โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ถอดบทเรียนญี่ปุ่น อยู่รอดอย่างไรเมื่อต้องเผชิญ 'คลื่นความร้อน'

SpringNews

อัพเดต 30 มิ.ย. เวลา 09.30 น. • เผยแพร่ 30 มิ.ย. เวลา 09.14 น.

เมื่อปี 2024 มีมากกว่า 10 เมืองของญี่ปุ่น ที่ต้องเผชิญกับวันที่มีอุณหภูมิเกิน 35 องศาเซลเซียส นานกว่า 50 วัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนสูงถึง 2,033 ราย ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคบมีการบันทึก

ข้อมูลจากสำนักงานดับเพลิงโตเกียวระบุด้วยว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคลมแดด ผู้ป่วยเกินครึ่งมีอายุมากกว่า 65 ปี โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 80 ปีมีจำนวนมากที่สุด ที่สำคัญคือสถานที่ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคลมแดดมากที่สุดก็คือภายในที่พักอาศัยส่วนตัว 38% ถนน 19% พื้นที่สาธารณะกลางแจ้ง 13% และสถานที่ทำงาน 10.1%

ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็นับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่รับมือกับคลื่นความร้อนได้ดีมาก ด้วย "มาตรการรับมือคลื่นความร้อน" ที่ครอบคลุมทุกสถานที่ ตั้งแต่ในบ้านไปจนถึงสถานที่ทำงาน

การรับมือความร้อนในครัวเรือน
กระทรวงสิ่งแวดล้อมของญี่ปุ่นเผยว่า สาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโรคลมแดดที่บ้านเกือบ 90% คือการไม่มีเครื่องปรับอากาศ ทำให้รัฐบาลมองว่าการเข้าถึงระบบทำความเย็นได้ในราคาที่เหมาะสมนับเป็นเรื่องเร่งด่วน ทั้งยังยกเลิกการขอความร่วมมือด้านการประหยัดพลังงานในช่วงฤดูร้อนด้วย

รัฐบาลมหานครโตเกียวยังเสนองบประมาณเติม สำหรับยกเว้นค่าบริการน้ำประปาพื้นฐานสำหรับทุกครัวเรือนเป็นเวลาสี่เดือนในช่วงฤดูร้อน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ กระตุ้นให้มีการใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น

การรับมือความร้อนในสถานที่ทำงาน
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2025 มีการประกาศบังคับใช้กฎหมายใหม่ เรื่อง “การแก้ไขพระราชกฤษฎีกาความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในอุตสาหกรรม” ที่ระบุให้นายจ้างต้องดูแลและปกป้องลูกจ้างไม่ให้เกิดอันตรายจากคลื่นความร้อนและโรคลมแดด เพื่อยกระดับความปลอดภัยในที่ทำงาน

กฎระเบียบดังกล่าวมีขอบเขตครอบคลุม “งานที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลมแดด” ได้แก่ กรณีที่ความร้อนในสภาพแวดล้อมการทำงาน (WBGT) เท่ากับหรือมากกว่า  28 °C หรือมีอุณหภูมิเท่ากับหรือมากกว่า  31 °C และงานที่ใช้ระยะเวลานานกว่าชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง หรือนานกว่า 4 ชั่วโมงต่อวันขึ้นไป

โดยนายจ้างมีหน้าที่ต้อง 'ติดตั้งระบบแจ้งเตือน' เพื่อให้พนังงานสามารถรายงานได้ทันทีเมื่อมีอาการของโรคลมแดด และ 'จัดเตรียมแนวปฏิบัติฉุกเฉิน' กรณีมีผู้ป่วยโรคลมแดดระหว่างทำงาน เช่น ให้พนักงานหยุดพัก ออกจากพื้นที่ทำงานทันที หรือ ดำเนินการส่งไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาเมื่อจำเป็น ทั้งยังต้องประชาสัมพันธ์แนวทางเหล่านี้ให้พนักงานรับรู้เพื่อร่วมมือปฏิบัติตามด้วย

ทั้งนี้ หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตาม จะถือว่าละเมิดพระราชกฤษฎีกาด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย มีโทษตามกฎหมายด้วยการปรับสูงสุดถึง 5 ล้านเยน หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

นอกจากนี้ ยังมี กิจกรรมในระดับท้องถิ่น เช่น โครงการเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ 75 ปีขึ้นไป พร้อมแจกเครื่องดื่มเกลือแร่ฟรีและตรวจสอบความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัย เพื่อป้องกันโรคลมแดดและเสริมสร้างเครือในท้องถิ่นสำหรับกลุ่มเปราะบาง

ขณะที่คลื่นความร้อนกำลังจะกลายเป็นปรากฏการณ์ปกติที่เกิดขึ้นกับทั่วโลก และคร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก ประเทศไทยเราเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น การเตรียมแผนรับมือต่อความเสี่ยงของคลื่นความร้อนที่จะรุนแรงจนคุกคามชีวิตมากขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืนในระยะยาว ปกป้องกลุ่มเปราะบางจากความเจ็บป่วย และเพิ่มความพร้อมในชีวิตประจำวันเพื่อรับมือคลื่นความร้อนที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้นอีกในอนาคต

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...