โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

เชียร์ ทิฆัมพร เคลียร์ปมใช้เส้นดัน ชู้ต น้องชาย เผยเหตุจ่อลาวงการ

Khaosod

อัพเดต 22 ก.พ. 2565 เวลา 09.25 น. • เผยแพร่ 22 ก.พ. 2565 เวลา 07.18 น.

เชียร์ ฑิฆัมพร เคลียร์ดราม่าใช้เส้นดัน ชู้ต น้องชาย รับไม้ต่อจากพี่สาวเข้าวงการ เผยเหตุเตรียมโบกมือลาวงการ แจงปมครอบครัวโดนกระแสดราม่าหลังเปิดตัวคบไฮโซบิ๊ก

นางเอกสาว เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ควงน้องชายสุดหล่อ ชู้ต เชิดชนินทร์ เคลียร์ข่าวโดนเม้าธ์ใช้เส้นดันน้องชายเข้าวงการ อีกทั้งเผยถึงเรื่องที่ครอบครัวโดนกระแสดราม่าหลังเปิดตัวคบ ไฮโซบิ๊ก ธนพนธ์ เบญจรงคกุล แถมยังมีข่าวแว่วๆ มาว่า สาวเชียร์ จะโบกมือลาวงการบันเทิงอีกด้วย ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

คุณบิ๊กเขาน่ารักยังไง? เชียร์ : “น่ารักมาก เขาจะมีความใจเย็น มีอะไรที่เหมือนเป็นการเติมเต็มแล้วกัน นิสัยบางอย่างต่างกัน แต่ก็มีจุดที่เหมือนกัน”

เขาเป็นคนใจเย็นแสดงว่าเราเป็นคนใจร้อน? เชียร์ : “ใช่ คือเราเป็นคนทำอะไรเร็ว ด้วยวิธีการทำงานเราตั้งแต่เด็กทำหลายอย่าง พอเราเจอบางอย่างที่เป็นเรื่องเดียวกัน ตัดสินใจจังหวะไม่เหมือนกัน กว่าเขาจะตัดสินใจใช้เวลา บางทีเรารีบไปมันก็ไม่ได้มีผลดีนะ ความเย็นของเขาทำให้เห็นว่าบางอย่างไม่จำเป็นต้องรีบก็ได้ มันเหมือนเติมเต็มกัน”

ความแข็งแรงของเธอ เข้าใจว่าเธอชอบในสปีชีส์เดียวกัน เชื่อว่าหลายคนรู้สึกแบบนี้ แต่พอวันนี้เปิดตัวเป็นผู้หญิงหวาน ก็ขอโทษที่เข้าใจผิดมาตลอด? เชียร์ : “เชียร์ว่ามันไม่แปลก นิสัยเราเชียร์ว่ามันเป็นอย่างนั้นแหละ ตัวตนของเชียร์มีนิสัยเหมือนผู้ชายหลายอย่าง ถ้าถามเรื่องความรู้สึกเชียร์ว่าอยู่ที่บุคคลนะว่ามันรู้สึกดีกับใคร เราไปพอดีกับใครมากกว่า ซึ่งจริงๆ เชียร์เป็นคนเฉยๆ กับความรักมาก ไม่ได้หมายความว่าเราจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เหมือนชีวิตเราเกิดมาโฟกัสแต่งานมาโดยตลอดแล้วการที่จะมีแฟนหรือไม่มีแฟน มันเป็นเรื่องไม่ซีเรียสเลย”

ในภาพลักษณ์ที่แข็งเกร่ง พอมีความรัก มีความมุ้งมิ้งไหม? เชียร์ : “ก็ต้องถามคุณผู้ชายดู”

รู้สึกตัวเองขี้อ้อนขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์? เชียร์ : “ขี้อ้อนอยู่แล้ว แต่ว่าความขี้อ้อนนี้เราจะไม่ได้ใช้กับคนอื่นมากนัก แม้กระทั่งกับคนในบ้านเรายังไม่อ่อนเลย”

มันมีโมเมนต์ที่เชียร์ผิดนัดเขา แต่เขารอ? เชียร์ : “ไม่ใช่ครั้งเดียว บ่อยด้วย คือหลายๆ ครั้งเราไม่ได้มีเวลา เราอยากจะมีมื้อค่ำด้วยกัน แต่ว่าเราอาจจะไม่สะดวกไปข้างนอก เราก็จะนัดเขามาที่บ้าน แต่หลายครั้งมากที่เรานัดทุ่มนึง บางทีเราทำงานประชุมเลยเถิด เคยไปสุดเกือบ 5 ทุ่ม แล้วเขาก็รอที่บ้าน เราก็เกรงใจบอกว่าทานข้าวกับหม่าม้าไปเลยนะเดี๋ยวจะผิดเวลาอาหารกัน ปรากฎว่าหม่าม้าก็ทานอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วเรากลับมาถึงขอโทษนะมันดึกอีกแล้ว เขาก็รอที่จะกินกับเรา รู้สึกผิดมาก แล้วไม่ใช่ครั้งเดียวเป็นอย่างนี้หลายครั้ง ด้วยงานเราบางทีมันยากจะควบคุมเหมือนกัน ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่เราขอโทษมาก เรายอมรับตามตรงเลยว่าถ้าเป็นคนอื่น หรือแม้กระทั่งเป็นเราเองเราอาจจะรู้สึกต้องมีงอนกันบ้าง แต่เขาไม่เคยงอนเลย เขาบอกไม่เป็นไรก็รอ กินพร้อมกันนี่แหละ”

แบบนี้เรียกได้ไหมว่าคุณบิ๊กเขาเข้ามาเติมเต็มส่วนที่เราขาดไปในชีวิต? เชียร์ : “ถือว่ามาช่วยเติมเต็มอะไรหลายๆ อย่าง บางทีมันทำให้เรารู้สึกว่าการที่มีใครมาทำอะไรให้ขนาดนี้ หรือแม้กระทั่งสิ่งนี้มันคือความยุ่งวุ่นวายในตัวเรา ในการทำงานของเรา แต่เขามีความเข้าใจ แล้วเขารู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหานี่คือเราทำงาน เราก็รู้สึกโชคดีจังที่มีคนเข้าใจเราแบบนี้ น่ารักๆ”

ล่าสุดเห็นทำช่องยูทูบด้วยกัน? เชียร์ : “ใช่ค่ะ ชื่อ Cheer up Channel ก็เป็นการเก็บภาพบรรยากาศตอนไปเที่ยวด้วยกันมาฝาก ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ มีการเดินทางด้วยกันทั้งในไทยและต่างประเทศเลย”

คนนี้มีโอกาสไหม? เชียร์ : “ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น”

โอกาสหมายถึงแต่งงาน คิดไหม? เชียร์ : “ก็คิดนะ คือคิดในที่นี้หมายความว่าเราคบใครเราจริงจัง ไม่ได้หมายความว่าตบปากรับคำว่าแต่ง เราไม่รู้อะไรจะเปลี่ยนแปลงยังไง จะใช่หรือไม่ใช่ในท้ายที่สุด แต่เราเลือกที่จะคบเขาแล้ว เราก็จริงจังที่สุด”

เขาพูดไหม? เชียร์ : “ก็พูด แต่เราอาจจะมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบกันส่วนตัวด้วย อาจจะรอให้เวลามันเหมาะสม แต่เราก็มีความจริงใจและจริงจังซึ่งกันและกัน”

วางไว้ไหมสักกี่ปี? เชียร์ : “ก็อาจจะไม่ได้นานมาก ปีนี้ก็ 3 ปีที่คบกัน ก็ค่อยๆ ดูกันไป ให้เวลาเป็นเครื่องช่วยบอกอีกที”

ใน 3 ปีนี้เคมีตรงกันทั้งหมด หรือมีอะไรที่ต้องใช้เวลาในการปรับ มีอะไรบ้าง? เชียร์ : “ก่อนหน้านี้ปรับกันเยอะมากเลย วิธีคิดค่อนข้างต่างกัน แล้วบิ๊กเขาโตต่างประเทศ บางทีวิธีการใช้ชีวิตมันไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่ก็อาจจะมีปรับ แต่ความน่ารักคือเราคุยกันแล้วปรับเข้าหาซึ่งกันและกัน”

เชียร์เป็นคนที่จริงจังกับความรักมาก แสดงว่ารักครั้งก่อนๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จมันเป็นสิ่งที่คาใจเรา? เชียร์ : “มันทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้โฟกัสเรื่องความรัก แต่เมื่อเรามีเราจะจริงจังมาก มากซะจนบางครั้งมันไม่สมหวังกว่าเราจะถอนตัวออกมาได้ใช้เวลานานมาก หรือกว่าจะกลับมาปกติมันเป็นเรื่องยาก แล้วเราทำงานตรงนี้บางทีเราต้องสนุกสนาน แต่บางทีข้างในมันบอบช้ำ เรารู้สึกฉันเหนื่อย เราเลยรู้สึกว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีเราจะรู้ตัวดีถ้ามันไม่สมหวัง โห…หนัก”

แล้วบิ๊กเขารู้ไหมว่าเราผ่านจุดนี้มา เราเข็ดมากกับความรู้สึกแย่ๆ แบบนี้ ? เชียร์ : “รู้ค่ะ แล้วเป็นสิ่งที่คุยกันเหมือนกันว่าอย่าให้มันมีอะไรไม่ดีนะ คือเชียร์จริงใจนะ ถ้าเชียร์เหมือนมีอะไรมากระทบใจ มีอะไรที่มันไม่ดี มันจะทำให้เชียร์แย่มากเลย ซึ่งเขาก็เข้าใจ”

วันที่รู้ว่าเราเริ่มมีความรักเข้ามา มีความกลัวขนาดไหน กังวลไหม? เชียร์ : “ไม่ถึงกับกังวลนะ แต่กว่าที่เราจะคบกับเขาจริงๆ ใช้เวลาดูเขา 2 ปี คือไม่ได้รีบร้อน ดูว่าเขากับเราจะไปด้วยกันได้จริงๆ หรือเปล่า มันใช้เวลา ค่อยๆ”

ทำไมต้องดูเขานานขนาดนั้น? เชียร์ : “จริงๆ เราเคยแม้กระทั่งปฏิเสธเขาไปแล้ว เพราะเรารู้สึกว่าไม่น่าเวิร์ก ไม่น่าใช่ คือมันไม่ใช่คุยหลายๆ คนแล้วจูงเขาไว้ แต่เรารู้สึกว่าต้องใช่จริงๆ ต้องเหมาะจริงๆ แล้วเขาเป็นเพื่อนเรามาก่อน ทีนี้พอมันค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ เปลี่ยนเราก็เลยเหมือนต้องมั่นใจ เพราะไม่ได้อยากให้มันไม่ดี”

ครอบครัวว่าไง? เชียร์ : “จริงๆ ครอบครัวจะรู้มาตลอดในระยะทางที่มีคนนี้เข้ามา มีช่วงที่เราโอเค ไม่โอเคยังไง คือบางทีเรารู้สึกเห็นใจเขาเลย ตอนที่เราปฏิเสธเราบอกเขาว่า เอาความพยายามนี้ไปให้คนที่ใช่ดีกว่า เพราะเรารู้สึกเราหวังดีจริงๆ ในกึ่งเราเป็นเพื่อนกัน อยากให้เขาเจอคนที่เข้ากับเขา แต่เขาก็ไม่หยุดไง จนเรารู้สึกว่าเกิดมาไม่เคยเจอใครที่ปฎิเสธตรงๆ แล้วยังพยายามอยู่”

เราแพ้ใจเขาในปีที่2 หรือตั้งแต่คบครั้งแรกแล้ว? เชียร์ : “ครั้งแรกไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เพื่อนกัน 100% มาก กว่าจะมาเปิดใจดูจริงๆ แทบจะเป็นปีด้วยซ้ำ ยาวมาก”

แสดงว่าเขารักจริง มุ่งมั่นมาก? เชียร์ : “ก็ไม่รู้เขาเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงพยายามได้ขนาดนี้ แต่ถามว่าแพ้ตอนไหน เรารู้สึกว่าพอ 2 ปีมาแล้วไม่ใช่แค่เราแล้ว เหมือนเขาดูแลบางสิ่งบางอย่าง ครอบครัว พร้อมจะมีน้ำใจช่วยเหลือ เราก็เลยรู้สึกโอเคนะ ขอบคุณเขา”

เขาดูแลครอบครัวเราดีขนาดไหน? เชียร์ : “ก็ใส่ใจมีอะไรบางอย่างก็จะนึกถึง หรือแม้กระทั่งมาทานอาหาร ตอนนี้ก็เข้าบ้านเหมือนคนในครอบครัว”

แล้วเรากับครอบครัวเขาล่ะ? เชียร์ : “ก็มีความน่ารักเหมือนกันเพราะว่ามีโอกาสไปพบเจอบ้าง มีโอกาสไปทานข้าวกับคุณแม่บ้าง ก็อบอุ่น”

เราสองคนเรียกว่าผ่านด่านของทั้งสองครอบครัวได้หรือยัง? เชียร์ : “เราไม่รู้นะ เราไม่ถึงขนาดคุยกับที่บ้านตรงๆ นะว่าคนนี้ผ่านไม่ผ่านยังไง เหมือนเราใช้ชีวิตปกติ มันไม่ได้มีขั้นมีตอนอะไร”

ในความรู้สึกเชียร์คิดว่าผ่านไหมฝั่งคุณพ่อคุณแม่ของแฟนเรา? เชียร์ : “อันนี้ก็ตอบไม่ได้นะ อย่างที่บอกเราพยายามเป็นปกติที่สุด เพราะเชียร์ว่าถ้าวันนึงมันจะไปข้างหน้าทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยอะไรที่ปกติ แต่ถามว่าผ่านด่านครอบครัวเราไหม ก็ต้องถามคนในครอบครัว”

คุณบิ๊กผ่านด่านครอบครัวหรือยัง? ชู้ต : “ผ่านนะครับ ถามว่าตอนที่เขาเริ่มคุยกัน ไม่รู้ว่าเขามาปรึกษาหรือเรียกว่าอวด ว่ามีคนเข้ามาก็ไม่รู้เหมือนกันแยกไม่ออก ก็มีมาปรึกษาบ้างครับ ว่าเนี่ย ตอนนี้มีคนนี้เข้ามาคุย แต่ไม่รู้จะเอาไงดี มันจะเป็นฟีลอย่างนี้ แต่เราก็ไม่ได้แนะนำอะไร แค่คอยรับฟัง”

ในมุมมองชู้ตที่เห็นแฟนพี่เรารู้สึกยังไง? ชู้ต : “ก็สงสารครับ (สงสารพี่บิ๊ก) ไม่ๆ น่ารักๆ อย่างที่พี่เชียร์บอกเขาใส่ใจ ไม่ได้ใส่ใจแค่พี่เชียร์ เขาใส่ใจคนรอบข้าง เขาใส่ใจคนที่บ้านแบบคิดว่าเราเป็นครอบครัวเขา”

แสดงว่าผู้ชายทุกคนที่มาจีบเชียร์ชู้ตจะรู้? ชู้ต : “ไม่ทั้งหมดครับ แต่ส่วนใหญ่จะรู้”

สวย เก่ง ขนาดนี้ ห่วงหรือหวงพี่สาว? ชู้ต : “ห่วงดีกว่าครับ ไม่หวงครับ เพราะเรารู้ว่าเขาทำงานตั้งแต่เด็ก เขาใช้ชีวิตมาค่อนข้างโชกโชนในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิตเหมือนเขาสุดทุกทาง เที่ยวก็สุด ทำงานก็สุด ครอบครัวก็สุด แต่เราจะห่วงเขาเรื่องสุขภาพมากกว่า เพราะว่าเขาเป็นคนที่ทำงานหนัก บางวันนอนแค่ 2-3 ชั่วโมง บางทีอาทิตย์นึงทำงานทุกวันเลย เรารู้สึกเขาพักผ่อนน้อย สุขภาพเขาอาจจะไม่ดี”

พี่สาวตอนไม่มีแฟนกับพี่สาวตอนมีแฟน ความขี้อ้อนต่างกันไหม? ชู้ต : “ถ้ากับคนในบ้านเหมือนเดิมครับ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย แต่กับพี่บิ๊กเราจะเห็นมุมที่แบบ เฮ้ย…เป็นอะไร แบบที่ยักๆ คือเราไม่เคยเห็นเขาในมุมนั้น ซึ่งหลังๆ เขาก็เริ่มแสดงออกต่อหน้าคนในบ้านเยอะขึ้น ซึ่งตอนแรกๆ ที่เห็นชู้ตแบบจังหวะช็อต”

ชอบพี่สาวเวอร์ชั่นไหนมากกว่ากัน? ชู้ต : “มีแฟนแล้วกันครับ ดูสดใส เด็กลงนิดนึง ความรักทำให้คนเด็กลง”

เชียร์รู้สึกเด็กลงไหม? เชียร์ : “เด็กลงค่ะ เพราะเรามีสกินแคร์ที่ดี (อ่อไม่เกี่ยวแล้ว) เชียร์ว่าคือเติมเต็มแหละ มันมีพลังงานที่ดี เรื่องนี้เชียร์คุยกับบิ๊กนะการที่เราทำอะไรดีๆ ต่อกัน มันก็จะมีแต่สิ่งดีๆ”

ชู้ตแอบเชียร์พี่สาวให้รีบแต่งงาน ให้รีบมีเบบี้เร็วๆ เลยไหม? ชู้ต : “ไม่ครับ ชู้ตรู้สึกว่าเป็นเรื่องของเขาสองคนที่เขาจะตกลงกันเมื่อพร้อม ถ้าเขาพร้อมเมื่อไหร่เราก็พร้อมจะยินดี”

พร้อมจะเป็นน้าหรือยัง? ชู้ต : “ก็พร้อมแล้วครับ เป็นคนรักเด็ก” เชียร์ : “โทษนะคะ รักมาก รบกวนจัดการตัวเองค่ะ”

แล้วถ้าเขาไม่มีลูกโอเคไหม? ชู้ต : “โอเคครับ มันเป็นเรื่องของเขาสองคน”

แล้วบิ๊กว่าไง? เชียร์ : “ก็ต้องคุยกันอีกที แต่ว่าเขาไม่ได้ติดอะไร ส่วนตัวเขา เขาก็ค่อนข้างคิดเหมือนเราแหละ แต่ถ้าเราอยากจะมีเขาก็ไม่ติด”

เชียร์ทำไมถึงไม่อยากมี? เชียร์ : “อันนี้ส่วนตัวแล้วกัน เรารู้สึกการมีชีวิตมันไม่ใช่เรื่องง่าย เราเติบโตมา 34 ปี เรารู้ดีว่ามันมีทั้งสุขทุกข์ แค่รู้สึกว่าเราแกร่งที่เรายินดีจะผ่านไป แต่เราไม่รู้ว่าลูกเราจะเป็นยังไง แล้วเราคงเป็นห่วงเขามาก แต่นี่มันเป็นความคิดด้านเดียวนะ”

มีอยู่ช่วงนึงครอบครัวเกิดกระแสดราม่า โดนทัวร์ลงอย่างหนัก ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น? เชียร์ : “ก็เป็นเรื่องประเด็นนี้แหละ ประเด็นที่เราเปิดตัวคุณบิ๊ก แต่เราอยู่วงการมาไม่เคยมาโดนอะไรอย่างนี้ แต่ว่าพอมีประเด็นนี้ กึ่งนึงเราก็เข้าใจประเด็นที่มันเกิดว่ามันเกิดเพราะอะไร แต่ถามว่าโกรธอะไรไหม ไม่ถึงขนาดแบบโกรธ ไม่ได้อะไร แต่เรารู้สึกกระทบใจดีกว่า เราโดนว่าไม่เป็นไรหรอก แต่พอโดนไปถึงครอบครัว ว่าไปถึงน้องเรา พี่เรา แล้วมันเป็นเรื่องที่แบบเราเปิดตัวคบคนคนนึง เราเลยรู้สึกว่าทำไมต้องไปหาคนอื่นด้วย เราแค่รู้สึกไม่ดีที่คนในบ้านต้องมาโดนเรื่องนี้”

เชียร์ไม่โกรธ แต่ชู้ตโกรธโดนคนส่งข้อความมาด่า? ชู้ต : “โกรธครับ คือเขาไม่ได้ด่าเรา แต่เขาด่าพี่เรา แล้วเขาด่าถึงปาป๊า หม่าม้าเรา ทุกอย่างมันมีเหตุผล เราเข้าใจว่าต่างคนต่างความคิด แต่เราแค่รู้สึกว่า คุณก็ไปในพื้นที่ของคุณสิ ถ้าคุณอยากจะระบายอะไร คุณมีพื้นที่โซเชี่ยลของคุณอยู่แล้ว คุณจะมารุกล้ำพื้นที่โซเชี่ยลของเราทำไม ถึงขั้นพิมพ์มาหาชู้ต พิมพ์มาหาเฮียแชมป์ เรารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเท่าไหร่”

เขาด่าเรื่องอะไร? เชียร์ : “ความเข้าใจบางอย่าง คือเขาเข้าใจว่าเราคบกับอีกคนนึง ซึ่งตลอดเวลาที่เราปฎิเสธคุณบิ๊กมาตลอด แต่ถามว่าการปฎิเสธมันคือเรื่องจริง เพราะไม่งั้นเขาไม่รอถึง 2 ปีหรอก แต่พอวันนึงเราเปิดตัวคบคนนี้ขึ้นมา มันเหมือนกับว่าเราโกหกนิ ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้โกหกอะไร แต่เราก็ไม่อยากให้การมาด่ากันถึงขนาดต้องไปฟ้องกัน จริงๆ ทำได้ไหม ทำได้แต่เรารู้สึกว่าทุกอย่างให้มันจบดีกว่า”

เชียร์สอนน้องตลอดว่าอย่าด่ากลับ? เชียร์ : “ใช่ นิ่ง ให้มันจบไป เพราะเรารู้สึกว่าเรื่องนี้จริงๆ แล้วพื้นฐานมันไม่ได้มีอะไรเลย เพราะฉะนั้นอย่าไปทำให้มันมีอะไรดีกว่า”

เชียร์อโหสิกรรมไหม? เชียร์ : “เชียร์ไม่แน่ใจว่าคำนี้ถูกไหม เพราะเชียร์ไม่ได้ผูกใจเจ็บกลับ หรือเราไม่ได้รู้สึกอะไรกลับ คือเราให้อภัยดีกว่า ปล่อยวาง”

ตอนนั้นบิ๊กว่ายังไง? เชียร์ : “เขารู้ มันเป็นส่วนนึงที่ทำให้เรามาคุยกันว่า อย่าให้มันมีอะไรไม่ดีในคู่ของเราดีกว่า เพราะว่าเราผ่านอะไรกันมา เชียร์เองก็ผ่านจุดที่เราไม่เคยโดนแบบนี้เหมือนกัน ให้รักษาตรงนี้ไว้ดีกว่า แล้วไปข้างหน้า”

พี่น้องสองคนนี้สนิทกันมาก สมัยก่อนใส่กางเกงในตัวเดียวไปแกล้งน้อง? ชู้ต : “ตัดคำว่าสมัยก่อนออกครับ ทุกวันนี้ คือห้องชู้ตกับห้องพี่เชียร์ติดกัน ห้องแต่งตัวเขามันทะลุกันได้ เราก็จะเดินผ่านของเราปกติ ซึ่งบางทีเขาก็มีการเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรของเขา ซึ่งปกติผู้หญิงเวลาเห็นผู้ชายเดินเข้าไปในห้อง เขาต้องเขิน เขาต้องด่า แต่นี่ไม่ใส่กางเกงในวิ่งไล่เลย กลายเป็นว่าเราต้องเขินแทน”

รักน้องคนนี้ขนาดไหน? เชียร์ : “ก็น้องเราต้องรักแหละ จริงๆ ก็มีโมเมนต์บางทีเชียร์จะขี้งกมากกับการซื้อของ แต่บางทีเราจะซื้อรองเท้าคู่นี้แพงหน่อย แต่น้องเราใส่ได้ เชียร์จะซื้อไซซ์ใหญ่หน่อย เผื่อเขาด้วย” ชู้ต : “รักนะ”

จริงไหมที่เขาบอกว่าอีกไม่นานจะอำลาวงการ? เชียร์ : “เอาจริงๆ เป็นแพลนที่คิดไว้เหมือนกันนะไม่ใช่ว่าจะอำลาไปเลยนะคะ แต่ว่าเราเติบโตมากับการเป็นนักแสดง แต่หลังๆ เราเริ่มทำธุรกิจ มาทำเบื้องหลัง มาทำอะไรที่เป็นอีกแบบนึงเวลามันค่อนข้างจัดการลำบากมาก ถ้ากับการเป็นนักแสดงนะคะ ซึ่งถ้ากรณีเล่นละครยาวๆ คิดว่าน่าจะเร็วๆ นี้เลยด้วยซ้ำ”

จะไม่คิดถึงเสน่ห์ของการเล่นละครแล้วเหรอ? เชียร์ : “คิดถึง คิดถึงมาก รักมาก แต่ว่าด้วยเวลา ณ ตอนนี้สิ่งที่เราคิดไว้มันอาจจะทำไม่ได้ แต่ถ้าวันนึงเราจะกลับมาเล่นอะไรอย่างนี้ คือทิ้งขาดน่าจะยาก แต่ตอนนี้เรารู้สึกว่าไม่เหมาะจริงๆ กับเวลาที่จะเอามาเล่นละคร”

เคยคุยเรื่องนี้กันไหมว่าเขาจะเลิกทำงาน? ชู้ต : “เคยพูดบ้าง แต่ว่าเห็นพูดมาหลายปีแล้วเหมือนกันครับ” เชียร์ : “คือพูดมาหลายปีบอกจะเลิกๆ ก็ยังไม่เลิกนั่นเอง” ชู้ต : “ใช่ แต่เป็นการค่อยๆ ลดดีกว่า”

ตอนนี้ชู้ตเริ่มถ่ายละครแล้ว? เชียร์ : “ใช่” ชู้ต : “ก็เพิ่งเริ่มเข้าวงการ” รับไม้ต่อแทนพี่สาว? ชู้ต : “ใช่”

เชียร์ : “เขามีความตั้งใจมากพี่ จริงๆ เขามีเสน่ห์อะไรบางอย่าง เชียร์ว่าเวลากับประสบการณ์จะค่อยๆ กล่อมเกลาเขาเอง เพราะว่ากระสือลำซิ่งละครที่เชียร์ทำ เขาเล่นมันก็มีจุดดีที่เราเห็นนะ เขาก็มีเสน่ห์อะไรบางอย่างในตัวเขาเหมือนกัน”

ที่เขาเขียนว่าเชียร์ใช้เส้นดันน้องเข้าวงการ เห็นแบบนี้แล้วเจ็บไหม? ชู้ต : “ไม่เจ็บครับ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เขาแทบจะไม่ดันเราเลย ก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นเราอยากเข้า เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

เชียร์ : “ใช้คำนี้ดีกว่า ไปออดิชั่นเล่นซีรีส์ เชียร์ยังไม่รู้เลย”

คนที่ซีรีส์รู้ไหมว่าเราคือใคร? ชู้ต : “เขารู้เพราะว่าเขาอ่านนามสกุลแล้วเขาก็ถามมากกว่า”

เชียร์ : “คือเราไม่ได้ฝากจัดการให้ ไม่มีเลย งงเลย งงว่าไปตอนไหน คือเชียร์ว่าเขาจะเข้าใจเองว่าเรื่องของการเป็นข่าวคืออะไร แต่ว่าความรู้สึกที่มันจะเกิดขึ้นถ้าเราทำหรือไม่ทำ ทุกอย่างมันจะตอบด้วยตัวมันเอง เชียร์ว่าชู้ตเขาก็เรียนรู้ตรงนี้ได้ดี”

ชู้ต : “ใช่ เพราะว่ามีตัวอย่างที่ดีอยู่ตรงนี้”

น้องชายของเธอมีคนครอบครองหัวใจหรือยัง? เชียร์ : “อยากรู้เหมือนกัน เขาไม่เคยมาปรึกษาอะไรเลย”

ชู้ตมีคนครองหัวใจหรือยัง? ชู้ต : “ไม่มีครับ คือเรารู้สึกว่าเรายังดูแลตัวเองไม่ได้ขนาดนั้น เรารู้สึกว่าเราไม่พร้อมที่จะดูแลใคร จะคล้ายๆ กับพี่เชียร์ที่ว่าเราไม่ใช่คนที่ต้องมีตลอดเวลา คือถ้ามีแล้วมันไม่ดีเราเลือกที่จะไม่มีดีกว่า”

คลิปสัมภาษณ์ เชียร์ ฑิฆัมพร - ชู้ต เชิดชนินทร์ น้องชาย

https://www.youtube.com/watch?v=e7-O-SlahqE

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...