กัมพูชาฐานทัพใหญ่จีน?
กัมพูชาฐานทัพใหญ่จีน?
#ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด ติดแฮชแท็กธงไตรรงค์โบกสะบัดขึ้นแท่นติดชาร์ตชั่วข้ามคืน
กระแสชาตินิยม สถานการณ์ตึงเครียดตามแนวตะเข็บชายแดน กระแสรัฐบาลขัดแย้งกับกองทัพต่อการแก้ไขปัญหาข้อพิพาท กดดันรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถึงขั้นเรียกประชุมสมัชชาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นัดพิเศษ เพื่อสะสางปัญหาระดับภูมิภาค
นับจากนั้นทิศทางต่อสู้ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาเริ่มไปทิศทางเดียวกัน กองทัพฝ่ายปฏิบัติทั้งกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 กองบัญชาการควบคุมชายแดนจันทบุรี-ตราด สแกนหน้างานออกคำสั่งกำหนดมาตรการควบคุมปิด-เปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาทันที
ล็อกเป้าหมายรักษาความสงบปลอดภัยในพื้นที่ของชาวไทยและชาวกัมพูชา ตีกันชาวบ้านทั้งสองชาติออกจากความขัดแย้ง
นับเป็นกลยุทธ์กองทัพไทยที่คำนึงถึงเศรษฐกิจ การค้าชายแดน ชีวิตความเป็นอยู่ ควบคู่หลักมนุษยธรรม เพื่อบีบผู้นำกัมพูชา ทั้ง “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” ที่ห้าวเป้งนักเลงขาสั้น โดยเฉพาะ “ฮุนเซน” กดรั่วๆ เขย่ากระแสชาตินิยมผ่านโซเชียล ทำเอาข้าราชการรุ่นใหม่-เยาวชนรุ่นใหม่ในกัมพูชาหาวเรอกับพฤติกรรมแบบเดิมๆ
ต่างกับผู้นำไทย “นายกอิ๊งค์-ทักษิณ” เงียบผิดปกติ ถึงขั้นภาคประชาชนแขวะรัฐบาล โดยประชาชนผู้รักชาติช่วยกันปลุก “รัฐบาลให้รักชาติ”
งานนี้ยังได้สัมผัสประชาชนทั้งไทยและกัมพูชาบางส่วน ไม่ติดกับดักพวกปั่นกระแส เพราะรู้ดีว่าสงครามจุดติดง่าย แต่ดับยาก และรู้เท่าทันนักการเมืองคือผู้แสวงหาอำนาจปกครอง เข้ามาใช้อำนาจ รักษาอำนาจ กลุ่มการเมืองที่ไร้อำนาจก็ใช้จังหวะแบบนี้รอปล้นชิงอำนาจ
ฝ่ายที่เดือดร้อนจริงๆ คือประชาชนของทั้งสองประเทศ ฉะนั้นการเมืองทำให้ประชาชนมีสุขหรือมีทุกข์ได้ นับเป็นภาระที่ท้าทายของรัฐบาลอิ๊งค์ฝ่ากระแสชาตินิยมอย่างไร
เพื่อปรับโหมดให้กัมพูชาเล่นเกมเดียวกับไทย คือ เปิดเจรจาตามกรอบเอ็มโอยู43 เพื่อเบรกเกมกัมพูชาลากไปพึ่งบริหารอำนาจศาลโลก ศาลของลัทธิเจ้าอาณานิคม และปิดเกมแห่งสงครามที่ยังมีโอกาส ปะทุเป็นภูเขาไฟ โดยที่ประชาชนของสองชาติไม่อยากให้เกิดแน่
แต่ความขัดแย้งครั้งนี้มีมิติที่ซับซ้อน โดยเฉพาะมหาอำนาจอย่างจีนถูกคนไทยจับตามองไม่กะพริบ แม้ทางการจีนยืนยันวางตัวเป็นกลาง แต่พฤติการณ์ที่ผ่านมา มีการซ้อมรบใหญ่ทางบกระหว่างกัมพูชากับจีน ก่อนเกิดเหตุ“ช่องบก 28 พ.ค.68”
ตามกลยุทธ์เดิมยังเตรียมซ้อมรบทางทะเล 11-13 มิ.ย. ใกล้เกาะกูดของประเทศไทยนิดเดียว ก่อนประชุมคณะกรรมการชายแดนหรือเจบีซี ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ
ปมนี้ “รัฐบาลไทยควรทำหนังสือแสดงความกังวลถึงสถานทูตจีนที่กรุงเทพฯ และทำหนังสือลักษณะเดียวกันถึงรัฐบาลที่ปักกิ่ง เพื่อให้ชาวไทยได้เห็นจุดยืนของรัฐบาลจีน” อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคง และยุทธศาสตร์การทหาร ออกโรงแนะนำรัฐบาลอิ้งค์
เพราะจีนเป็นชาติสนับสนุนอาวุธรายใหญ่ให้กัมพูชา โดยมีข้อมูลลับเฉพาะหลังซ้อมรบทางบกก่อน28 พ.ค. ได้ทิ้งยุทโธปกรณ์ส่วนหนึ่งเอาไว้ โดยมีแนวโน้มใช้แผ่นดินกัมพูชาเป็นฐานทัพใหญ่ของจีนในภูมิภาคนี้
แต่กองทัพอากาศไทยกลับใช้จังหวะกระแสสงครามไทย-กัมพูชา ปิดจ๊อบซื้อกริพเพ่นฝูงใหญ่ 12 ลำ โดยที่รัฐบาลอิ๊งค์ไม่กล้าแตะเบรก
หากจำเป็นซื้อเครื่องบินรบในภาวะจีนรุกหนักอาเซียน ไทยต้องซื้อเครื่องบินรบจากสหรัฐอเมริกา เพื่อทลายเงื่อนไขกำแพงภาษีทรัมป์ และดึงสหรัฐฯถ่วงดุลอำนาจชาติมหาอำนาจจีนไปในตัว
#มะม่วงแปดริ้ว