โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“นฤมล” ดึงรัฐ-เอกชน หนุนปลูกกาแฟ ลดนำเข้า-เพิ่มรายได้เกษตรกร

สำนักข่าวไทย Online

อัพเดต 18 มิ.ย. เวลา 15.20 น. • เผยแพร่ 18 มิ.ย. เวลา 08.20 น. • สำนักข่าวไทย อสมท

กรุงเทพฯ 18 มิ.ย. – รมว.เกษตรฯ เปิดตัวความร่วมมือ 36 หน่วยงานรัฐ-เอกชน ลงนาม MOU ผลักดันกาแฟไทยสู่พืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง เน้นพัฒนาคุณภาพ ลดการนำเข้า และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้เกษตรกร

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อส่งเสริมการผลิตกาแฟคุณภาพ การวิจัย และพัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน ร่วมกับ 36 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันกาแฟให้เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ ลดการนำเข้า และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรไทย

รมว.เกษตรฯ ระบุว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมกาแฟไทยกำลังเผชิญกับทั้งโอกาสและความท้าทาย โดยเฉพาะการผลิตในประเทศที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งนำไปสู่การพึ่งพาการนำเข้า ในขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคมีแนวโน้มต้องการกาแฟสดและกาแฟพิเศษเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดกาแฟในประเทศเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 3% โดยในปี 2565/66 มีการใช้เมล็ดกาแฟดิบในภาคอุตสาหกรรมถึง 93,551 ตัน เพิ่มขึ้นจาก 80,691 ตัน ในปี 2562/63

ความร่วมมือครั้งนี้จึงถือเป็นการบูรณาการจากทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับกาแฟไทยในทุกมิติ ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน การเพิ่มมูลค่า การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ตลอดจนการสร้างระบบตลาดที่โปร่งใสและการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ภายใต้กรอบ MOU จะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อกำกับและติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งเป้าให้เกษตรกรกว่า 12,000 ครัวเรือน เข้าสู่ระบบการผลิตกาแฟคุณภาพภายใน 3 ปี เริ่มนำร่องในพื้นที่ 1,000 ไร่ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเกษตรกรรุ่นใหม่และยุวเกษตรกรในการพัฒนาสู่ตลาดระดับสากล

ศ.ดร.นฤมล ย้ำว่า การส่งเสริมกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจจะช่วยให้เกษตรกรมีทางเลือกในการปรับเปลี่ยนจากพืชที่มีปริมาณล้นตลาด มาสู่พืชที่ตลาดต้องการอย่างแท้จริง พร้อมขับเคลื่อนสู่ระบบเกษตรมูลค่าสูง ลดการนำเข้า และสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศในระยะยาว. -512-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...