โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

Bella Ramsey นักแสดงผู้ประกาศตนเป็นนอน-ไบนารี พบว่าตัวเองมีภาวะออทิสติก และการเติบโตจากลูกรักคนดู GOT สู่สนามอารมณ์แห่ง The Last of Us

Mirror Thailand

อัพเดต 22 พ.ค. เวลา 08.38 น. • เผยแพร่ 22 พ.ค. เวลา 08.38 น.
ภาพไฮไลต์

ซีรีส์ The Last of Us ซีซั่นที่สอง (2025) เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว และมันก็กวาดคำชมถล่มทลาย ทั้งในแง่การเขียนบท, การแสดง หรือกระทั่งความกล้าหาญในการตัดทอนตัวละครหรือเส้นเรื่องบางอย่างทิ้ง

ตัวซีรีส์ดัดแปลงมาจากเกมชื่อเดียวกันและออกฉายซีซั่นแรกในปี 2023 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างน่าจับตา โดยมันเล่าถึงโลกดิสโทเปียสุดขีดคลั่ง เมื่อมนุษย์ติดเชื้อราประหลาดที่ทำให้พวกเขามีลักษณะคล้ายซอมบี้ ออกไล่ล่าและแพร่เชื้อด้วยการกัดผิวเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มิหนำซ้ำ พวกมันยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย ทั้งวิธีการจัดการก็ยากแสนยากเพราะต้องเล็งที่หัว ในสภาพการณ์ที่สิ้นหวังอย่างที่สุด เอลลี (เบลลา แรมซีย์) เด็กสาวคนหนึ่งกลับมีภูมิคุ้มกันที่ทำให้เธอถูกผู้ติดเชื้อกัดแล้วไม่เสียชีวิตหรือไม่กลายสภาพเหมือนคนอื่น คุณสมบัตินี้ของเอลลีมีแนวโน้มจะทำให้เธอถูกจับตาเพ่งเล็งของมนุษย์หลายๆ กลุ่ม ทำให้เธอต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จะมีก็เพียง โจล (เปโดร ปาสกาล) ชายวัยกลางคนที่คอยดูแลและออกร่วมเดินทางไปกับเธอในโลกอันเส็งเคร็งนี้เท่านั้นที่รู้ความลับนี้

เอลลีคือหนึ่งในหัวใจสำคัญของเส้นเรื่อง และเบลลา แรมซีย์ นักแสดงจากน็อตติ้งแฮม ประเทศอังกฤษคือผู้ที่รับหน้าที่ถ่ายทอดบทบาทซึ่งเป็นเสมือนแกนกลางของเรื่องนี้ หลายคนอาจจะคุ้นหน้าของแรมซีย์จากการบท ลีอานนา มอร์มอนต์ เลดี้สุดแกร่งแห่ง Game of Thrones (2011–2019) ที่แรมซีย์ถ่ายทอดความขึงขัง เด็ดขาดของผู้นำวัยเยาว์ท่ามกลางสงครามได้อย่างชวนประทับใจ ทั้งยังโดดเด่นจนได้ไปรับบทนำ Catherine Called Birdy (2022) ในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวในฐานะเอลลีจาก The Last of Us ซีซั่นแรก ทำให้แรมซีย์เป็นที่รู้จักมากกว่าบทบาทไหนๆ ที่เคยแสดงมา “จริงๆ นะ ฉันไม่คิดว่าตัวเองอยากโด่งดังอะไรขนาดนั้นหรอก ก็เลยไม่ได้คิดจะมาแสดงในซีรีส์เรื่องนี้เลยค่ะ” แรมซีย์ให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งที่ซีซั่นแรกออกฉายได้ไม่นาน “เพราะรู้ว่ามันอาจพาฉันไปยังจุดที่ฉันไม่ได้อยากไปนัก นั่นคือการถูกจับตามอง การเป็นที่รู้จัก คือว่าฉันเป็นคนชอบเก็บตัวเงียบๆ มากกว่าล่ะ”

หากแต่ฝีมือการแสดงและบุคลิกของแรมซีย์ก็เข้าตาทีมสร้าง The Last of Us เข้าอย่างจัง “เราอยากได้นักแสดงที่ดูขึงขัง เฉลียวฉลาดกว่าอายุ และดูพร้อมจะใช้ความรุนแรงได้ด้วย” นีล ดรัคแมนน์ (Neil Druckmann) ผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์เกม The Last of Us บอก ขณะที่ เคร็ก มาซิน (Craig Mazin) ผู้สร้างตัวซีรีส์ประทับใจการแสดงของแรมซีย์มาก และคิดว่าเธอเป็นนักแสดงที่จะตอบโจทย์ความต้องการของทั้งเขาและดรัคแมนน์ได้ “เธอดูจริงสุดๆ มันเหมือนเราไม่ได้กำลังดูการแสดงอยู่เลย”

ภายหลังประกาศว่าแรมซีย์เป็นผู้คว้าบทเอลลีไป ก็เกิดกระแสต่อต้านแทบจะทันที เพราะ The Last of Us ถือเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จและมีฐานแฟนวงกว้าง ทันทีที่รู้ว่าเกมกำลังถูกสร้างเป็นซีรีส์ ก็มีหลายคนที่แคสต์นักแสดงในดวงใจตัวเองเล่นๆ ที่เน้นให้หน้าเหมือนตัวละครในเกมเป็นหลัก แน่นอนว่าเมื่อแรมซีย์ไม่ตรงตามกับที่พวกเขาวาดหวังไว้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์แง่ลบก็ถาโถมขึ้นทันที โดยที่ซีรีส์ยังไม่ได้ออกฉายด้วยซ้ำ! “ฉันอ่านหมดทุกอย่างแหละ” แรมซีย์บอก “เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ต้องรับมือกระแสด้านลบมากมายขนาดนี้”

กระแสเชิงลบที่มีต่อแรมซีย์ถาโถมอีกครั้งเมื่อซีซั่นที่สองออกอากาศ เพราะตัวละครเอลลีเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เธอเริ่มสนใจสานความสัมพันธ์กับเพื่อนสาว (ซึ่งเกิดขึ้นในเกมเช่นกัน) ในขณะที่ก็อยู่ในภาวะเครียดเขม็งสุดขีดกับการต้องรับมือเหล่าผู้ติดเชื้อที่มาเป็นกองทัพ และกระแสโจมตีแรมซีย์ก็หนักหนา ตั้งแต่การตัดต่อหน้าตามาทำเป็นมุกตลก หรือสาปส่งว่าแรมซีย์ทำให้ซีรีส์จืดชืดไร้รสชาติ ทั้งยังไม่สวยและไม่เซ็กซี่ชวนมองเอาเสียเลย (ที่ก็ชวนให้ตั้งคำถามกลับว่า แล้วคุณจะไปอยากได้ความเซ็กซี่หรือยั่วยวนในซีรีส์ที่พูดเรื่องการเอาชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ทำไม!)

ทั้งนี้ แรมซีย์ประกาศว่าตัวเองมีภาวะออทิสติก และค้นพบเรื่องนี้ระหว่างการถ่ายทำ The Last of Us ซีซั่นแรก โดยระหว่างถ่ายทำในแคนาดา ทีมงานที่มีลูกสาวอยู่ในภาวะออทิสติกสังเกตว่าแรมซีย์อาจมีภาวะนี้เช่นกัน และข้อสังเกตนี้ก็นำพาให้แรมซีย์ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในที่สุด ซึ่งตัวแรมซีย์ไม่แปลกใจนักเพราะที่ผ่านมาก็มักสงสัยอยู่เนืองๆ ว่าตัวเองอาจมีภาวะหรือเข้าข่ายออทิสติก ทั้งจากนิสัยรักการอยู่คนเดียว หรือเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีกว่าเด็กวัยเดียวกัน, ไวต่อความรู้สึกและสัมผัส กรณีของแรมซีย์คือไม่ชอบความรู้สึกของการสวมเสื้อกันฝนหนาหนักหรือเสื้อกันหนาว แต่อีกด้าน แรมซีย์ก็บอกว่า ความไวต่อสัมผัสและความอ่อนไหวบางอย่างนี้ก็ช่วยในเรื่องการแสดงเช่นกัน “ฉันสังเกตและเรียนรู้จากผู้คนรอบๆ ตัวเสมอ และการต้องเรียนรู้วิธีการเข้าสังคม ก็ทำให้ฉันแสดงได้ดีมากขึ้นด้วย”

“การได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติกมันดีนะ มันช่วยให้ฉันเข้าใจตัวเองได้มากขึ้นจริงๆ” แรมซีย์บอก

เดือนเมษายนที่ผ่านมา แรมซีย์เพิ่งประกาศว่าเธอเป็นนอน-ไบนารี และกลายเป็นว่ายิ่งทำให้ถูกแฟนเกมส์-ซีรีส์บางคนล้อเลียนอย่างหนัก “ด้านหนึ่ง ฉันก็คิดว่าฉันไม่น่าประกาศตัวเอาเสียเลยเพราะไม่อยากกลายเป็นพาดหัวข่าว หรือถูกทำให้เป็นเรื่องใหญ่น่ะ” เธอบอก “แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ตามมานี้เท่าไหร่

“แต่อีกด้านหนึ่งนะ คนก็เข้ามาหาฉันแล้วบอกว่า เหมือนพวกเขามีฉันเป็นตัวแทนของคนนอน-ไบนารีเหมือนกัน” แรมซีย์บอก “เพราะงั้นความรู้สึกมันเลยผสมกันมั่วไปหมด แต่ถึงที่สุด ฉันก็ยังคิดว่าเป็นสิ่งดีนะ เพราะมันทำให้ฉันได้ใช้ชีวิตอย่างเสรีมากขึ้นโดยไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองกำลังแบกความลับไว้ แต่แค่รู้สึกอยู่เรื่อยๆ ว่า ‘ก็อยากพูดประเด็นนี้นะ แต่ไม่อยากให้คนมาสนใจขนาดนั้น’ มองภาพรวมแล้ว ฉันว่าฉันสบายเนื้อสบายตัวกับเรื่องนี้ดี และก็อยากให้คนอื่นๆ รู้สึกเหมือนกันด้วย”

อย่างไรก็ดี ในแง่การประกาศรางวัลสายการแสดงที่ยังแบ่งสาขาเป็นนักแสดงชายและนักแสดงหญิงนั้น แรมซีย์พิจารณาประเด็นนี้ว่า “ฉันว่ามันจำเป็นมากเลยนะที่เราจะต้องตระหนักถึงตำแหน่งแห่งที่และบทบาทของผู้หญิงในอุตสาหกรรมนี้ ข้อถกเถียงเรื่องการแบ่งสาขารางวัลตามเพศก็น่าสนใจเหมือนกัน ตัวฉันเองไม่มีคำตอบหรอก หวังว่าอนาคตคงมีคำตอบของเรื่องนี้ แต่ที่แน่ๆ คือฉันว่ามันก็ยังสำคัญอยู่นะ การแบ่งหมวดระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายนี่น่ะ แต่คำถามคือ แล้วคนนอน-ไบนารี่กับคนที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด (gender-nonconforming) ล่ะ จะเข้าไปอยู่ในสาขาไหน

“นักแสดงนั้นสวมบทบาทเป็นตัวละครได้อยู่แล้ว อย่างการสวมบทเป็นตัวละครหญิง แต่ถ้าเป็นตัวละครนอน-ไบนารี่ล่ะ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นตัวละครที่ยังไม่ค่อยถูกเล่ามากนักในอุตสาหกรรม แต่มันก็น่าจะมีนักแสดงนอน-ไบนารี่ที่จะมารับบทเป็นตัวละครนอน-ไบนารี่เหมือนกันนะ เพราะจะเหมาะกับบทสุดๆ” แรมซีย์บอก “ไม่รู้เหมือนกันแฮะ มันซับซ้อนมากเลยล่ะประเด็นนี้”

อย่างไรก็ตาม The Last of Us ที่กำลังเดินทางมาสู่โค้งสุดท้ายของซีซั่นสอง ยังทำให้แรมซีย์ตกเป็นเป้าโจมตีของแฟนเกมส์หลายคนอยู่เรื่อยๆ และบานปลายไปถึงขั้นการกล่าวหาว่าร้าย หรือระบุว่าแรมซีย์คือต้นเหตุที่ทำให้ซีรีส์ไม่สนุก (!!) ทั้งหลายคนยังยืนยันว่า ความผิดพลาดของแรมซีย์คือหน้าตาไม่เหมือนตัวละครในเกมที่พวกเขาเล่นมาตลอดหลายปี โดยที่ดูเหมือนจะไม่มีใครใส่ใจข้อเท็จจริงที่ว่า การแสดงหรือรับบทบาทเป็นตัวละครนั้น ต้องอาศัย ‘ทักษะทางการแสดง’ เป็นหลัก มากกว่าจะหน้าตาเหมือน ‘ต้นแบบ’

เรื่องน่าเศร้ากว่านั้นคือ ตัวละครโจลนั้น เดิมทีในเกมก็ต้องเป็นชายชาวอเมริกันผิวขาว ในกระบวนการออกแบบตัวละครสำหรับเกม ทีมงานยังได้ จอช โบรลิน (Josh Brolin) นักแสดงผิวขาวชาวอเมริกันเป็นต้นแบบ แต่ในซีรีส์รับบทโดยเปโดร ปาสกาล นักแสดงชาวชิลีเชื้อสายละติน กลับไม่มีใครมีปัญหาหรือติติงว่าปาสกาลไม่เหมาะสำหรับบท ลูกศรแห่งความเกลียดชังดูจะมุ่งตรงมายังแรมซีย์เพียงคนเดียว ซึ่งก็ชวนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นความชิงชังที่มีอคติทางเพศเป็นต้นธารหรือไม่

และไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน ถึงที่สุดกระแสความเกลียดชังที่แรมซีย์ได้รับ ก็เป็นสิ่งที่แสนอยุติธรรม และที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้นคือ มันดำเนินเรื่อยมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ก่อนที่ซีรีส์ซีซั่นแรกจะออกฉายเสียอีก

อ้างอิง

https://people.com/bella-ramsey-says-harsh-conditions-and-fatigue-on-last-of-us-set-amplified-my-autistic-traits-11720109#:~:text=%E2%80%9CI%20got%20diagnosed%20with%20autism,out%20a%20formal%20psychiatric%20assessment.

https://www.vogue.co.uk/article/bella-ramsey-british-vogue-interview

https://english.elpais.com/culture/2025-05-12/why-is-bella-ramsey-the-target-of-so-much-hate-the-last-of-us-star-sparks-the-fury-of-the-manosphere.html

https://variety.com/2025/tv/news/bella-ramsey-coming-out-non-binary-the-last-of-us-1236375660/

https://www.independent.co.uk/arts-entertainment/tv/bella-ramsey-last-of-us-nonbinary-b2736672.html

https://www.hollywoodreporter.com/tv/tv-features/the-last-of-us-hbo-pedro-pascal-bella-ramsey-interview-1235290103/

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...