"ProPak Asia 2025" เผยมีผู้เข้าชมกว่า 7 หมื่นคน สร้างเม็ดเงินสะพัด 5.5 พันล้าน
นายสรรชาย นุ่มบุญนํา ผู้จัดการทั่วไปอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การเติบโตและโอกาสของประเทศไทยในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโลก ข้อมูลจาก Credence Research บริษัทวิจัยตลาดและที่ปรึกษาระดับโลกคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดอาหารและเครื่องดื่มจะมีการขยายตัวจาก 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ (217 ล้านล้านบาท) ในปี 2567 เป็นเกือบ 9.8 ล้านล้านดอลลาร์ (343 ล้านล้านบาท) ในปี 2575
โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการอาหารสะดวกซื้อ-อาหารพร้อมทาน การให้ความสำคัญกับสุขภาพและหากเจาะลึกในระดับภูมิภาคจะพบว่าเอเชีย-แปซิฟิกเติบโตเร็วที่สุด โดยเฉพาะจีน อินเดีย ไทย และเวียดนาม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค รวมถึงนวัตกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่มทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
โดยในปีนี้ ProPak Asia 2025 ที่พึ่งจบไปมีผู้ร่วมจัดแสดงงานสูงถึง 2,000 แบรนด์ จาก 42 ประเทศ มีผู้เข้าเยี่ยมชมงานกว่า 72,000 คน จากทั่วโลก ใช้พื้นที่จัดแสดงงานถึง 55,000 ตารางเมตร และสร้างมูลค่าการค้าการเจรจาธุรกิจสูงกว่า 5.5 พันล้านบาท
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุกครั้งของการจัดงานและความต้องการพื้นที่จัดงานที่เพิ่มขึ้นจากทั้งผู้เข้าร่วมจัดงานแสดงสินค้าและบริษัทชั้นนำรายใหม่ๆ ที่ต้องการเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้สถานที่จัดงานเดิมไม่สามารถรองรับการเติบโตของการจัดงานที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตได้
ดังนั้น การจัดงาน ProPak Asia 2026 จึงมองหาสถานที่จัดงานใหม่ที่มีความเหมาะสม โดยศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค (IMPACT) เมืองทองธานี เป็นสถานที่จัดงานฯ ใหม่ และมีพื้นที่เพียงพอต่อการขยายงานให้ใหญ่ขึ้น การเดินทางที่สะดวกยิ่งขึ้น
ด้วยรถไฟฟ้า รถยนต์ส่วนตัว หรือรถขนส่งสาธารณะ ใกล้สนามบิน และง่ายต่อการเดินทางจากนิคมอุตสาหกรรม อาทิ ชลบุรี อยุธยา ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ฯลฯ อีกทั้งยังสามารถรองรับเป้าหมายการพัฒนาการจัดงานฯ ที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมการผลิต แปรรูป และบรรจุภัณฑ์ระดับโลกอย่างแท้จริง
ProPak Asia 2026 นับเป็นการก้าวสู่มิติใหม่แห่งการขยายตัวอย่างไร้ขีดจำกัด ที่จะเดินหน้าสู่การยกระดับการจัดงานฯ ให้เป็นงานสำคัญของอุตสาหกรรมแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในปี 2570 และก้าวขึ้นสู่การเป็นงานระดับโลก (World Class)
ในปี 2571 โดยระหว่างการจัดงาน ProPak 2025 มีผู้ร่วมแสดงสินค้า และผู้สนใจงานร่วมจองพื้นที่จัดงานล่วงหน้าของ ProPak Asia 2026 แล้วถึง 95% เป็นการเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าร่วมชมงานว่า ProPak Asia 2026 จะเป็นศูนย์กลาง ที่รวมเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม แปรรูปและบรรจุภัณฑ์
โดยจะเชื่อมโยงผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า ผู้ประกอบการ หน่วยงาน และ ผู้เข้าเยี่ยมชมงาน เข้ากับ ProPak Connect ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลและเครือข่ายธุรกิจจากการจัดงาน ProPak ทั่วโลก ช่วยให้ทุกส่วนของระบบนิเวศในอุตสาหกรรมฯ เชื่อมต่อกันได้ในทุกมิติ
ด้านนางลูเซียนา เปลเลกรีโน ประธานองค์กรบรรจุภัณฑ์โลก (World Packaging Organization : WPO) กล่าวว่า การเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ว่า มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม ยา สินค้าอุปโภคบริโภคและธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
โดยมูลค่าของอุตสาหกรรมฯ คาดว่าจะขยายตัวจาก 1.28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (44.16 ล้านล้านบาท) ในปี 25568 เป็น 1.69 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (59.15 ล้านล้านบาท)ในปี 2577 โดยแนวโน้มสำคัญขณะนี้ คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน
ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของ WPO ในการส่งเสริมเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ ความยั่งยืน และนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ ควบคู่ไปกับการเผยแพร่ข้อมูลและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างองค์กรบรรจุภัณฑ์ระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ WPO ได้ยกให้ ProPak Asia เป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักที่มีบทบาทสำคัญ และรู้สึกยินดีต่อความสำเร็จของงานในแต่ละปี สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้นในปี 2026 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ พร้อมเปิดรับความท้าทายเพื่อก้าวสู่การเป็นงานแสดงระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต ซึ่ง WPO พร้อมให้การสนับสนุนงาน ProPak Asia ต่อไปอย่างเต็มที่
ส่วน ดร. โจเซฟ รอส เอส. จอคสัน ประธานสหพันธ์บรรจุภัณฑ์แห่งเอเชีย (Asian Packaging Federation : APF) กล่าวว่า ความสำคัญของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกว่า อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีขนาดใหญ่และการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าของอุตสาหกรรมฯ จะอยู่ที่ 190.55 ล้านเหรียญสหรัฐ (6,573.98 ล้านบาท) ในปี 2568 และคาดว่าจะเติบโตที่ CAGR 4.98% ตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2576
จากบทบาทในฐานะศูนย์กลางการผลิตระดับโลก โดนเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงยังได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในภูมิภาคที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากการมีประชากรจำนวนมาก
สำหรับแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรมที่ต้องติดตาม ได้แก่ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ การใช้วัสดุที่ยั่งยืนมากขึ้น การเติบโตของบรรจุภัณฑ์ระดับพรีเมียมและเฉพาะบุคคล รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
โดยทางสหพันธ์ฯ ได้ร่วมมือกับงาน ProPak Asia มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนและผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาค จากความร่วมมืออย่างเข้มแข็งทำให้วันนี้งาน ProPak Asia เติบโตและพัฒนาไปในอีกก้าวสำคัญ ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ผลิตและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ทั่วทั้งภูมิภาค โดยทางสหพันธ์บรรจุภัณฑ์แห่งเอเชียจึงพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนการจัดงาน ProPak Asia 2026 และปีต่อๆ ไปอย่างเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนอนาคตและการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก