โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ทำไม “อิสลาม” หยั่งรากลึกในคาบสมุทรและหมู่เกาะมลายูมานานเกือบ 1,000 ปี ?

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 30 เม.ย. เวลา 04.04 น. • เผยแพร่ 29 เม.ย. เวลา 11.20 น.
แผนที่หมู่เกาะมลายู (Malay Archipelago) (ภาพจาก Wikimedia Commons)

ดินแดนคาบสมุทรและหมู่เกาะมลายูคือหนึ่งในภูมิภาคที่ศาสนาอิสลามหยั่งรากลึกและมีผู้คนเลื่อมใสนับถือมากสุดในโลก โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่มีประชากรมุสลิมกว่า 250 ล้านคน

การที่ศาสนาอิสลามสามารถแผ่ขยายและฝังแน่นในดินแดนแถบนี้มิใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลจากประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งการค้าขายระหว่างท้องถิ่นกับโลกมุสลิม การเผยแผ่ศาสนาโดยพ่อค้า ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจการปกครองในยุคต่าง ๆ

ปัจจัยที่ทำให้คาบสมุทรมลายูกลายมาเป็นบ้านของชาวมุสลิมจำนวนมากคืออะไร ?

อิสลามในยุคแรกเริ่ม

ศาสนาอิสลามมีพื้นเพจากตะวันออกกลาง ในพื้นที่ของประเทศซาอุดีอาระเบียในปัจจุบัน มีอายุราว 1,400 ปี ลักษณะเป็นเอกเทวนิยมหรือพระเจ้าองค์เดียว นั่นคือ “อัลลอฮ” มีศาสดาหรือนบีคนแรกคือนบีอาดัม ท่านสุดท้ายคือ นบีมูฮัมหมัด

หลังจากศาสดามูฮัมหมัดทรงเสียชีวิตลง จักรวรรดิอิสลามในช่วงเริ่มต้นก่อน ค.ศ. 1000 อาทิรัฐเคาะลีฟะฮ์รอชิดีน รัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์ รัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ สามารถแผ่ขยายอำนาจครอบคลุมตั้งแต่ยุโรปตะวันตกบริเวณสเปน ไปจนถึงเอเชียกลาง ทำให้ผู้คนจำนวนมากหันมาเข้ารับศาสนาอิสลาม ตามพื้นที่ซึ่งได้รับอิทธิพลจากรัฐอิสลามเหล่านั้น

สำหรับดินแดนหมู่เกาะและคาบสมุทรมลายูแตกต่างออกไป เพราะรัฐอิสลามข้างต้นไม่เคยขยายอำนาจมาถึงบริเวณนี้ แต่กลับพบหลักฐานการมีอยู่ของชาวมุสลิมในพื้นที่มาอย่างน้อยที่สุดตั้งแต่ ค.ศ. 1292 ดังปรากฏในบันทึกของ มาร์โค โปโลพ่อค้านักเดินทางชาวเวนิส ระบุว่า เมืองเปอร์ลัก (Perlak)ในสุมาตราตอนเหนือได้เข้ารับอิสลามแล้ว จึงเป็นคำถามว่าศาสนาอิสลามเดินทางเข้ามาได้อย่างไร

การเข้ามาของอิสลามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในอดีต “พ่อค้า” ถือเป็นบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกและเชื่อมอารยธรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เส้นทางการค้าจึงมีความสำคัญอย่างมากสำหรับพวกเขา โดยเส้นทางการค้าหลักของโลก คงหนีไม่พ้น “เส้นทางสายไหม”

จนกระทั่งมองโกลตีเมืองแบกแดด (Baghdad) แตกเมื่อ ค.ศ. 1258 ทำให้เส้นทางสายไหมโดนตัดขาด ขณะที่ความต้องการสินค้าจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะเครื่องเทศยังเหมือนเดิม

เมื่อเส้นทางการค้าทางบกเสื่อมสลายลง เส้นทางการค้าทางทะเลจึงก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ เรียกว่า“เส้นทางสายเครื่องเทศ” เริ่มตั้งแต่อินเดียตะวันออก ผ่านเมืองเอเดน (Aden) ทางตอนใต้ของคาบสมุทรอาหรับ ลัดเลาะเข้าสู่ทะเลแดง จนถึงเมืองอเล็กซานเดรีย (Alexandria) ในอียิปต์ ก่อนกระจายเข้าสู่ยุโรป

นโยบายของกษัตริย์แห่งราชวงศ์มัมลุก (Mamluk) ผู้ปกครองอียิปต์ ปฏิเสธเรือสินค้าของชาวต่างศาสนิก เป็นผลให้การขนส่งสินค้าหลากชนิดจากเอเชียต้องดำเนินผ่านพ่อค้าคนกลางที่เป็นชาวมุสลิมเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ พ่อค้าทางทะเลจากเมืองท่าสำคัญในอนุทวีปอินเดีย อย่าง ซุรัต (Surat), แคมเบย์ (Cambay), ดิว (Diu) และคุชราต (Gujarat) ซึ่งล้วนเป็นรัฐอิสลาม จึงก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญยิ่งในการค้าทางทะเลของโลกขณะนั้น

กลุ่มพ่อค้าที่มีบทบาทโดดเด่นด้านการค้าทางทะเลมากสุดคือพ่อค้าจากคุชราต ในฐานะพ่อค้าคนกลางระหว่างตะวันออกกับตะวันตก ปรากฏหลักฐานว่าพ่อค้าคุชราตอาศัยอยู่ในอาณาจักรมะละกา ซึ่งเป็นเมืองท่าการค้าสำคัญอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วงศตวรรษที่ 15 มากกว่าพันคน

พ่อค้าเหล่านี้ส่วนมากล้วนเป็นพ่อค้ามุสลิม พวกเขาไม่เพียงมาในฐานะพ่อค้า แต่เป็นผู้รู้ทางศาสนา เพราะอิสลามมิได้มีตัวแทนระหว่างคนกับพระเจ้า ดังเช่นศาสนาเอกเทวนิยมอื่น ๆ ชาวมุสลิมทุกคนจึงต้องปฏิบัติตามหลักศรัทธา หรือศีลที่เหมือนกัน ทำให้อิสลามล้วนเป็นวิถีการดำเนินชีวิตของมุสลิมทุกคน

การเดินทางของพ่อค้ามุสลิมไปยังดินแดนต่าง ๆ จึงเป็นการเผยแผ่การใช้ชีวิตแบบอิสลามเข้าไปด้วย

จากเหตุผลข้างต้น ทำให้หลายรัฐในคาบสมุทรและหมู่เกาะมลายูเริ่มได้รับอิทธิพลจากการค้าอันมีพ่อค้ามุสลิมเป็นตัวแสดงหลัก ในการเข้ามาทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลาง เป็นผลให้ผู้ปกครองหลายคนเริ่มหันมานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อทั้งผลประโยชน์ทางด้านการค้า การเมือง รวมถึงเพราะความเลื่อมใสของตน ดังปรากฏในตำนานต่าง ๆ และหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร อย่างThe Suma Oriental”และ Seraja Malayu”

คาบสมุทรมลายูกับอิสลาม

เมื่อมะละกาที่เป็นรัฐอิสลามเริ่มเรืองอำนาจในช่วงศตวรรษที่ 15 และขยายอำนาจการปกครองไปยังดินแดนต่าง ๆ ในคาบสมุทรมลายู ส่งผลให้หลายรัฐหันมานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อโอนอ่อนต่ออำนาจของมะละกา

การที่รัฐในคาบสมุทรมลายูเริ่มหันมานับถือศาสนาอิสลาม ยิ่งสร้างความดึงดูดต่อเหล่าพ่อค้ามุสลิมจากหลายพื้นที่ ทำให้ศาสนาอิสลามเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในโลกมลายู ไม่เพียงเท่านั้น การกระจายตัวของศาสนาอิสลามจากมะละกายังเป็นผลให้วัฒนธรรมมลายูขยายตัวไปรัฐต่าง ๆ อีกด้วย

กล่าวได้ว่าศาสนาอิสลามได้เข้ามาสู่ดินแดนคาบสมุทรและหมู่เกาะมลายูโดยปราศจากกองทัพ และอำนาจทางการทหาร แต่เข้ามาผ่านพ่อค้าชาวมุสลิมที่ดำรงชีวิตด้วยวิถีอิสลาม และประโยชน์ทางการเมืองและการค้า ทำให้รัฐต่าง ๆ ในคาบสมุทรมลายูหันมานับถือศาสนาอิสลามนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

อนันต์ วัฒนานิกร. (2531). ประวัติเมืองลังกาสุกะ-เมืองปัตตานี.กรุงเทพ: บริษัท เคล็ดไทย จำกัด.

Andaya, B. W., & Andaya, L. Y. (2017). A history of Malaysia(3rd edition). Palgrave.

Did you know?: The Spread of Islam in Southeast Asia through the Trade Routes. (n.d.). Retrieved from UNESCO: https://en.unesco.org/silkroad/content/did-you-know-spread-islam-southeast-asia-through-trade-routes

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 เมษายน 2568

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทำไม “อิสลาม” หยั่งรากลึกในคาบสมุทรและหมู่เกาะมลายูมานานเกือบ 1,000 ปี ?

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...