โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘ตาปลา’ เรื่องไม่เล็ก ต้องรักษาก่อนลามติดเชื้อ

เดลินิวส์

อัพเดต 11 ก.ค. เวลา 11.15 น. • เผยแพร่ 10 ก.ค. เวลา 23.30 น. • เดลินิวส์
อาการตาปลาเป็นปัญหาผิวหนังแข็งตัวเป็นก้อนนูน มีจุดดำตรงกลาง เมื่อกดจะรู้สึกเจ็บ เนื่องจากมีรากที่ฝังลึกลงไปในชั้นผิวหนัง หากปล่อยไว้อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

“ตาปลา” เป็นอาการผิดปกติที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ มักพบที่เท้าหรือมือ มาจากการเสียดสีหรือโดนแรงกดทับเป็นประจำ เกิดเป็นตุ่มแข็ง และอาจทำให้มีอาการเจ็บปวด รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

เกร็ดความรู้จาก “โรงพยาบาลสมิติเวช” บอกเล่าถึงอาการตาปลา ว่า เป็นลักษณะอาการที่ผิวหนังแข็งตัวเป็นก้อนนูน และมีจุดดำตรงกลางคล้ายมองผ่าน ๆ คล้ายตาของปลา เมื่อกดจะรู้สึกเจ็บ เนื่องจากมีรากที่ฝังลึกลงไปในชั้นผิวหนัง สำหรับอาการตาปลาที่เท้ามักพบบริเวณฝ่าเท้า ขอบเท้า หรือปลายนิ้วก้อยเท้า

“ตาปลาที่เท้า” อันตรายมากแค่ไหน

โดยทั่วไป โรคตาปลาที่เท้า ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา นอกจากทำให้เกิดอาการเจ็บปวดที่ส่งผลต่อการเดินและการทำกิจกรรมต่างๆแล้ว ยังอาจทำให้เกิดการอักเสบ เลือดออก ติดเชื้อ เกิดภาวะแทรกซ้อนได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลเบาหวานที่เท้า หรือผู้ที่แผลหายช้ากว่าปกติ อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรงได้ ดังนั้นเมื่อเริ่มมีอาการ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง และหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยตัวเองที่อาจทำให้เกิดบาดแผลและนำไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรงได้

สาเหตุของ “ตาปลาที่เท้า”

-รองเท้าที่สวมรัดหรือหลวมเกินไป ไม่พอดีกับเท้า

-สวมรองเท้าโดยไม่สวมถุงเท้า อาจทำให้เท้าเสียดสีจนเกิดตาปลาได้

-เดินไกล หรือยืนนาน ๆ จนเกิดการกดทับ

-โครงสร้างของเท้าผิดปกติ เช่น นิ้วเท้าหงิกงอ นิ้วเท้างุ้ม

ลักษณะอาการของตาปลาที่เท้

บางคนอาจพบว่าเท้าเป็นตุ่มแข็ง ๆ กดแล้วเจ็บแบบนี้เป็นตาปลาที่เท้ารึเปล่า? เพื่อให้สังเกตอาการได้ง่ายขึ้น เรามาดูกันว่าอาการของตาปลาที่เท้ามีลักษณะอย่างไรบ้าง

-มีก้อนกลมนูนแข็งที่ผิวหนังบริเวณเท้า

-มีจุดสีดำหรือสีน้ำตาลอยู่ตรงกลางก้อนแข็ง ๆ

-รู้สึกเจ็บเมื่อถูกกดหรือเมื่อเดิน

-ผิวหนังบริเวณนั้นหนาและแข็งกว่าปกติ

-เมื่อกดหรือบีบรอบ ๆ จะรู้สึกเจ็บเหมือนมีหนามแทง

-บางครั้งอาจมีอาการคันร่วมด้วย

-เมื่อแช่น้ำอุ่น ผิวหนังส่วนที่แข็งจะนิ่มลง

-อาการเจ็บจะรุนแรงขึ้นเมื่อเดินหรือยืนเป็นเวลานาน

-บางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปทั่วเท้าได้

-มักพบในบริเวณที่รับน้ำหนักมาก เช่น ส้นเท้า หรือใต้นิ้วเท้า

หากพบลักษณะอาการดังกล่าวนี้ เราสามารถประเมินในเบื้องต้นได้ว่าเป็นตาปลาที่เท้า ซึ่งควรดูแลบริเวณตาปลาให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นได้

วิธีป้องกันการเป็นตาปลาที่เท้า

-เลือกรองเท้าที่มีขนาดพอดี ไม่คับหรือหลวมเกินไป

-หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน

-สวมถุงเท้าที่พอดี ไม่รัดแน่นเกินไป

-ทาครีมบำรุงเท้าเป็นประจำเพื่อให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น

-หลีกเลี่ยงการยืนหรือเดินนาน ๆ โดยไม่พัก

-ใช้แผ่นรองเท้าเพื่อลดแรงกดที่ฝ่าเท้า

-ตรวจสอบเท้าเป็นประจำเพื่อสังเกตความผิดปกติ

-นั่งพักเป็นระยะหากต้องยืนทำงานเป็นเวลานาน

-แช่เท้าในน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

วิธีรักษาตาปลาที่เท้า

การรักษาตาปลาที่เท้าสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่วิธีการรักษาด้วยตัวเองง่าย ๆ อย่างการแช่เท้าในน้ำอุ่น 15-20 นาทีเพื่อให้ผิวหนังนุ่ม แล้วค่อย ๆ ขัดด้วยหินขัดเท้าเบา ๆ เพื่อให้ตาปลาบางลง ทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น หรือใช้แผ่นรองเท้าเพื่อลดแรงกดทับ

นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาตาปลาที่เท้าด้วยการใช้ยา อย่างการใช้พลาสเตอร์สำหรับรักษาตาปลา ที่มีส่วนผสมของสารละลายกรดซาลิไซลิกที่ช่วยละลายเนื้อตาปลา

หากตาปลาที่เท้ามีขนาดใหญ่หรือเจ็บมาก แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการผ่าตาปลา ซึ่งจะเป็นการผ่าตัดเล็กๆ เพื่อเอาเนื้อตาปลาออก

ที่สำคัญ ไม่ควรตัดตาปลาเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดบาดแผล ติดเชื้อ หรือลุกลามเป็นแผลที่รักษาได้ยาก

ในกรณีที่เป็นตาปลาที่เท้ามานานและรักษาด้วยวิธีอื่นไม่หาย อย่างการจี้เย็นด้วยไนโตรเจนเหลวหรือการใช้เลเซอร์ ซึ่งจำเป็นต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...