โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศูนย์จีโนมฯ เผยผลศึกษากาตาร์ ชี้อีกไม่กี่ปีเชื้อโควิดจะอยู่กับคนแบบไข้หวัด

MATICHON ONLINE

อัพเดต 10 ก.ค. 2565 เวลา 15.31 น. • เผยแพร่ 10 ก.ค. 2565 เวลา 15.31 น.

ศูนย์จีโนมฯ เผยผลศึกษากาตาร์ ชี้อีกไม่กี่ปีเชื้อโควิดจะอยู่กับคนแบบไข้หวัด

วันนี้ (10 กรกฎาคม 2565) ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ผลการศึกษาวิวัฒนาการของไวรัสโควิด-19 กับมนุษย์ ระบุว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้าไวรัสโควิด-19 กับมนุษย์ จะมีวิวัฒนาการร่วมกันของการติดเชื้อคล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา (common cold virus) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus)

ทั้งนี้ข้อความระบุว่า

ข่าวดี! ทีมวิจัยจากกาตาร์ สรุปว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่ไวรัสโคโรนา 2019 และมนุษย์จะมีการวิวัฒนาการร่วมกันออกมาในรูปแบบ (pattern) ของการติดเชื้อคล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา (common cold virus) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus)

งานวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยจากประเทศกาตาร์ ศึกษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวนกว่า 1 ล้านคน เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาดจากไวรัสอู่ฮั่น ตามมาด้วยการระบาดของสายพันธุ์ อัลฟา เบตา เดลตา จนมาถึง โอไมครอน BA.1, BA.2, BA.4 และ BA.5 ในปัจจุบัน บ่งชี้ว่า

1) ภูมิคุ้มกัน ที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำที่ได้จากการติดเชื้อตามธรรมชาติหรือจากการฉีดวัคซีน (แอนติบอดี จากบีเซลล์:B-cell ที่ทำลายไวรัสอย่างจำเพาะ) มีคุณสมบัติทางชีวภาพ (Biological property) ที่จะด้อยประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อซ้ำอย่างรวดเร็วและหมดลงในเวลาไม่กี่ปี ประกอบกับคุณสมบัติของไวรัสเอง (Virological property) ที่เป็นไวรัสอาร์เอ็นเอ ซึ่งมีกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่องส่งผลให้แอนติบอดีจำไวรัสที่กลายพันธุ์ไปไม่ได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการจับและทำลาย (neutralization) ไวรัสลดลงเช่นกัน

2) ตรงกันข้าม ภูมิคุ้มกันที่ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต (จากทีเซลล์:T-cell ที่เข้าทำลายเซลล์ติดเชื้อไวรัสแบบไม่จำเพาะ) ยังคงมีประสิทธิภาพดีเต็ม 100 ไม่ลดลง ตลอด 14 เดือนที่ทีมวิจัยเก็บข้อมูล ไม่ว่าผู้ติดเชื้อรายนั้นจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์หลักหรือสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์ไปเท่าใดก็ตาม

3) ภูมิคุ้มกันประเภทแอนติบอดีที่ป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งได้จากการติดเชื้อจากธรรมชาติจะยืนยาวกว่าภูมิคุ้มกันที่ได้มาจากการฉีดวัคซีน

ในยุคก่อนการมีการระบาดของโอไมครอน
ภูมิคุ้มกันจากแอนติบอดี ที่ได้จากการฉีดวัคซีนจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ในขณะที่ภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำจะคงอยู่ได้ประมาณ 3 ปี

ในยุคการระบาดของโอไมครอน
ภูมิคุ้มกันจากแอนติบอดี ที่ได้จากการฉีดวัคซีนจะคงอยู่ได้ <6 เดือน ในขณะที่ภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี

ทีมวิจัยจากกาตาร์ สรุปว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่ไวรัสโคโรนา 2019 และมนุษย์จะมีการพัฒนาตนเองออกมาในรูปแบบ (pattern) ของการติดเชื้อคล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา (common cold) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza) กล่าวคือ

การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดธรรมดาจากไวรัสโคโรนา และไวรัสไข้หวัดใหญ่จากไวรัส Influenza จะก่อเกิดภูมิคุ้มกันระยะสั้น(จากแอนติบอดี) ป้องกันการติดเชื้อซ้ำอย่างจำเพาะต่อแต่ละสายพันธุ์ได้เพียงประมาณหนึ่งปีหรือตามฤดูกาล แต่จะมีภูมิคุ้มกันที่ป้องกันอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต(จากทีเซลล์) ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อรุนแรงที่ไม่จำเพาะต่อสายพันธุ์ไปได้ตลอดชีวิต

อนึ่ง เนื่องจากไวรัสโคโรนา 2019 มีความสามารถในการกลายพันธุ์หลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ จึงนำไปสู่การระบาดเป็นระลอก (wave) ต่อเนื่องไป (อาจเป็นการระบาดรายปี) อย่างไรก็ตาม ภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืน (memory T และ B cells) จะช่วยป้องกันมิให้เกิดการติดเชื้อซ้ำที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตจะส่งผลต่อรูปแบบของการติดเชื้อของไวรัสโคโรนา 2019 ให้ลดความรุนแรงลงจน สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ในลักษณะของโรคประจำถิ่นในที่สุด

Duration of immune protection of SARS-CoV-2 natural infection against reinfection in Qatar | medRxiv
https://www.medrxiv.org/content/10.1101/2022.07.06.22277306v1?utm_content=buffer8764a&utm_medium=social&utm_source=twitter.com&utm_campaign=bufferdki

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...