โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เจาะตำนาน “วัดพนัญเชิง” อยุธยา อายุกว่า 700 ปี เกี่ยวอะไรกับ “สำเภาล่ม”?

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 13 ส.ค. 2567 เวลา 03.29 น. • เผยแพร่ 10 ส.ค. 2567 เวลา 23.00 น.
หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงวรวิหาร พระนครศรีอยุธยา (ภาพจาก /www.matichon.co.th)

วัดพนัญเชิง เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปรากฏหลักฐานว่าสร้างราว พ.ศ. 1867 หรือ 700 ปีมาแล้ว พุทธศาสนิกชนนิยมไปกราบไหว้ขอพร “หลวงพ่อโต” ที่วัดนี้ ที่นี่ยังมีเรื่องเล่าที่เชื่อมโยงกับตำนาน “พระเจ้าสายน้ำผึ้ง” กับ “พระนางสร้อยดอกหมาก” เป็นมุขปาฐะเล่าเรื่องราวกรุงศรีอยุธยาช่วงก่อนการก่อตั้งเมืองในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ที่เกี่ยวพันกับเรื่อง “สำเภาล่ม” อีกด้วย

ตำนานพระเจ้าสายน้ำผึ้ง-พระนางสร้อยดอกหมาก

ตำนานเรื่องนี้ปรากฏอยู่ในเอกสารประวัติศาสตร์ 2 แหล่ง คือ พงษาวดารเหนือ และ คำให้การชาวกรุงเก่า

พงษาวดารเหนือ กล่าวถึงตำนานเรื่องนี้โดยสรุปคือ พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ทรงเดินทางไปเมืองจีน เพื่อไปรับ พระนางสร้อยดอกหมาก พระราชธิดาพระเจ้ากรุงจีน มาเป็นพระอัครมเหสี เมื่อพิสูจน์บุญญาบารมีให้เป็นที่ประจักษ์แก่พระเจ้ากรุงจีนแล้ว พระองค์ก็เดินทางกลับมายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมด้วยพระนางสร้อยดอกหมาก และสำเภา 4 ลำ

ทั้งสองพระองค์ใช้เวลาเดินทาง 15 วันจากเมืองจีนสู่กรุงศรีอยุธยา เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว พระเจ้าสายน้ำผึ้งเสด็จลงจากสำเภาตรงปากน้ำแม่เบี้ยมุ่งสู่พระราชวัง ทรงสั่งให้จัดตำหนักซ้าย-ขวา แต่ทรงไม่สะดวกมารับพระนางสร้อยดอกหมากด้วยพระองค์เอง จึงโปรดให้เถ้าแก่ขึ้นเรือพระที่นั่งมารับพระนางเข้าพระราชวัง

ทว่าพระนางสร้อยดอกหมากทรงมีพระประสงค์ให้พระเจ้าสายน้ำผึ้งเสด็จมารับพระนางด้วยพระองค์เอง เถ้าแก่จึงกลับไปกราบทูลพระเจ้าสายน้ำผึ้งว่า พระนางสร้อยดอกหมากทรงไม่ยอมเสด็จมาหากพระองค์ไม่เสด็จไปรับ

พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงตรัสหยอกเล่นว่า “มาถึงที่นี่แล้ว จะอยู่ที่นั่นก็ตามเถิด” เมื่อพระนางทรงทราบก็ทรงเศร้าพระทัยมาก เมื่อพระเจ้าสายน้ำผึ้งเสด็จมารับ พระนางทรงตัดพ้อไม่ยอมเสด็จ พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงตรัสว่า “ไม่มาก็อยู่นี่” พอตรัสเสร็จพระนางทรงกลั้นพระทัยจนสิ้นพระชนม์

เมื่อชาวจีนทราบว่าพระนางสร้อยดอกหมากสิ้นพระชนม์ ต่างพากันโศกเศร้าร่ำไห้ แล้วเชิญพระศพของพระนางมาถวายพระเพลิงที่แหลมบางกระจะ แล้วสร้างเป็นวัดขึ้นมีชื่อว่า “วัดพระเจ้าพระนางเชิง” (ต่อมาเพี้ยนมาเป็นวัดพนัญเชิง-ผู้เขียน)

ส่วน คำให้การชาวกรุงเก่า กล่าวถึงตำนานเรื่องนี้ต่างออกไป โดยสรุปคือ พระนางสร้อยดอกหมากอภิเษกสมรสกับพระเจ้าประทุมสุริยวงศ์แห่งกรุงอินทรปัตถ์ (กัมพูชา) และพระนางสร้อยดอกหมากในพงษาวดารเหนือมีพระชนมชีพสั้น ส่วนพระนางสร้อยดอกหมากในคำให้การชาวกรุงเก่ามีพระชนมชีพสืบมา จนกระทั่งมีพระราชโอรสและพระราชธิดาถวายพระเจ้าประทุมสุริยวงศ์

แม้รายละเอียดจะต่างกัน แต่ที่เอกสารทั้งสองมีตรงกันคือ พระนางสร้อยดอกหมากกำเนิดจากจั่นหมาก

ที่มาวัดพนัญเชิง

ตำนานพระนางสร้อยดอกหมากในพงษาวดารเหนือ ถูกนำมาผูกโยงกับการเกิดวัดแห่งนี้ ขณะเดียวกัน พื้นที่นอกเมืองทางทิศใต้ของกรุงศรีอยุธยา ฝั่งตรงข้ามวัด มีบริเวณที่เรียกว่า “ตำบลสำเภาล่ม”

เล่ากันว่า หลังจากนำพระศพของพระนางสร้อยดอกหมากมาประกอบพิธีที่บางกระจะแล้ว ชาวจีนที่ติดตามพระนางมาจากเมืองจีนพร้อมใจกันเจาะสำเภาเพื่อตายตามพระนาง

แต่ด้วยกระแสน้ำไหลเชี่ยว จึงพัดสำเภามาล่มอีกฝั่งแม่น้ำ เรียกบริเวณนั้นว่า “สำเภาล่ม”

หากพิจารณาภูมิศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยา พระยาโบราณราชธานินทร์ สมุหเทศาภิบาลในสมัยรัชกาลที่ 5 อธิบายว่า

แผ่นดินที่ตั้งกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมไม่ได้เป็นเกาะ แต่มีลักษณะคล้ายแหลมยื่นจากทุ่งหันตราทางทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก จนถึงแนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลลงมาจากทิศเหนือ แล้วไหลวกลงเป็นแนวทางทิศใต้ที่หน้าวัด ทำให้แผ่นดินที่คล้ายแหลมนี้มีแม่น้ำล้อมรอบสามด้าน

ทิศตะวันออกมีลำรางสายเล็กเรียกคูขื่อหน้า ไหลจากหัวรอไปบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยาที่หน้าวัดพนัญเชิง ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดให้ขุดขยายคูขื่อหน้าให้กว้างกว่าเดิม นานเข้าก็ทำให้สายน้ำในคูขื่อหน้าไหลเชี่ยวแรงจัดขึ้น กัดเซาะตลิ่งพังกว้างออกไป จนกลายเป็น แม่น้ำป่าสัก อย่างที่เรียกทุกวันนี้

บริเวณแม่น้ำป่าสักด้านทิศตะวันออกของกรุงศรีอยุธยาไหลเป็นทางตรง กระแสน้ำจึงไหลเชี่ยวกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลอย่างคดเคี้ยว จากทิศเหนือแล้วไหลวกลงเป็นแนวทางทิศใต้ กระแสน้ำด้านนี้จึงถูกชะลอ ไม่ไหลเชี่ยวมากเท่ากับแม่น้ำป่าสัก

จุดที่แม่น้ำทั้งสองสายมาบรรจบกันบริเวณวัด จึงเป็นจุดที่กระแสน้ำไหลเชี่ยวและมีปริมาณน้ำมาก หากไม่มีความรู้เชี่ยวชาญเดินเรือมากพอ ก็อาจทำให้เรือล่ม บริเวณนี้จึงอาจเป็นจุดที่มีสำเภาล่มมาก

นอกจากจุดที่แม่น้ำมาบรรจบดังกล่าว บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัดไก่เตี้ยพฤฒาราม ตรงข้ามตำบลเกาะเรียน ซึ่งอยู่ห่างจากวัดและตำบลสำเภาล่มลงมาทางใต้ (คนละฟากแม่น้ำ) ราว 5 กิโลเมตร สันนิษฐานว่า อาจใช้เป็นจุดจอดสำเภาอีกจุดหนึ่ง พบโบราณวัตถุจากเรือที่จมอยู่ใต้แม่น้ำ อาจมีเรือสำเภาขนาดใหญ่บางลำมาล่มในบริเวณนี้ จนทำให้ได้รับการขนานนามว่า ตำบลสำเภาล่ม

เหตุนี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่า สมัยหลังมีการผูกเรื่องชาวจีนเจาะสำเภาเพื่อตายตามพระนางสร้อยดอกหมากขึ้นมา เพื่ออธิบายที่มาของสถานที่บริเวณนี้ เป็นเรื่องเล่าที่ขยายต่อจากตำนานพระนางสร้อยดอกหมากนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

ปริวัฒน์ จันทร. (2546). เจิ้งเหอ แม่ทัพขันที “ซำปอกง”. กรุงเทพฯ : มติชน.

สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2544). อยุธยายศยิ่งฟ้า. กรุงเทพฯ : มติชน.

ชนินทร์ ผ่องสวัสดิ์. (มกราคม-มิถุนายน, 2562). ศึกษาการอธิบายเหตุของสถานที่และภูมินามในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ปรากฏในตำนานเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก. อยุธยาศึกษา. ปีที่ 11 : ฉบับที่ 1.

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 สิงหาคม 2567

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เจาะตำนาน “วัดพนัญเชิง” อยุธยา อายุกว่า 700 ปี เกี่ยวอะไรกับ “สำเภาล่ม”?

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...