โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

คำต่อคำ "หมอประสิทธิ์" แถลงมติแพทยสภา ยึดมั่นจรรยาบรรณขี้ขาดคดีชั้น 14

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 12 มิ.ย. เวลา 04.24 น. • เผยแพร่ 12 มิ.ย. เวลา 11.10 น.

ศ.ดร.นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา แถลงผลการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ยืนยันมติเดิมลงโทษแพทย์ในกรณีการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ หลังปฏิเสธคำยับยั้งจากสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา

คณะกรรมการแพทยสภามีมติเสียงข้างมากเกิน 2 ใน 3

การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาในวันนี้มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจเกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม

ผลการประชุมปรากฏว่า มีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน โดยคณะกรรมการมีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568

"วันนี้ผมคิดว่าเป็นกระบวนการที่โปร่งใสชัดเจนว่าทุกท่านสามารถใช้ดุลพินิจได้ภายใต้หลักวิชาการ ข้อมูลที่เป็นจริง และเหตุผล"

กระบวนการพิจารณาที่โปร่งใสและละเอียดรอบคอบ

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ อธิบายกระบวนการในวันนี้ว่า เป็นการรับฟังข้อคิดเห็นอย่างชัดเจน โดยสภานายกพิเศษได้มาให้ความคิดเห็นของท่านต่อมติแพทยสภา ขณะเดียวกันกรรมการแพทยสภาทุกท่านได้รับเอกสารที่สภานายกพิเศษส่งมาให้แพทยสภาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่แล้ว พร้อมเหตุผลของการยับยั้งทั้งหมด

"วันนี้กรรมการแพทยสภามีการนำข้อมูลเหล่านั้นมาเปรียบเทียบให้เห็นมติของกรรมการแพทยสภาว่าเพราะเหตุใด เหตุผลของการยับยั้งที่มาจากสภานายกพิเศษเพราะเหตุใด และมีการวิเคราะห์ทั้งหมด กรรมการแพทยสภาทุกท่านได้เห็นข้อมูลเหล่านี้และใช้ดุลพินิจด้วยตัวท่านเองจากข้อมูลที่มีและเหตุผลต่างๆ จึงมีมติตามนี้" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

การทำงานของคณะกรรมการสอบสวนใช้เวลา 10-60 ชั่วโมง

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับระยะเวลาในการพิจารณา ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ชี้แจงว่า คณะกรรมการสอบสวนมีการประชุมไปทั้งหมด 10 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาตั้งแต่ 1 ชั่วโมง ถึง 6 ชั่วโมง โดยมี 3 ครั้งเท่านั้นที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับเอกสารเพิ่มเติมในช่วงเดือนเมษายน

"เวลาการทำงานทั้งหมดถ้าเราบวกลบคูณหารกลับมาทั้งหมดก็อยู่ระหว่าง 10 ถึง 60 ชั่วโมง ที่ท่านเห็น 4 เดือนนั้นไม่ใช่ 4 เดือนที่เราทำเรื่องนี้อย่างเดียว เรามาประชุมแค่ 10 ครั้ง และโฟกัสในแต่ละเรื่อง" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ อธิบาย

ยืนยันการพิจารณาปราศจากอคติและอิทธิพลภายนอก

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ เน้นย้ำว่า "การพิจารณาวาระนี้ของแพทยสภาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครเป็นผู้ป่วย เราพิจารณาตามหลักการหลักวิชาการ และปลอดจากปัจจัยรอบข้าง"

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับกรณีนี้เป็นกรณีพิเศษที่แตกต่างจากกรณีอื่นๆ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ตอบว่า "กรณีนี้จากกรณีที่แตกต่างกับกรณีของทางด้านการแพทย์ไม่สามารถไปเปรียบเทียบกับหลายกรณีซึ่งวิชาชีพไม่เหมือนกัน วิชาการไม่เหมือนกัน คอนเซ็ปต์ไม่เหมือนกัน จะเอามาอ้างให้เทียบเคียงกันนั้นคงไม่เหมาะสม"

ชี้แจงประเด็นแชทไลน์ที่กล่าวถึงทักษิณ

เมื่อสื่อมวลชนถามเกี่ยวกับประเด็นแชทไลน์ที่มีการพูดถึงนายทักษิณ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ให้คำชี้แจงอย่างละเอียดว่า ข้อมูลที่กล่าวว่ามีแชทนั้นเป็นข้อมูลที่อยู่ในไลน์ที่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มทางการของแพทยสภา สังเกตว่ามีการลบชื่อด้วย เป็นข้อมูลที่แพทย์ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการแพทยสภามีการส่งมา

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ยอมรับว่าในแชทนั้นพูดถึงทักษิณ และกรรมการแพทยสภาหลายท่านใช้ไลน์ "เมื่อคนส่งมา เราได้รับ บางทีเราก็ yes บางทีเราก็ happy บางทีเราก็เริ่มต้น ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดนั้น นี่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มที่เป็นทางการของแพทยสภา การตอบนั้นไม่ได้มีการแสดงความคิดเห็น เป็นการเหมือนกับเราตอบตามกันไป การที่มาบอกว่าสิ่งเหล่านี้จะกระทบต่อการตัดสินใจคือไม่ใช่"

ขั้นตอนต่อไป - ออกคำสั่งแพทยสภาภายในวันพรุ่งนี้

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันนี้มีการรับรองมติของแพทยสภา วันพรุ่งนี้เราก็สามารถที่จะออกคำสั่งแพทยสภาตามมตินี้ได้ และจะดำเนินการแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบทันที ทั้งนี้ โทษที่แต่ละคนจะได้รับจะไม่เท่ากัน เนื่องจาก "ฐานความผิดไม่เท่ากัน ผลการดำเนินการก็ไม่ควรจะเท่ากัน ในเมื่อฐานความผิดไม่เท่ากัน"

สำหรับกระบวนการยับยั้งการประกอบวิชาชีพเวชกรรม(วีโต้) นายกแพทยสภาจะแจ้งให้ผู้ที่ถูกลงโทษได้ทราบ และจะต้องมีระยะเวลาให้ผู้ที่ถูกลงโทษจัดการงานบางอย่าง เช่น ผู้ป่วยที่ดูแลอยู่ โดยนายกแพทยสภาจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาและสื่อสารให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ

ไม่ถือเป็นแรงกดดัน แต่เป็นกำลังใจจากประชาชน

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความกังวลเรื่องแรงกดดันจากการเปิดเผยรายชื่อทางการเมือง ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ อธิบายว่า การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบัน หลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 50,000 คนที่ได้ลงนาม โดยสาระสำคัญของผู้ลงนามเหล่านั้นต้องการให้แพทยสภายึดมั่นและยืนหยัดอยู่ในความถูกต้อง และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ

"สิ่งที่ท่านให้ความเห็นมาผมไม่ถือว่าเป็นแรงกดดัน นั่นคือกำลังใจ เพราะเป็นสิ่งที่เราก็อยากทำ และเป็นสิ่งที่เราชอบแล้ว แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างพยายามจะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำ นั่นถึงจะเรียกว่ากดดัน หรือในบางกรณีเข้าเกณฑ์ของข่มขู่ด้วยซ้ำ" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ถือโอกาสนี้ในฐานะตัวแทนกรรมการทุกท่าน กราบขอบพระคุณประชาชนคนไทยทั้งหลายที่แสดงออกอย่างชัดเจน อยากให้แพทยสภาดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ "วันนี้พวกเรากรรมการจะทำสิ่งเหล่านั้น และขอส่งสิ่งเหล่านี้กลับให้ทุกท่านว่า ที่ท่านได้กำลังใจมาให้ส่งผลแล้ว"

ข้อความสำหรับแพทย์รุ่นใหม่และแพทย์ทั่วไป

ในตอนท้าย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ มีข้อความถึงแพทย์ทั้งหลายว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ เป็นแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และเราเข้าใจความถูกต้อง เราเข้าใจบทบาทและหน้าที่เหมือนกัน วันนี้เราทำตามสิ่งที่เราเรียนมา

"วันนี้แพทย์ทั้งหลายที่เรียนได้เห็นกรณีนี้เป็นกรณีศึกษา และเป็นการต่อไปว่า บทบาทของแพทย์อาจจะมีมากกว่าเพียงแค่รักษาคนไข้อย่างเดียว คือการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานการรักษา" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวปิดท้าย

สิทธิ์การอุทธรณ์และกระบวนการต่อไป

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ เปิดเผยว่า หากมีการไปร้องเรียนที่ศาลปกครอง นั่นคือเข้าสู่กระบวนการของศาลปกครอง เราก็สามารถดำเนินการได้ และเมื่อต่อไปเราก็ดำเนินการตามกระบวนการของตุลาการที่จะต้องมีการไปชี้แจง นี่คือสิทธิ์ของประชาชนในประเทศนี้ ถ้าไม่เห็นด้วยก็สามารถไปร้องเรียนได้ เราก็มีหน้าที่อธิบายให้ศาลได้รับทราบ

การประชุมในวันนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการพิจารณาคดีจริยธรรมที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม โดยแพทยสภายืนยันจุดยืนในการรักษามาตรฐานและจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเวชกรรมอย่างเคร่งครัด ไม่เลือกหน้าไม่เลือกตาต่อผู้ป่วยทุกระดับ รวมทั้งการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายและระเบียบของแพทยสภาอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...