โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“โจมตี รพ.-พลเรือน” ไทยเอาผิดกัมพูชาฐาน อาชญากรรมสงครามได้ไหม ?

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 28 ก.ค. เวลา 06.47 น.
ไทยจะเอาผิดกัมพูชา ฐานก่ออาชญากรรมสงคราม ผ่านศาล ICC ได้หรือไม่ ? เมื่อกัมพูชาโจมตีโรงพยาบาล และเป้าหมายพลเรือน แบบไม่เลือกปฏิบัติ เข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

ความตึงเครียดระหว่างไทย และกัมพูชาถึงขึดสุด ผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสียชีวิต

นอกเหนือจากปฏิบัติการทางทหาร สิ่งหนึ่งที่สังคมต่างพูดถึง นั่นคือ ไทยจะสามารถเอาผิดกัมพูชา ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ฐานก่ออาชญากรรมสงครามได้หรือไม่ ?

โดยเฉพาะเมื่อพื้นที่พลเรือน และโรงพยาบาล กลายเป็นเป้าหมายของกัมพูชา จนเข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ที่ต้องปกป้องพลเรือน ผู้บริสุทธิ์ จากภาวะสงคราม

ทำความเข้าใจ "ธรรมนูญกรุงโรม" และศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)

“ธรรมนูญกรุงโรม” หรือ “ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ” คือ สนธิสัญญาที่จัดตั้ง “ศาลอาญาระหว่างประเทศ” (ICC) มีวัตถุประสงค์นำตัวผู้กระทำความผิดอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดมาลงโทษ ยุติการลอยนวลพ้นผิด และป้องกันไม่ให้เกิดอาชญกรรมร้ายแรงกับมนุษยชาติขึ้นอีก

ประเภทคดีที่ศาล ICC รับพิจารณาจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ประเภท ตามมาตรา 5 ได้แก่

1. การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

2. อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

3. ก่ออาชญากรรมสงคราม

4. อาชญากรรมแห่งการรุกราน

การโจมตีพลเรือนและโรงพยาบาล เข้าข่ายอาชญากรรมสงครามหรือไม่ ?

แล้วการกระทำของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีโรงพยาบาล หรือ ที่อยู่อาศัยของประชาชน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงครามหรือไม่ ?

ผศ.ดร. ธนภัทร ชาตินักรบ อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายระหว่างประเทศ และศูนย์กฎหมายแพ่ง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้คำตอบประเด็นนี้ไว้ว่า

ถ้ามีข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ว่า กัมพูชาเป็นผู้โจมตีโรงพยาบาล และพื้นที่พลเรือนก็จะเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม โดยเกณฑ์เบื้องต้นที่จะใช้ในการพิจารณา จะมีประมาณ 3-4 ข้อ

“อันแรกสุดจะดูก่อนว่า มีการโจมตีโดยเจตนาต่อพลเรือนใช่ไหม อันที่ 2 เป็นการโจมตีที่คุณจงใจคุณไม่ได้แยกแยะว่า อันนี้คือเป้าหมายทางทหาร อันนี้คือเป้าหมายทางพลเรือนใช่ไหม เราก็จะต้องมีความเสียหายเกิดขึ้นต่อพลเรือนเกินกว่าเป้าหมายทางทหารอย่างชัดเจน ก็คือเหมือนกับว่ามุ่งเป้าไปที่พลเรือน หรือจริง ๆ อาจจะไม่ได้มุ่งเป้า แต่ว่าคุณไม่ได้สนใจว่า จุดที่คุณยิงเข้าไป มันเป็นพลเรือน หรือว่าทหารเขาอยู่” ผศ.ดร. ธนภัทร กล่าว

“ท้ายที่สุดเนี่ย พอมันเป็นเรื่องของการโจมตีโดยตรงต่อโรงพยาบาล ที่เขาไม่ได้มีวัตถุประสงค์ เพื่อการทหาร อันนี้ก็จะค่อนข้างชัดเจนว่า มันจะเป็นอาชญากรรมสงคราม”

“เงื่อนไขมันอาจจะต้องมีการพิสูจน์นิดนึงว่า การกระทําดังกล่าวของกัมพูชาจะเข้าข่ายอาชญากรรมสงครามหรือไม่ ก็ต้องดูว่า ถ้ามันมีข้อเท็จจริงสามารถพิสูจน์ได้ว่า เป็นการโจมตีโรงพยาบาล พื้นที่ของพลเรือนถูกโจมตีโดยเจตนา คนโจมตีก็รู้อยู่แล้วถึงความเสี่ยงว่า มันอาจจะมีคนได้รับบาดเจ็บ หรือได้รับความเสียหาย แต่ก็ยังตัดสินใจที่จะดําเนินการต่อ แล้วก็ไม่ได้มีการปฏิบัติตามหลักความจําเป็น หรือความได้สัดส่วน มันก็เข้าข่ายของการที่จะเป็นอาชญากรรมสงครามได้เช่นเดียวกัน” อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายระหว่างประเทศ กล่าว

เมื่อถามว่า แล้วถ้าหากกัมพูชายกข้ออ้างขึ้นมาว่า “ไม่มีเจตนา” โจมตีพลเรือน แบบนี้สามารถเอามาใช้สู้ในศาลได้ไหม ?

ผศ.ดร. ธนภัทร ตอบว่า หรือต่อให้อีกฝ่ายอ้างว่า “ไม่เจตนา” ก็ไม่สามารถใช้เป็นข้อแก้ตัวได้ เพราะกฎหมายจะดูที่พฤติการณ์เป็นหลัก

“การกระทําแม้มันอาจจะไม่เกิดขึ้นเจตนาโดยตรง ในการที่จะสังหารพลเรือน แต่ว่าภายใต้หลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ การที่มันไม่มีเจตนา มันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัวนะครับ เพราะว่า กฎหมายเค้าให้ความสําคัญกับพฤติการณ์ ที่ถือว่าคุณเนี่ยละเลยต่อพันธกรณีอย่างร้ายแรงนะครับ หรือว่าอาจจะมีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง”

“การประมาทเลินเล่อร้ายแรง หมายถึง เป็นการกระทําโดยที่ไม่ได้คํานึงถึงผลกระทบ ที่อาจเกิดขึ้นกับพลเรือน แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของหลักการแยกแยะนะครับ หลักความได้สัดส่วน ซึ่งเป็นหลักที่กําหนดให้ฝ่ายที่ตัดสินใจว่า คุณจะใช้กําลัง คุณต้องแยกแยะก่อน ว่าอันไหนเป้าหมายทางทหารกับเป้าหมายพลเรือน หรือ วัตถุที่เป็นของพลเรือนให้ชัดเจน”

“การใช้กําลังคุณต้องใช้กําลังอย่างได้สัดส่วน โดยที่จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับพลเรือนเกินความจําเป็นนะครับ ดังนั้นเนี่ย การโจมตีนะครับ แม้จะไม่ได้มีเจตนานะครับ” ผศ.ดร. ธนภัทร กล่าว

บทลงโทษมีอะไรบ้าง บังคับใช้ได้จริงไหม ?

แน่นอนว่า เมื่อพูดถึงการดำเนินคดี เราต้องอยากรู้ว่า ผู้ที่มีความผิดฐานก่ออาชญากรรมสงคราม จะได้รับบทลงโทษอะไรบ้าง แล้วจะสามารถบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ หากมีคำตัดสินออกมา

มาตรา 77 ระบุเกี่ยวกับบทลงโทษที่บังคับใช้ได้ แบ่งเป็น 2 หมวด ได้แก่

1. การจำคุก

1.1 จำคุกตามจำนวนปีที่ศาลกำหนด แต่สูงสุดไม่เกิน 30 ปี

1.2 จำคุกตลอดชีวิต โดย ICC เมื่อพิจารณาถึงอาชญากรรมนั้น มีความร้ายแรงอย่างยิ่งยวด และพฤติการณ์ส่วนบุคคลของผู้กระทำ

2. การปรับเงิน-ยึดทรัพย์

2.1 ค่าปรับตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาและพยานหลักฐาน

2.2 ยึดทรัพย์สิน ที่ได้จากการกระทำอาชญากรรมนั้น ไม่ว่าจะทางตรง หรือ ทางอ้อม โดยไม่กระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลที่สามผู้สุจริต

ทั้งนี้ การโจมตีพลเรือนโดยเจตนา จนถึงแก่ชีวิต หรือ บาดเจ็บสาหัส เป็นหนึ่งในการกระทำที่ถือว่า เป็นอาชญากรรมสงคราม ตามอนุสัญญาเจนีวา และพิธีสารเพิ่มเติมที่ 1 มาตรา 85

“ประเด็นเรื่องของการบังคับใช้ ตามปกติแล้ว ถ้าผู้กระทําความผิดอยู่ในประเทศที่เป็นรัฐภาคีของ ICC ศาลก็อาจจะมีการออกหมายจับนะครับ แล้วก็อาจจะมีการร้องขอให้มีการจับกุมบุคคลดังกล่าว ให้ส่งมาที่ ICC ได้นะครับ” ผศ.ดร. ธนภัทร กล่าว

ผศ.ดร. ธนภัทร กล่าวด้วยว่า หากบุคคลดังกล่าว มีหมายจับของ ICC ถ้าผู้ต้องหาอยู่ในประเทศที่เป็นรัฐภาคี แล้วประเทศนั้น ไม่ส่งตัวมา ศาล ICC ก็จะออกคำวินิจฉัยมาว่า ประเทศดังกล่าว ไม่ให้ความร่วมมือ และอาจส่งเรื่องต่อไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ว่า จะดำเนินการอย่างไร กับประเทศที่ไม่ปฏิบัติตาม

ไทยจะฟ้องกัมพูชาใน ICC ได้อย่างไร แม้ไม่ใช่รัฐภาคี ?

ถึงไทยไม่ได้สมาชิกรัฐภาคีที่ยอมรับเขตอำนาจศาล ICC ก็จริง แต่ก็มีช่องทางที่ไทยจะสามารถดำเนินคดียื่นดำเนินการผ่านศาล ICC ได้

ผศ.ดร.ธนภัทร กล่าวว่า การที่ไทยจะสามารถทำเช่นนั้นได้ เบื้องต้นต้องผ่านเกณฑ์การพิจารณาก่อนว่า เข้าข่าย 1 ใน 4 คดีที่ศาล ICC รับพิจารณาหรือไม่ พร้อมได้ให้แนวทางที่ไทยจะสามารถยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลรับเรื่อง ดังนี้

1. การขอให้รัฐภาคีเป็นผู้ยื่นเรื่องให้

2. การยื่นเรื่องผ่านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC เป็นผู้ยื่นให้ แต่แนวทางนี้ ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก เพราะ UNSC จะพิจารณาว่า เหตุการณ์นั้น เป็นภัยต่อความมั่นคงโลกหรือไม่

3. การยอมรับอำนาจศาลเฉพาะรายกรณี ตามมาตรา 12 (3) ซึ่งเป็นหนทางที่ง่ายสุด เพราะแม้ไทยจะไม่ใช่รัฐภาคีศาล ICC แต่ก็มีสิทธิ์ยื่นคำร้องได้

นอกจากนี้ ผศ.ดร.ธนภัทร ยังได้แนะแนวทางว่า ไทยควรรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อส่งเรื่องไปให้องค์กรระหว่างประเทศ, ใช้เวทีสหประชาชาติอย่างเป็นระบบมากขึ้น, กลไกแบบทวิภาคีจำเป็นต้องดำเนินต่อไป และแสดงเจตจำนง ยอมรับเขตอำนาจศาล ICC แบบเฉพาะรายกรณี ต่อเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากเหตุปะทะของทั้ง 2 ฝ่ายบนเวทีนานาชาติ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

บทสัมภาษณ์ ผศ.ดร. ธนภัทร ชาตินักรบ อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายระหว่างประเทศ และศูนย์กฎหมายแพ่ง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2568

https://www.icc-cpi.int/about/how-the-court-works

https://www.icc-cpi.int/sites/default/files/2024-05/Rome-Statute-eng.pdf

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...