โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 19-05-25 (กลัว!!! วันนี้ RS จะฟลอร์รึป่าว???)

Share2Trade

อัพเดต 19 พ.ค. เวลา 02.10 น. • เผยแพร่ 19 พ.ค. เวลา 02.10 น. • Share2Trade

Gossip Station by..เจ๊จิ๋ม 19-05-25 (กลัว!!! วันนี้ RS จะฟลอร์รึป่าว???)

19-05-25 สวัสดี “ปีงูไฟ" ค่ะพี่น้องชาวไทยที่รัก "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยมีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ

***ศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 42,654.74 จุด เพิ่มขึ้น 331.99 จุด หรือ +0.78%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,958.38จุด เพิ่มขึ้น 41.45 จุด หรือ +0.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,211.10 จุด เพิ่มขึ้น 98.78 จุด หรือ +0.52%

***รายงานข่าวระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (16 พ.ค.) ได้แรงหนุนจากการทำข้อตกลงระงับเก็บภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเมื่อต้นสัปดาห์ แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ย่ำแย่ลงก็ตาม

***อย่างไรก้อตาม นักลงทุนยังจับตาความชัดเจนเรื่องนโยบายภาษีของสหรัฐฯ หลังร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สามารถผ่านขั้นตอนสำคัญในสภาคองเกรสได้ เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันสายแข็งเรียกร้องให้มีการตัดงบประมาณลงอีก ซึ่งถือเป็นอุปสรรคทางการเมืองที่ไม่คาดคิดสำหรับผู้นำสหรัฐฯ

***ส่วนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (19-23 พ.ค.) กูรูหุ้นประเมินสัญญาณทางเทคนิคมีแนวรับที่ 1,185 และ 1,165 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,220 และ 1,230 จุด ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของไทย ความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

***ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น, ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนพ.ค. และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีน อาทิ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

***สิ้นสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าหมดฤดูกาลประกาศผลงานไตรมาสแรกปีนี้..แต่สตอรี่ดีๆ ยังไม่จบ ของดีมีไม่เยอะ..เมื่อเจอะแล้วต้องหยิบมาขยายวงให้นักลงทุนได้รับรู้อย่างทั่วถึง SFLEX ทำสถิติโตต่อเนื่อง 10 ไตรมาส สุดยอด!!!! ปรบมือรัวๆๆๆๆ ไปเลยค่ะคุนข๋าาาาา

***”ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี” ซีอีโอ SFLEX (ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 491.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 485.0 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24.5% และมีกำไรสุทธิ 65.2ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 63.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิสำหรับไตรมาสอยู่ที่ 13.1% ขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 12.92% หากพิจารณาในส่วนของผลงานรายไตรมาสถือเป็นการสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยการเติบโตของกำไรต่อเนื่อง 10 ไตรมาสติดต่อกัน และยอดขายทำ All Time High ตั้งแต่ตั้งบริษัทมา

***“การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสนี้ สะท้อนถึงความสำเร็จของแผนการขยายฐานลูกค้าเชิงรุกที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง และเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ มีทั้งการเปลี่ยนรูปแบบ โครงสร้าง และลวดลายสีสรรต่างๆ ให้กับฐานลูกค้าเดิม ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งในด้านการใช้พลังงานทดแทนไฟฟ้า การจัดซื้อวัตถุดิบ การลงทุนในการผลิตฟิล์มด้วยเครื่อง Blow film เพื่อทดแทนการนำเข้า การปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อให้มีมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในกระบวนการผลิต รวมถึงลดจำนวนของเสียจากการผลิต และใช้ประโยชน์จาก Economy of Scale ได้อย่างเต็มที่”

***ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2/68 บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรักษาการเติบโตได้ตามที่ประมาณการณ์ไว้ แม้จะเป็นช่วงที่มีวันหยุดมากกว่าปกติ แต่คำสั่งซื้อยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ถือเป็นสินค้าจำเป็นและมีอุปสงค์สูงอยู่สม่ำเสมอ ทั้งนี้ SFLEX มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมากกว่า 80% ของรายได้รวม โดยลูกค้าหลักล้วนเป็นผู้ผลิตชั้นนำทั้งในประเทศและระดับสากล อีกทั้งยังมีการทำสัญญาระยะยาวกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างเสถียรภาพด้านคำสั่งซื้อ พร้อมเตรียมแผนขยายกำลังการผลิต รองรับการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

***มีอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้..เพราะเจ๊จิ๋มรู้ดีว่าหุ้น CCET คือ “ขวัญใจมหาชน” ไตรมาสแรกปีนี้ฟันกำไร 591.83 ลบ.เพิ่มขึ้น 15.95% โดยมีรายได้จากการขายสินค้า 34,596.83 ลบ.เป็นผลมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล และผลิตภัณฑ์สวมใส่อัจฉริยะเพิ่มขึ้น (ล่าสุด CCET รายงานยอดขายเดือนเมษายน 2568 จำนวน 300,886 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเทียบเท่า 10,208,003 ล้านบาท )

***CCET ให้ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาความตึงเครียดทางการค้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน และจีน-ไต้หวัน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตทั่วโลก หลายบริษัทตัดสินใจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศไทย และประเทศอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และลูกค้ารายใหญ่สองรายของบริษัทฯได้เดินหน้าแผนการปรับเปลี่ยนฐานการผลิตไปยังโรงงานใหม่ของ CCET ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

***TIDLOR ต้องบอกว่า “ของเค้าดีจริง” ไม่ทำให้ผิดหวังสำหรับคนที่แลกหุ้นมา!!! ในมุมมองของกูรูหุ้น..ต่างมองเชิงบวกเชียร์ “ซื้อ” หุ้น TIDLOR นำโดย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) (MST) ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 22 บาทต่อหุ้น โดยมีมุมมองเชิงบวกจากคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น และผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงจากพอร์ตสินเชื่อแข็งแกร่ง โดยคาดว่าต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) ลดลง การเติบโตของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมจากเบี้ยประกันจะช่วยหนุนกำไรปี 2568

***ส่วน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHS) ประเมินราคาเป้าหมาย 20.50 บาทต่อหุ้น เชื่อว่าการปรับเป็น Holding Company จะทำให้ TIDLOR มีความคล่องตัวมากขึ้นและลดแรงกดดันต่อราคาหุ้นลงได้ ทั้งนี้ TIDLOR ยังถือเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 30% และยังเป็นผู้นำในธุรกิจนายหน้าประกัน สำหรับ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) (PST) ยังคงราคาพื้นฐาน 20 บาทต่อหุ้น ยังประเมินว่า บริษัทฯ มีจุดเด่นทางด้านคุณภาพสินทรัพย์ โดยมี NPL ต่ำ และมีสัดส่วนสำรองสูงกว่าคู่แข่ง ทั้งนี้นักลงทุนสามารถเข้าไปส่องข้อมูล Tidlor Holdings เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com เพื่อพิจารณาการลงทุนได้เล้ยยยยยยย

***ส่วน SA ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เจ๊ขอยกตำแหน่ง “สายแข็ง” ให้เลย!!! มีรายงานว่าเคลียร์หุ้นกู้รุ่น SASST254A และ SASST254B มูลค่า 322.6 ล้านบาท ในช่วงสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา …ตอกย้ำศักยภาพการเงินแน่นปึ้ก สะท้อนฐานะแข็งแกร่งขั้นสุด ด้าน CFO "รีย์ฐิตา อักษรจิรารัตน์" ขอบคุณนักลงทุนที่ไว้วางใจ พร้อมประกาศเดินหน้าบริหารการเงินอย่างมีวินัย สร้างฐานะการเงินมั่นคง รองรับการเติบโตระยะยาว… ส่วนงานนี้ปิดดีลเป๊ะๆ เงินคืนครบทุกบาท เพราะ SA ของจริงของแท้ จับตาต่อไป…ปีนี้จะยิ่งปัง!

****ห้ามพลาด! สำหรับแฟนคลับของ บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) ผู้ให้บริการ ICT Solution แบบครบวงจร เตรียมตัวรับฟังข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) นำทัพโดยซีอีโอ "เบญญาภา เฉลิมวัฒน์" ควงคู่มาพร้อม "นวัช ทัฬหิกรณ์" ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานการเงินและบัญชี รอบนี้จัดเต็มเสิร์ฟข้อมูลผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 พร้อมเปิดแผนธุรกิจ ให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโต และตอบทุกข้อสงสัยของนักลงทุน ในวันที่ 21 พ.ค. เวลา 13.15 -14.00 น. สามารถรับฟังข้อมูลผ่านช่องทาง www.set.or.th/oppday หรือรับชมการถ่ายทอดสดทาง Facebook : SET Opportunity Day และ YouTube: SET Thailand …เตรียมกดแจ้งเตือนรอรับฟังข้อมูลเด็ดจาก PIS กันนะ!

***เอาเรื่องร้ายมาไว้ท้ายสุด RS เกิดดอะไรขึ้นกับเค้าอ่ะ???? เบี้ยวจ่ายดอกเบี้ย แค่ 27 ลบ. ครั้งนี้ออกมาชี้แจงว่าไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาเงินกู้ ระหว่างบริษัท และบริษัทย่อยกับสถาบันการเงิน โดยมียอดผิดนัดนัดชำระดอกเบี้ย 27.48 ล้านบาท เป็นผลให้สถาบันการเงินมีสิทธิเรียกชำระคืนเงินกู้ยืม โดย กรณีบริษัทฯ เงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวจำนวน 940.20 ล้านบาท และ 831.32 ล้านบาทตามลำดับ และกรณีบริษัทย่อย เงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวจำนวน 225.23 ล้านบาท และ 878.57 ล้านบาทตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทฯ และบริษัทย่อยอยู่ระหว่างการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินเพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วนที่สุด

***ทางด้าน ตลท. Take action ทันที โดยแจ้งว่าจะขึ้นเครื่องหมาย CB หุ้น RS ในวันนี้(19 พ.ค.68 ) เนื่องจากบริษัท/บริษัทย่อย/กองทุนผิดนัดชำระหนี้ตามเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับหลักทรัพย์ที่ถูกขึ้นเครื่องหมายข้างต้น จะต้องซื้อด้วยบัญชี Cash Balance ตั้งแต่วันที่ขึ้นเครื่องหมายเป็นต้นไป จนกว่าจะแก้เหตุดังกล่าวได้ นอกจากนี้จะไม่นำมารวมในการคำนวณดัชนี sSET และ SETESG

***ย๊างงงงง..ยังเครียดไม่พอ!!! นักวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มองว่างบที่ขาดทุนต่อเนื่องและการผิดนัดชำระหนี้มีโอกาสกดดันราคาหุ้นต่อคงคำแนะนำ “ขาย” RS พื้นฐาน 0.1 บาท

***RS วันนี้จะเป็นยังไงนะ!!! แต่เจ๊จิ๋มกล้วมากกกกกกกก ..กลัวแทนนักลงทุน กลัวจะเจ็บหนัก!!!



ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...