ปลดล็อกโลก สินเชื่อรายย่อย ช่วยคนไทยเข้าถึงการเงินที่เป็นธรรม
“เราตั้งโจทย์ตั้งแต่ต้นว่า ต้องให้บริการได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ไม่ต้องเข้าสาขา ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องสามารถทราบผลได้ใน 2 นาที ทำให้เราเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยลูกค้าที่เข้ามามีทั้งคนอายุน้อยและผู้สูงอายุ เพราะคนกลุ่มนี้มีความรู้มากขึ้น ขณะที่ผู้เล่นรายอื่นกลับเติบโตลดลง”
บริการ สินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะประเภทสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ถือเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีบทบาทสำคัญต่อการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ เพราะช่วยให้คนที่เข้าไม่ถึงระบบธนาคาร สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้อย่างถูกกฎหมาย มีต้นทุนน้อยกว่าเงินกู้นอกระบบ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของประชาชน ซึ่งมีสตาร์ตอัพไทยอย่าง ABACUS digital มองเห็นโอกาสในจุดนี้ และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะช่วยทำให้ผู้คนที่อยู่นอกระบบ เข้าถึงบริการทางการเงินในระบบให้ได้มากที่สุด
การเงินธนาคาร ได้สัมภาษณ์พิเศษ ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อบาคัส ดิจิทัล จำกัด ถึงจุดเริ่มต้นการเดินทางของ ABACUS digital สตาร์ตอัพจากรั้วธนาคารไทยพาณิชย์ พร้อม Mission ที่ชัดเจนในการสร้างนวัตกรรมการเงิน เพื่อยกระดับสังคมไปพร้อมกับตอบโจทย์ทางธุรกิจ ด้วยการใช้พลังแห่งข้อมูลเป็นเอนจิ้นหลักในการขับเคลื่อนองค์กร
2017 ตั้ง SCB ABACUS
รุกตลาดสินเชื่อรายย่อย
ดร.สุทธาภา เริ่มให้สัมภาษณ์พิเศษว่า จุดเริ่มต้นของการตั้ง ABACUS digital (ขณะนั้นยังเป็น SCB ABACUS) เกิดขึ้นราวปี 2017 เป็นช่วงที่เธอกำลังเป็นผู้บริหารอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ดูแลเรื่องกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจเพื่อเข้าสู่เทคโนโลยี โดยเวลานั้นมีความเชื่อว่าเทคโนโลยีนั้นช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของขยายขอบเขตของการให้บริการด้านการเงิน โดยยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงบริการจากธนาคาร และหากไม่เปลี่ยนวิธีการทำงาน ก็ไม่สามารถจะเข้าไปหาลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่มากได้
ภายใต้ความเชื่อนี้ จึงมีการตั้งหน่วยงานเล็กๆ ภายในธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อทดลองเปลี่ยนโมเดลวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Model) และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากเดิม แต่ก็พบว่า การเปลี่ยนแปลงแค่นี้ยังไม่มากพอที่จะให้บริการกับลูกค้ากลุ่มความเสี่ยงสูงได้ แต่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่ทั้งหมด เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้มองธนาคารเป็นที่พึ่งทางการเงิน ขณะเดียวกัน ต้นทุนในการจะรับลูกค้าแต่ละรายก็ยังสูงเกินไปอีกด้วย
ดังนั้น การเปลี่ยนเฉพาะการประเมินความเสี่ยง ผลิตภัณฑ์ หรือการติดตามหนี้จึงไม่เพียงพอ นำไปสู่การตั้ง SCB ABACUS โดยมีผู้ก่อตั้งแรกเริ่ม 7 คน ทั้งหมดล้วนมีดีกรีระดับหัวกะทิทั้งสิ้น
ดร.สุทธาภาอธิบายว่า การตั้ง SCB ABACUS แรงผลักดันหลักเกิดจากการที่บริบททางเศรษฐกิจนั้นเปลี่ยนแปลงไป โดยมีปัจจัยสนับสนุนแนวคิดดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงของ Growth Engine ในประเทศไทย : Growth Engine ของประเทศไทยนั้นค่อยๆ หมดยุคลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิต การทำ OEM ต่างๆ ขณะที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ไม่ได้มีฐานอยู่ในประเทศ ส่วนเทคสตาร์ตอัพต่างๆ ที่ถูกมองว่าจะเป็น New Growth Engine ก็ประเมินความเสี่ยงได้ยาก ดังนั้น โอกาสที่คนกลุ่มนี้จะเข้าถึงตลาดเงินหรือตลาดทุนเพื่อตั้งบริษัทและเติบโตต่อไปนั้นยากมาก ซึ่งวันนั้นมองว่าเทคโนโลยีสามารถเข้ามาแก้ Pain Point ตรงนี้ได้
- หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น : หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 7-8 ปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่มักจะมองตัวเลขที่อยู่ด้านบนของพีระมิด หรือหนี้ในระบบ ซึ่งในวันนั้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของ Nano Finance อยู่ที่ 36% แต่ทันทีที่ออกนอกระบบอัตราดอกเบี้ยพุ่งไปถึง 100-200% และยังต้องเจอการติดตามหนี้ที่รุนแรง จึงมองว่าหากสามารถเปิดตลาด เพื่อให้คนนอกระบบสามารถที่จะเข้ามาในระบบ และทยอยสร้างเครดิตจนสามารถเข้าไปอยู่ในระบบเครดิตบูโร ก็จะสามารถเติบโตไปเป็นผู้ประกอบการที่มีสุขภาพทางการเงินที่ดีพอจนเข้าสู่ระบบได้
- การเกิดใหม่ของเทคโนโลยี : เทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงมีผู้เล่นใหม่จากวงการเทคโนโลยีที่อยากเข้ามาในตลาดด้านการเงินจำนวนมาก หากธนาคารไม่ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งด้วยการลงไปเล่นเอง จะไม่สามารถรู้จุดแข็งหรือจุดอ่อนของธุรกิจประเภทนี้ เมื่อวางบริบทได้แบบนี้ ตลาดแรกที่บุกเข้าไปจึงเป็นตลาดที่ธนาคารยังมีจุดอ่อน
หลังบ้านไร้คน ทำงาน 24 ชั่วโมง
ใช้2,000 ตัวแปรประเมินความเสี่ยง
ดร.สุทธาภาเผยว่า ABACUS digital ใช้เวลา 1 ปี ในการสร้างระบบหลังบ้าน ก่อนเปิดตัวแอปพลิเคชั่นครั้งแรกในเดือนธันวาคม ปี 2019 ในชื่อ “Money Thunder” แต่หลังจากเปิดตัวได้เพียง 3 เดือนก็เกิดเหตุการณ์ Lockdown จากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งเป็นความเสี่ยงกะทันหันที่เข้ามาหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีการเปลี่ยนแปลงระบบการรายงานต่างๆ ทำให้ทีมงานต้องปรับโมเดลวิเคราะห์ความเสี่ยงอย่างรวดเร็วพร้อมกับพัฒนาระบบหลังบ้านให้ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
“เราตั้งโจทย์ตั้งแต่ต้นว่า ต้องให้บริการได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ไม่ต้องเข้าสาขา ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องสามารถทราบผลได้ใน 2 นาที ทำให้เราเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยลูกค้าที่เข้ามามีทั้งคนอายุน้อยและผู้สูงอายุ เพราะคนกลุ่มนี้มีความรู้มากขึ้น ขณะที่ผู้เล่นรายอื่นกลับเติบโตลดลง”
ดร.สุทธาภาอธิบายว่า ABACUS digital ได้พัฒนาเอ็นจิ้นหลังบ้านให้สามารถวิเคราะห์ Alternative Data ได้ พร้อมทำงานแบบอัตโนมัติโดยไม่มีคนอยู่ในกระบวนการหลังบ้าน นอกจากนี้ ยังสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลให้สามารถเชื่อมกับแหล่งข้อมูลอื่นๆ ให้พร้อมขยายขนาดไปได้เรื่อยๆ ตั้งแต่วันแรก ส่งผลให้เกิดความได้เปรียบใน 2 เรื่องหลักคือ
- สามารถใช้ตัวแปรจำนวนมหาศาล : ปัจจุบัน ABACUS digital สามารถใช้ตัวแปรในการประเมินความเสี่ยงได้มากถึง 2,000 ตัวแปร ทำให้เห็นสัญญาณที่ชัดเจนพอที่จะประเมินความเสี่ยง โดยตัวแปรเหล่านี้เป็นตัวแปรเฉพาะที่ใช้กับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย และเมื่อมีการใช้ข้อมูลพฤติกรรมเข้ามาร่วมวิเคราะห์ด้วย ก็จะสามารถดูความสามารถในการชำระหนี้ที่อยู่นอกระบบได้ ตลอดจนความพยายามในการชำระหนี้
- ลูกค้าส่วนใหญ่ได้เงินเร็วเพียง 2 นาที : การทำให้ระบบหลังบ้านทำงานแบบอัตโนมัติ ช่วยให้กระบวนการตั้งแต่ลูกค้าดาวน์โหลดแอปฯ Money Thunder กรอกข้อมูล จนถึงได้รับเงินเข้าบัญชี เสร็จสิ้นภายในเวลาเฉลี่ยเพียงแค่ 2 นาที ด้วยต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งการที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อขนาดเล็กระดับ 1,000-2,000 บาทได้ จะช่วยให้สามารถสร้างประวัติเครดิตของตัวเองได้
“วันนี้ลูกค้า 1 ใน 3 ของเรา เป็นคนที่ถูกธนาคารพาณิชย์ปฏิเสธการให้สินเชื่อมาก่อน นอกจากนี้ มากกว่า 50% ของลูกค้า มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากเข้ามาเป็นลูกค้าเรา 12 เดือน เราแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่น เพราะเราทดลองสิ่งใหม่เพื่อพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ส่งผลให้โมเดลวิเคราะห์มีความแม่นยำ ภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้”
ถอดบทเรียนล้ำค่าของสตาร์ตอัพ
ทีมที่ดีบวกเทคโนโลยีของตัวเอง
ดร.สุทธาภากล่าวว่า เมื่อมีผลิตภัณฑ์ที่ดี สามารถให้บริการได้ตามเป้าหมาย ก็มาถึงจุดที่ ABACUS digital ต้องการเติบโตไปเป็นบริษัทเทคโนโลยีเต็มตัว ทำให้เริ่มเข้าสู่กระบวนการระดมทุน โดยมีการปรึกษากับคณะกรรมการของธนาคารไทยพาณิชย์ ว่าต้องการจะไประดมทุนจากต่างประเทศ เพื่อให้มูลค่าบริษัทนั้นเป็นอิสระจากผู้ถือหุ้นรายเดิม และสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของ ABACUS digital ซึ่งนั่นทำให้ได้นักลงทุนจาก 3 บริษัทใหญ่เข้ามาร่วมลงทุน โดยสามารถระดมเงินทุนไปได้ 42 ล้านดอลลาร์
โดยนักลงทุนของ ABACUS digital มี 3 ราย คือ
- Openspace ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ เน้นลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก
- Vertex บริษัทในเครือของ Temasek Holdings ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital)
- CAI Partners เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์
ดร.สุทธาภาเผยว่า ประสบการณ์การระดมทุนที่ผ่านมาทำให้ทราบว่า การจะประสบความสำเร็จในการระดมทุนได้ ต้องมี 2 ปัจจัยสำคัญ คือ
- นักลงทุนต้องรู้ว่าทีมมีศักยภาพก่อนที่จะมีผลิตภัณฑ์จริง : เนื่องจากนักลงทุนมองว่าแม้จะมีผลิตภัณฑ์ที่ดีมากแต่ทีมไม่มีศักยภาพ (Bad Team) หากตลาดมีความเปลี่ยนแปลง ข้อดีที่มีอยู่จะหายไป แต่หากทีมมีศักยภาพ (Good Team) แม้จะมีผลิตภัณฑ์ระดับกลาง แต่เมื่อเผชิญความเปลี่ยนแปลง ทีมจะสามารถปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับตลาดขณะนั้นได้เป็นอย่างดี
- ต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง : การเป็นผู้ประกอบการที่ซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้ามาใช้ การปรับเปลี่ยนต่างๆ จะทำได้ล่าช้ามาก ขณะที่มูลค่าที่เกิดขึ้นจะเอียงไปฝั่งผู้ที่ทำระบบ เพราะการที่ผู้ประกอบการมีเพียงข้อมูลลูกค้า ในตลาดการเงินถือว่ามีมูลค่าไม่มากพอ สิ่งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญ และยังสอดคล้องกับการตั้งเป้าหมายของ ABACUS ที่ต้องการสร้างเทคโนโลยีของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ให้ได้อย่างชัดเจน
ปัจจุบัน ABACUS digital เปิดระดมทุนไปแล้ว 2 รอบคือ รอบ Series A และ Series B โดยในช่วงเริ่มต้นที่ได้เงินลงทุนจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ (Seed Round) จากนั้นก็มีการระดมทุนในรอบ Series A และ Series B โดยพบว่า นักลงทุนอยากเข้าใจตลาดประเทศไทยมากขึ้น เพราะรับรู้แล้วว่าตลาดประเทศไทยมีเทคโนโลยี ดังนั้นคนที่จะประสบความสำเร็จในการระดมทุนในตลาดนี้จึงต้องสร้างเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง
ในแผนของ ABACUS digital ยังมองเรื่องของการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย ซึ่งช่องทางนี้ถือเป็น 1 ในเส้นทางของธุรกิจสตาร์ตอัพหลายราย โดย ABACUS digital มองเรื่อง IPO ในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยต้องมีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันก็ยังอยู่ในแผนการเติบโตของบริษัท
เดินเครื่องช่วย Underbanked
เข้าถึงการเงินที่เป็นธรรม
ดร.สุทธาภาให้มุมมองว่า เวลานี้เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ซึ่งส่งผลต่อธุรกิจสินเชื่อโดยตรง สิ่งสำคัญคือ ต้องค้นหาและผลักดันคนที่พร้อมจะเติบโตแต่ความเสี่ยงสูงให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ หลายคนมองว่า เมื่อสถานการณ์ของเศรษฐกิจมหภาคไม่ดี จึงพยายามดึงเงินออก กลายเป็นว่า คนที่มีโอกาสจะโตได้ต้องตกไปอยู่ข้างล่าง จึงมองว่า ภายใต้สถานการณ์นี้ ABACUS digital ควรต้องเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบการเงินและธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตต่อไปได้
สำหรับเป้าหมายหลักของ ABACUS digital ต่อจากนี้ จะยังเป็นการช่วยคนที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินจากธนาคาร (Underbanked) ให้ได้มากยิ่งขึ้น และบริการที่จะช่วยคนกลุ่มนี้ได้ไม่ได้มีเพียงสินเชื่อเท่านั้น ยังมีอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ชีวิตผู้คนมีความมั่นคงมากขึ้น พร้อมสร้างความเข้าใจที่ไม่ใช่แค่ Financial Literacy แต่เป็น Digital Literacy นอกจากนี้ ด้วยระบบการเงิน สงครามการค้า ระบบชำระเงิน ความไม่แน่นอนอีกหลายอย่าง จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ABACUS digital พร้อมจะวิ่งตามความเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บริการกับลูกค้าที่มีระดับความเสี่ยงค่อนไปทางสูงให้ได้
“เป้าหมายหลักของเราคือ การเปิดให้บริการทางการเงินแก่คนนอกระบบ โดยมองว่า สินเชื่อจะเป็นผลิตภัณฑ์แรกที่เข้าถึงคนกลุ่มนี้ เนื่องจากการเข้าถึงสินเชื่อในระบบเป็นจุดตั้งต้นในการสร้างและบริหารสุขภาพทางการเงินให้ดีขึ้น ถัดจากสินเชื่อแล้ว สิ่งที่ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการต่อไปก็คือเรื่องของผลิตภัณฑ์ประกัน เพื่อที่จะรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวเอง ซึ่ง ABACUS digital ก็จะออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีขนาดเล็กพอให้ลูกค้ากลุ่มนี้เข้าถึงได้”
นอกจากบริการสินเชื่อ Money Thunder แล้ว ABACUS digital จะมุ่งเน้นการให้บริการโซลูชั่นกับภาคธุรกิจ โดยเป็นการใช้ประโยชน์จากการพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ภายในบริษัท เนื่องจากโจทย์บางอย่างที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาธุรกิจภายใน ภาคธุรกิจอื่นก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน เช่น การประเมินความเสี่ยงลูกค้า การอ่านรายงานต่างๆ แม้ว่าบริษัทนั้นจะไม่ได้อยู่ในธุรกิจให้สินเชื่อ เช่น ธุรกิจปล่อยเช่าบ้าน ธุรกิจขายบ้าน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ ABACUS digital สามารถนำเทคโนโลยีที่มีไปให้บริการได้ เพื่อรุกในตลาดฝั่ง B2B ไปด้วย
ติดตามอ่านคอลัมน์อื่น ๆ ได้ในวารสารการเงินธนาคารฉบับเดือนพฤษภาคม 2568 ฉบับที่ 517 ในรูปแบบดิจิทัล : https://goo.gl/U6OnIi
รวมช่องทางการสั่งซื้อวารสารการเงินธนาคาร ทั้งฉบับปัจจุบันและฉบับย้อนหลัง ครบจบที่นี้ที่เดียว : https://moneyandbanking.co.th/2023/18250/