เชิงรุกรับมือสงครามการค้าและนโยบายขึ้นภาษีทรัมป์ เพิ่มยอดขายในตลาดอินเดีย หาโอกาสในตลาดใหม่กระจายเสี่ยงส่งออกไปสหรัฐฯมอง “ตะวันออกกลาง” น่าสนใจ

นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอกา โกลบอล กล่าวว่า ตลาดอินเดียยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตที่ดี บริษัทฯ ได้เริ่มลงทุนในอินเดียตั้งแต่ปี 2562 และก่อตั้งโรงงานที่เมืองปูเน่ ซึ่งเริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ด้วยกำลังการผลิต 300 ล้านชิ้นต่อปี

เมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดอินเดียมีการเติบโตสูงถึง 30-40% ต่อปี และในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ส่งผลให้คาดการณ์ว่ายอดขายในอินเดียทั้งปี 2568 จะสูงถึงกว่า 400 ล้านบาท

สำหรับเป้าหมายระยะยาว 3-5 ปี เอกา โกลบอล ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าในอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 800 ราย จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 300 ราย ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมจะพิจารณาตามสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจ โดยโรงงานปัจจุบันมีพื้นที่ที่เตรียมไว้สำหรับการขยายไลน์ผลิตในอนาคต

นายชัยวัฒน์ประเมินผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์ว่า ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบเนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นสัดส่วนสูง และมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สูงถึง 20–30% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ส่วนกลุ่มลูกค้าของเอกา โกลบอล มีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ กว่า 70%

"จากการพูดคุยกับลูกค้า พบว่าผลกระทบนี้อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากอัตราภาษีของไทยจบลงที่ 35-36% คาดการณ์เบื้องต้นจะทำให้ยอดขายมีโอกาสลดลงไม่ต่ำกว่า 10–15% ซึ่งไทยจะเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านเพราะสัดส่วนภาษีสูงกว่า ทำให้แข่งขันได้ยาก"

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ และกลุ่มลูกค้ายังคงเฝ้าติดตามผลการเจรจาภาษีของแต่ละประเทศ เพื่อให้ได้อัตราภาษีสุดท้ายก่อนที่จะปรับกลยุทธ์และเตรียมแนวทางทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

สำหรับเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปีนี้ เอกา โกลบอลตั้งไว้ที่ 1,400 ล้านบาท แม้ว่าภาพรวมยอดขายครึ่งปีแรกยังคงเติบโตได้ดีตามเป้ากว่า 10–15% จากปีก่อน แต่ด้วยสถานการณ์สงครามภาษีของทรัมป์ที่ยังไม่สิ้นสุด ทำให้บริษัทยังมองภาพไม่ชัดเจนนัก และอาจมีการพิจารณาลดเป้าลงตามสถานการณ์

ในระยะสั้น 3 เดือนนี้ ผลกระทบจากภาษีทรัมป์จะยังไม่ส่งผลต่อยอดขายโดยตรง เนื่องจากทุกประเทศได้รับผลกระทบ และเอกา โกลบอล มีคำสั่งซื้อล่วงหน้า โดยลูกค้าหลักอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Food) ซึ่งเน้นบรรจุภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมสูง ทำให้การปรับเปลี่ยนคำสั่งซื้อไปยังประเทศใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

อย่างไรก็ตาม เอกา โกลบอลจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะสั้น ๆ ทุก 2–3 เดือน ไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องภาษี หลังจากนั้นในระยะยาว บริษัทฯ จะประเมินและวางแผนรับมือร่วมกับลูกค้าอีกครั้งว่าจะมีการปรับกลยุทธ์การส่งออกไปยังสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ อย่างไร

ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เผชิญความท้าทายจากกำลังซื้อที่ชะลอตัว รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากสงครามภาษีของทรัมป์ บริษัทฯ เตรียมรุกตลาดในประเทศอินเดียมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีโอกาสขยายตัวได้ดีและไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายภาษีของทรัมป์ เนื่องจากอินเดียเน้นการขายภายในประเทศเป็นหลักกว่า 80%

นอกจากนี้ เอกา โกลบอลยังมองหาโอกาสขยายตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะการส่งออกจากอินเดียไปตะวันออกกลางจะไม่มีภาษี โดยบริษัทฯ ได้เริ่มศึกษาตลาดนี้แล้วและคาดว่าหากประสบความสำเร็จจะสามารถเข้าสู่ตลาดได้ภายใน 2–3 ปี

นายชัยวัฒน์กล่าวทิ้งท้ายว่า "เราเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุอาหารที่มีนวัตกรรมสูง ซึ่งการเข้าไปทำตลาดใหม่ ๆ เราจะทำการศึกษา วิจัย และพัฒนาร่วมกับลูกค้า คาดว่าจะใช้เวลา 2–3 ปี จึงจะทราบผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่าสามารถเข้าสู่ตลาดใหม่ได้สำเร็จหรือไม่"

อ่านข่าว แวดวงธุรกิจ ที่น่าสนใจ ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...