โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ปูติน-สียืนฝั่งอิหร่าน ร้องสหรัฐฯ-อิสราเอลหยุดความรุนแรงในตะวันออกกลาง

Amarin TV

เผยแพร่ 23 มิ.ย. เวลา 04.13 น.
รัสเซีย จีน รวมถึงปากีสถาน ยื่นมติต่อที่ประชุม UNSC เรียกร้องการหยุดยิงในตะวันออกกลางทันที สหรัฐฯ มีแนวโน้มไม่เอาด้วย

จีน รัสเซีย และปากีสถานเรียกร้องการหยุดยิงในตะวันออกกลางทันที ระหว่างการประชุมด่วนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council หรือ UNSC) ที่จัดขึ้นวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน 2568 หลังสหรัฐฯ ถล่มฐานอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าข้อเสนอดังกล่าวจะจัดการลงคะแนนเมื่อไหร่

จีน รัสเซีย ปากีฯ เสนอหยุดยิง แต่สหรัฐฯ อาจวีโต้

จีน รัสเซีย และปากีสถานเผยแพร่ข้อเสนอดังกล่าวแล้ว และขอให้ประเทศสมาชิกแสดงความคิดเห็นภายในช่วงค่ำวันนี้ (วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2568) ข้อเสนอจะผ่าน ต้องได้รับการโหวตเห็นชอบ 9 เสียง และไม่มีการโหวตคัดค้านจาก สหรัฐฯ ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร รัสเซีย หรือจีน จึงจะผ่านได้

สำนักข่าวต่างประเทศ Reuters คาดการณ์ว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มจะลงคะแนนคัดค้านข้อเสนอหยุดยิงนี้ เนื่องจากร่างมติหยุดยิงประณามการโจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน แม้จะไม่ได้ระบุชื่อสหรัฐฯ หรืออิสราเอลอย่างตรงไปตรงมาก็ตามที

สี-ปูติน ส่งสารอ้อมถึงทรัมป์ ควรหยุดความรุนแรงในตะวันออกกลาง

จีนและรัสเซียแสดงจุดยืนเคียงข้างกัน ต่อต้านความขัดแย้งในตะวันออกกลางมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้สนทนาทางโทรศัพท์ เรียกร้องให้ประเทศ “มหาอำนาจ” ช่วยลดระดับความรุนแรง ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นการส่งสารทางอ้อมถึงสหรัฐฯ และยังประณามการกระทำของอิสราเอลผ่านบทสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งนั้น

แหล่งข่าวกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า สี จิ้นผิง พูดว่า “ประชาคมนานาชาติ โดยเฉพาะเหล่ามหาอำนาจที่มีอิทธิพลเป็นพิเศษต่อประเทศที่มีความขัดแย้ง ควรพยายามลดระดับความรุนแรงสถานการณ์นี้ ไม่ใช่ทำตรงกันข้าม”

“ผู้มีส่วนร่วมกับความขัดแย้ง โดยเฉพาะอิสราเอลควรหยุดยิงให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และหลีกเลี่ยงไม่ให้สงครามลุกลามอย่างเด็ดขาด” สี กล่าวกับปูติน

รัฐบาลรัสเซียกล่าวว่า ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันว่า ความขัดแย้งเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการดำเนินการทางการทหาร แต่ควรดำเนินการผ่านวิธีการทางการเมืองและการทูต

“(ปูติน) ยืนยันความพร้อมของรัสเซียที่จะดำเนินการไกล่เกลี่ยหากจำเป็น ผู้นำจีนเองก็แสดงออกว่าสนับสนุนวิธีการนี้ คาดว่าจะนำไปสู่การลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ที่ตอนนี้ตึงเครียดอย่างที่สุด”

บทสนทนาในห้องประชุม UNSC

อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวถึงผลการโจมตีของสหรัฐฯ ในอิหร่าน

“การที่สหรัฐฯ ระเบิดโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่านทำให้เกิดจุดเปลี่ยนอันตรายในภูมิภาคนี้ ทั้งที่สถานการณ์ก็ผันผวนมากอยู่แล้ว… ตอนนี้เราเสี่ยงที่จะตกลงในหลุมลึกของการตอบโต้กันไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“เราต้องลงมือเลย ลงมือทันทีและแน่วแน่ เพื่อหยุดการต่อสู้ และหันกลับมาสู่การเจรจาเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่จริงจังและยั่งยืน” กูเตอร์เรสกล่าว

การประชุมด่วนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจัดขึ้นตามข้อเรียกร้องของอิหร่าน ที่เรียกร้องให้ประเทศสมาชิก UNSC ทั้ง 15 ประเทศ “จัดการกับการกระทำอันก้าวร้าวอย่างโจ่งแจ้งและผิดกฎหมายครั้งนี้ และขอให้ประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรงที่สุด” อามีร์-ซาอีด อีราวานี ผู้แทนอิหร่านประจำ UNSC กล่าวประณามสหรัฐฯ

“เป็นอีกครั้งแล้วที่สหรัฐฯ ผู้เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ใช้กำลังผิดกฎหมาย สร้างสงครามกับประเทศของข้าพเจ้า ด้วยข้ออ้างที่กุขึ้นมาและไร้สาระ คือป้องกันไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”

ผู้แทนจากจีน ฟู่ ชง ประณามการโจมตีของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง และเรียกร้องให้มีการ “หยุดยิงทันที” เนื่องจากการกระทำดังกล่าว “ละเมิดวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง”

ด้านแดนนี ดานอน ผู้แทนอิสราเอลกล่าวว่า “สหรัฐฯ และอิสราเอลไม่สมควรถูกประณาม แต่ควรได้รับการชื่นชมและขอบคุณที่ทำให้โลกเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยขึ้นมากกว่า”

โดโรธี เชีย ผู้แทนจากสหรัฐฯ ปกป้องการดำเนินการทางทหารครั้งนี้ของประเทศตน กล่าวว่า การโจมตีเป็นสิ่งจำเป็น และเตือนว่า หากอิหร่านโจมตีกลับ กอกกำลังสหรัฐฯ จะ “ตอบโต้อย่างรุนแรง”

การโจมตีกลางดึกของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม บทนาทนาระหว่างสีและปูตินดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะต่อมาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 สหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการทางการทหารในชื่อ Midnight Hammer โจมตีฐานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่าน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า เครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 จำนวน 7 ลำ และการใช้ระเบิดเจาะบังเกอร์น้ำหนัก 30,000 ปอนด์

การโจมตีอิหร่านจากฝั่งอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 865 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกราว 3,369 คน อ้างอิงตามข้อมูลกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนในวอชิงตัน

ราฟาเอล กรอสซี หัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบด้านนิวเคลียร์ (UN nuclear watchdog) กล่าวถึงความเสียหายต่อฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านกับ UNSC

“ไม่มีใคร แม้แต่ IAEA สามารถประเมินความเสียหายได้เลย” เขากล่าว แม้ว่าจะสามารถมองเห็นหลุมขนาดใหญ่บนดิน บนเขาฟอร์โดว์

“อิหร่านบอกกับ IAEA ว่า ระดับของรังสีไม่มีการเพิ่มระดับขึ้นบริเวณนอกฐานนิวเคลียร์ทั้ง 3 ฐาน” กรอสซี เป็นหัวหน้าสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ

อิหร่านจะตอบโต้อย่างไร

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าจะ “ลบ” ฐานทัพนิวเคลียร์ในกรุงเตหะรานของอิหร่านออกไปเสีย การที่สหรัฐฯ เข้าร่วมกับอิสราเอลในครั้งนี้เป็นการดำเนินการทางทหารของโลกตะวันตกต่อรัฐอิสลามครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การปฏิวัติปี 1979

ทั้งโลกกำลังตั้งตารอว่า อิหร่านจะตอบโต้คำขู่นี้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไร

อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกำลังเผชิญกับความท้าทายใหญ่หลวงที่สุดต่ออำนาจการนำของเขา หลังสหรัฐฯ โจมตีด้วยปฏิบัติการ Midnight Hammer

นักวิเคราะห์คาริม ซัดจัดปูร์ จากมูลนิธิคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ กล่าวกับผู้สื่อข่าวสำนักข่าว CNN ถึงความเสี่ยงการรับมือสถานการณ์ตึงเครียดของผู้นำสูงวัยแห่งอิหร่าน

“เขาอยู่ในบังเกอร์ เขาอายุ 86 ปีแล้ว เขามีข้อจำกัดทั้งด้านร่างกายและการรับรู้ บรรดาผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขาส่วนใหญ่ถูกลอบสังหาร เขาไม่สามารถควบคุมห้วงน่านฟ้าของตัวเองได้ เพราะอิสราเอลเป็นฝ่ายควบคุมอยู่” เขากล่าว “และที่สำคัญคือ ไม่มีทางออกจากสงครามนี้ เขาไม่มีทางชนะสงครามนี้ได้ เขาเสียเปรียบทั้งด้านกำลังทหาร การเงิน และเทคโนโลยี”

ทรัมป์ปฏิเสธแผนการของอิสราเอลที่จะฆ่าคาเมเนอี แต่ก็กล่าวว่าเขาเป็น “เป้าหมายง่าย ๆ ” เมื่อสัปดาห์ก่อน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...