โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

รับมือภาษีทรัมป์ หลังวันที่ 9 ก.ค.

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 06 ก.ค. เวลา 03.38 น. • เผยแพร่ 06 ก.ค. เวลา 04.05 น.

คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

นับจากวันที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศที่จะเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) จากประเทศคู่ค้าที่ “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐ รวมทั้งประเทศไทย นับจากวันที่ 2 เมษายน 2568 ต่อเนื่องมาจนใกล้ครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ในวันที่ 9 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ ทุกประเทศที่มีรายชื่อจะต้องถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ต่างเร่งที่จะเปิดการเจรจาการค้ากับสหรัฐ เพื่อขอลดหย่อนอัตราภาษีตอบโต้ลง อันเนื่องมาจากภาษี Reciprocal ที่ประกาศออกมานั้นมีอัตราภาษีที่สูงมาก โดยเฉพาะกับประเทศที่เกินดุลการค้ามาก ๆ หรือติดอันดับประเทศที่เกินดุลสูงสุด

โดยประเทศไทยเองก็ตกอยู่ในฐานะประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ ติด 1 ใน 10 อันดับต้น ๆ จากตัวเลขการค้าปี 2567 ปรากฏ ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าสหรัฐสูงถึง 35,427.6 ล้านหรียญ และการเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าสหรัฐครั้งนี้ ไม่ได้เป็นปีแรก แต่เป็นการได้ดุลการค้าสหรัฐติดต่อต่อเนื่องกันมานานหลายปี จนกระทั่งประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ ที่สหรัฐต้องการที่จะลดตัวเลขการขาดดุลการค้าลงให้ได้

ส่งผลให้ประเทศไทยถูกสหรัฐประกาศที่จะเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ในอัตราร้อยละ 36 เป็นรองในกลุ่มประเทศอาเซียนที่เป็นประเทศคู่แข่งขันในการส่งออกที่สำคัญ ก็เฉพาะแต่เวียดนามเท่านั้น ที่ถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้สูงกว่าไทย ที่ร้อยละ 46 ได้สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการส่งออกของประเทศที่ว่า หลังวันที่ 9 กรกฎาคม อัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยไปยังสหรัฐจะได้รับการลดหย่อนลงมาหรือไม่ ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนทางการค้ามาตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ตกอยู่ในสถานะที่ยากลำบากมากกว่าประเทศคู่ค้าอื่น ๆ แม้รัฐบาลไทยจะออกข่าวที่ว่า มีความพร้อมที่จะเจรจากับสหรัฐบนพื้นฐานความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจเป็นความเข้าใจแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่สหรัฐกลับเลือกที่จะเจรจากับไทยเป็นประเทศท้าย ๆ หรือเพียงสัปดาห์เดียว ก่อนที่ระยะเวลาแห่งการผ่อนผัน 90 วัน ในการเรียกเก็บภาษีตอบโต้จะสิ้นสุดลง

ทำให้ความไม่แน่นอนในสถานะของประเทศไทยจะอยู่ตรงไหน ระหว่างการถูกเรียกเก็บภาษีตอบโต้ร้อยละ 36 หรือได้รับการขยายระยะเวลาในการเจรจาออกไป หรือได้รับการลดอัตราภาษีตอบโต้ลงระดับหนึ่ง เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจากันต่อ

ขณะที่ประเทศเวียดนามกลับสามารถบรรลุผลการเจรจากับสหรัฐได้เป็นประเทศแรก ๆ ด้วยหลักการกว้าง ๆ ที่ว่า จะถูกเก็บภาษีตอบโต้ร้อยละ 20 เก็บภาษีสินค้าแอบอ้างแหล่งกำเนิดร้อยละ 40 และภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐบางกลุ่มเป็นร้อยละ 0 จนดูเหมือนว่า หลักการนี้กำลังจะกลายมาเป็นบรรทัดฐานการเจรจากับประเทศซึ่งอยู่ในกลุ่มอาเซียนรวมทั้งประเทศไทยด้วย จึงควรที่ผู้ประกอบการส่งออกจักต้องเตรียมรับมือ ไม่ว่าผลการเจรจาของคณะผู้แทนไทยจะออกมาเป็นอย่างไร ทั้งการเผชิญกับการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ กับภาษีแอบอ้างถิ่นกำเนิด ไปพร้อม ๆ กัน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รับมือภาษีทรัมป์ หลังวันที่ 9 ก.ค.

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...