โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ร้านทองจีน Laopu Gold โตสวนวิกฤติแบรนด์หรู ดันหุ้นพุ่ง 20 เด้ง

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 05 ก.ค. เวลา 21.39 น. • เผยแพร่ 06 ก.ค. เวลา 05.00 น.

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดขายแบรนด์หรูจากยุโรปและอเมริกาใจ “จีน” ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มานานหลายทศวรรษกำลังลดลง เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหน่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อลดลง

ในช่วงเวลาเดียวกัน “เหลาผู่ โกลด์” ( Laopu Gold ) แบรนด์เครื่องประดับทองคำน้องใหม่ของจีนกลับโตสวนกระแสและประสบความสำเร็จอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแหวน สร้อยคอ หรือกำไลข้อมือ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในกลุ่ม “ชนชั้นกลาง” ที่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากที่สุด

ผลประกอบการ Laopu Gold พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และราคาหุ้น Laopu Gold ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงก็พุ่งสูงขึ้นกว่า 20 เท่าตั้งแต่เข้าจดทะเบียนเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้ Laopu Gold ได้ขยายเครือข่ายร้านค้าอย่างรวดเร็วจนมีถึง 40 สาขา และเริ่มขยายธุรกิจไปต่างประเทศแล้ว โดยเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่สิงคโปร์ และมีแผนจะเปิดสาขาที่โตเกียวในอนาคต

‘ตลาดสินค้า’ จีนกำลังเปลี่ยนไป

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Laopu Gold เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดสินค้าหรูจีน แบรนด์ท้องถิ่นกำลังได้รับความนิยมแซงหน้าแบรนด์ต่างชาติที่เคยเป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดไม่ได้มีแค่ Laopu Gold เท่านั้น Seres Group Co. ผู้ผลิตรถยนต์ที่เคยโด่งดังจากรถมินิแวนราคาประหยัด ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับไฮเอนด์ที่ร้อนแรงที่สุดในจีน แซงหน้าทั้ง BMW และ Mercedes-Benz โดยรถ SUV รุ่น Aito M9 ของ Seres Group กลายเป็นรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดในประเทศสำหรับรถยนต์ที่มีราคาสูงกว่า 500,000 หยวน

หรือแม้แต่ธุรกิจเครื่องสำอาง Mao Geping Cosmetics Co. แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรีเมียมที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเช่นกัน โดยมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เมื่อปีที่แล้ว สวนทางกับคู่แข่งต่างชาติอย่าง L'Oréal SA ที่ต้องเผชิญกับยอดขายที่น่าผิดหวังในจีน

กุญแจสู่ความสำเร็จของ Laopu

ซู เกาหมิง (Xu Gaoming) ผู้ก่อตั้ง Laopu Gold ได้เปิดร้านแห่งแรกในปี 2009 ในย่านช้อปปิ้งหรูหราใจกลางกรุงปักกิ่ง ซู เกาหมิง เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการทองคำ และมีความตั้งใจที่จะนำเทคนิคการทำเครื่องประดับแบบจีนแบบดั้งเดิมมาใช้ โดยเน้นการสร้างสรรค์ลวดลายที่วิจิตรบรรจงและการลงยา และมีการออกแบบของ Laopu Gold เน้นเล่นกับลวดลายทางวัฒนธรรมที่คุ้นเคยของจีน เช่น ลวดลายน้ำเต้าและสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา แต่ในขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มความทันสมัยเข้าไปด้วย ทำให้เครื่องประดับของ Laopu มีความแปลกใหม่และดึงดูดใจผู้บริโภคยุคใหม่

Laopu Gold มักจะตั้งราคาที่ต่ำกว่าแบรนด์สินค้าหรูจากตะวันตก ทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น สินค้าหลักของพวกเขามีราคาตั้งแต่ 1,500 ถึง 7,000 ดอลลาร์ แต่ก็มีสินค้าไฮเอนด์บางชิ้นที่ราคาสูงถึง 35,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นราคาที่ก้าวกระโดดจากร้านจิวเวลรี่ทั่วไปในห้างสรรพสินค้าอย่างเห็นได้ชัด

ร้านของ Laopu Gold ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใน ห้างสรรพสินค้าที่หรูหราที่สุด ซึ่งเป็นที่ตั้งของแบรนด์เครื่องประดับหรูระดับโลกอย่าง Cartier, Tiffany และ Van Cleef & Arpels อยู่แล้ว การขยายสาขาเข้าไปในทำเลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของ Laopu Gold ในการแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลก และยังสามารถดึงดูดลูกค้าจากแบรนด์เหล่านี้ได้อีกด้วย

Morgan Stanley มองว่าจุดที่ทำให้ Laopu ยังได้รับความนิยมเป็นพิเศษจากผู้บริโภคชนชั้นกลางที่กำลังเผชิญกับเศรษฐกิจที่ผันผวน เพราะ Laopu อยู่ในจุดที่คุ้มค่าที่สุดเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมกว่าแบรนด์ตลาดทั่วไปแต่ราคาไม่แพง Laopu จึงสามารถเจาะตลาดและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้

แบรนด์หรูระดับโลก ยังหวั่นเมื่อแบรนด์จีนโต

แม้ว่ายอดขายของ Laopu Gold ในประเทศจีนเมื่อปีที่แล้วจะยังคงน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของ Cartier แต่ Morgan Stanley รายงานว่า Laopu ได้แซงหน้า Van Cleef & Arpels ไปแล้ว ที่สำคัญคือ Laopu กำลังเติบโตเร็วกว่าแบรนด์หรูชั้นนำจากตะวันตกอย่างเห็นได้ชัด

ยิ่งไปกว่านั้น ยอดขายของ Laopu ในห้างสรรพสินค้ายังสูงกว่าคู่แข่งตะวันตกส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม โดยในปี 2567 ที่ผ่านมารายได้ของ Laopu เพิ่มขึ้นถึง 168% ในขณะที่ยอดขายของ Richemont บริษัทแม่ของ Cartier และ Van Cleef & Arpelsในจีนแผ่นดินใหญ่กลับลดลง 23%

การเติบโตของ Laopu Gold ได้รับการจับตามองจากผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมสินค้าหรูระดับโลก เช่น Nicolas Bos ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Cie. Financiere Richemont SA กลุ่มบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Cartier และ Van Cleef & Arpels ได้กล่าวถึง Laopu โดยยอมรับว่า Laopu เข้าใจมาตรฐานบางประการของสินค้าฟุ่มเฟือยระดับนานาชาติและมีผลิตภัณฑ์ที่ "ไม่เหมือนใคร"

ความท้าทายของ Laopu Gold

ราคาทองคำ ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณสองเท่าของราคาในปี 2022 ได้สร้างความคึกคักให้กับตลาดของ Laopu Gold อย่างมาก เนื่องจากผู้บริโภคจำนวนมากมองว่าเครื่องประดับของบริษัทเป็นช่องทางในการเก็บรักษาเงินในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของราคาทองนี้ก็อาจกลายเป็น ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด ที่บริษัทต้องเผชิญเช่นกัน หากราคาทองคำลดลง ผู้บริโภคอาจจะเริ่มระมัดระวังในการซื้อเครื่องประดับทองคำ

แม้ว่าในปีนี้ Laopu Gold จะสามารถแซงหน้า Chow Tai Fook ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านทองเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 96 ปี และมีร้านค้ามากกว่า 6,000 แห่ง ขึ้นมาเป็นร้านขายเครื่องประดับที่มีมูลค่าสูงที่สุดของจีนได้สำเร็จ แต่สูตรความสำเร็จของ Laopu ก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป Chow Tai Fook เองก็ได้เริ่มนำเสนอเครื่องประดับทองสไตล์โบราณออกสู่ตลาดแล้ว และแบรนด์เล็กๆ อื่นๆ ก็เริ่มนำแนวทางที่คล้ายกับ Laopu มาปรับใช้

อ้างอิง Bloomberg

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...