โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ภาษีสหรัฐสูง 36% เก็บประเทศไทย สะเทือนอนาคต 12 กลุ่มอุตสาหกรรม ลามถึงชีวิตลูกจ้าง 20 ล้านคน กระทบแรงกับ 20% ในอุตสาหกรรมผลิตและบริการของไทย

BTimes

อัพเดต 11 ก.ค. เวลา 13.08 น. • เผยแพร่ 10 ก.ค. เวลา 04.48 น. • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Biz

ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า ตอนที่ทีมไทยแลนด์ก่อนบินไปเจรจากับทรัมป์บอกว่า ต้องการผลแบบ Win-Win ก็สังหรณ์ใจแล้วว่าการเจรจาจบคงไม่สวย นอกจากนี้ อัตราภาษีที่ไทยถูกเก็บร้อยละ 36 ยังถูกทรัมป์ขู่ว่าหากไทยขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตราใดก็จะจัดเก็บภาษีเพิ่มเข้าไปอีกในสัดส่วนที่เท่ากัน แต่ยังให้ความหวังว่าอัตราภาษีดังกล่าวสามารถลดได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข แต่ต้องจบก่อนเส้นตาย (1 สิงหาคม 2568)

ไทยเป็นประเทศพึ่งพาการส่งออกมีสัดส่วนในจีดีพีในประมาณร้อยละ 57 ตลาดสหรัฐฯ และเป็นตลาดส่งออกสัดส่วนอันดับหนึ่งในปี 67 มีสัดส่วนร้อยละ 18.30 อัตราการขยายตัวร้อยละ 13.66 ในช่วง 5 เดือนแรกปี 68 สัดส่วนเพิ่มเป็นร้อยละ 19.61 อัตราการขยายตัวกระโดดไปถึงร้อยละ 27.2 มูลค่า 27,098.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่แล้ว 5,795.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นผลจากการเร่งส่งออกให้ทันดีเดย์ ซึ่งขยายเวลา 90 วันจะจัดเก็บอัตราภาษีใหม่ ซึ่งผู้นำเข้าสหรัฐฯ คาดการณ์ไม่ได้ จึงเร่งการนำเข้า อัตราภาษีร้อยละ 36 ที่ไทยถูกเรียกเก็บเกินความคาดหมาย และเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุด เพราะคิดว่าอย่างเก่งอาจต่อรองได้เหลือร้อยละ 20 – 25

ภาคการส่งออกและโซ่อุปทานของไทยเกี่ยวข้องมีบทบาทสำคัญต่อการจ้างงาน โดยมีการประมาณการเบื้องต้นว่ามีแรงงานที่เกี่ยวข้องประมาณ 18 – 20 ล้านคน หากอัตราภาษีนำเข้าไปตลาดสหรัฐฯ ที่ไทยถูกเรียกเก็บสูงกว่าประเทศคู่แข่งสูงกว่าเวียดนามและอินโดนีเซีย จะมีผลอย่างมากต่อการลดลง ทั้งเชิงปริมาณและมูลค่า

ผลที่ตามมาคือ การลดกำลังการผลิต ซึ่งจะมีผลต่อแรงงานส่วนเกินทั้งทางตรงและทางอ้อมที่อาจต้องสูญเสียตำแหน่งงาน หรืออาชีพ ผลกระทบขึ้นอยู่กับว่าแรงงานเหล่านั้น ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมหรือภาคบริการที่ต้องพึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ เป็นสัดส่วนเท่าใดยิ่ง สัดส่วนมากผลกระทบก็ยิ่งสูง ตัวอย่างภาคส่วนที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ เช่น 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2.ผลิตภัณฑ์ยาง 3.อัญมณีและเครื่องประดับ 4.เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 5.เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์และส่วนประกอบอื่น ๆ 6.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 7.รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 8.อุปกรณ์กึ่งตัวนำ-ทรานซิสเตอร์ 9.เหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็ก 10.ผลิตภัณฑ์พลาสติก 11.อาหารสัตว์ และ 12. อาหารทะเล/ผลไม้กระป๋องและแปรรูป

ภายใต้ภาวะเช่นนี้ ผู้นำเข้าสหรัฐฯ จะมีการปรับพอร์ตแหล่งนำเข้าใหม่ ซึ่งคาดว่าคำสั่งซื้อจะเริ่มลดลงในช่วงเดือนกันยายน อุตสาหกรรมและภาคบริการอย่างน้อย 1 ใน 5 จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง การผลิตที่ลดลงมีผลต่อการใช้แรงงานลดลงแต่จำนวนเท่าใดในขณะนี้ยังประเมินไม่ได้

ภาคแรงงานที่อยู่ในภาคส่งออกและโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบ เป็นทั้งผู้ผลิต ขณะเดียวกันเป็นผู้บริโภค ครัวเรือนแรงงาน จึงเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดของประเทศ ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยที่จะลดลงกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงภาคค้าส่ง-ค้าปลีกและการซื้อสินค้าประเภทถาวร เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ยานพาหนะหรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะได้รับผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...