อาการแบบไหนเข้าข่ายฮีทสโตรก? ชวนดูอาการและการป้องกันโรค เมื่ออากาศร้อนจัดอาจทำให้เสียชีวิต
ในตอนนี้ กรมอุตุวิทยาก็ประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว และยังคาดว่าฤดูร้อนจะไปสิ้นสุดอีกทีก็ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมเลย แต่ตอนนี้เพิ่งจะเข้าหน้าร้อนไม่กี่อาทิตย์ ประเทศไทยก็พบคนที่มีอาการฮีทสโตรกจนนำไปสู่การเสียชีวิตแล้ว
แล้วฮีทสโตรกคืออะไร รุนแรงแค่ไหน เราสามารถป้องกันได้อย่างไรบ้าง? ประเด็นนี้ The MATTER สรุปเอาไว้ให้ทุกคนแล้ว
ฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด-โรคลมร้อน คือภาวะทางระบบประสาทเฉียบพลัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากความร้อน โดยเป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมความร้อนภายในร่างกาย จนทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ปวดศีรษะ หน้ามืด เพ้อ ชัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อก
นพ.นรศักดิ์ สุวจิตตานนท์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวช ยังเคยให้ข้อมูลไว้ว่าฮีทสโตรกอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และเกลือแร่เสียสมดุล ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้จนอุณหภูมิแกนกลางร่างกายสูงต่อเนื่อง จะทำให้ระบบกล้ามเนื้อทำงานลดลง ระบบการทำงานภายในร่างกายล้มเหลว ปล่อยสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด จนอาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน และอาจเสียชีวิตได้
อีกทั้ง นพ.นรศักดิ์ ยังให้ข้อมูลอีกว่า ฮีทสโตรกส่งผลให้ระบบหลอดเลือดสูญเสียการควบคุม มีสารพิษตกค้าง เกิดภาวะการอักเสบแบบวงกว้าง จนสุดท้าย อวัยวะต่างๆ ล้มเหลว ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการรักษาโดยทันที ผู้ป่วยก็อาจเสียชีวิตได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี เราสามารถสังเกตอาการของฮีทสโตรกในเบื้องต้น ซึ่งอาการเบื้องต้นของฮีทสโตรกจะมีดังนี้
ตัวร้อนมาก อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ผิวหนังแห้งและร้อน ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่มีเหงื่อออก หัวใจเต้นเร็วมาก ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็ว กระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง หน้ามืด คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย และถ้าหากมีอาการรุนแรง ก็อาจถึงขั้นชักกระตุก เกร็ง และหมดสติไป
โดยถ้าหากปล่อยอาการดังกล่าวทิ้งไว้ หรือไม่สามารถระบายความร้อนออกจากร่างกาย ได้มากกว่า 2 ชั่วโมง ก็อาจทำให้เสียชีวิตลงในที่สุด
ส่วนบุคคลที่มีความเสี่ยงจะเป็นฮีทสโตรก นอกจากผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานๆ แล้ว ผู้ที่อยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน แล้วออกมาเจอกับอากาศที่ร้อนจัด จนร่างกายปรับตัวไม่ทัน หรือผู้ที่ต้องเดินทางอยู่ในรถที่ติดเครื่องยนต์กลางแจ้ง ซึ่งต้องเจอกับอากาศร้อนและมีโอกาสได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก็อาจทำให้เกิดฮีทสโตรกได้
คนที่จะเจออาการนี้ได้ ก็ยังมีตั้งแต่เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง หรือโรคประจำตัว อย่างโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ และผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันตัวเองจากโรคฮีทสโตรกได้ โดยการหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในที่ที่มีอากาศร้อนจัด, จิบน้ำบ่อยๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดอุณหภูมิในร่างกาย, หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง รวมไปถึงในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ถ้ารู้สึกว่าตัวเองมีอาการฮีทสโตรก ก็ให้รีบพบแพทย์ทันที
นอกจากนี้ ถ้าหากเราพบคนที่มีอาการฮีทสโตรก เราก็สามารถช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวโดยการพาผู้ป่วยไปอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่โดนแดด เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายลง ต่อมาก็ให้ผู้ป่วยนอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น คลายเสื้อผ้าออกแล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็น หรือน้ำแข็งประคบตามซอกคอ ตัว รักแร้ ขาหนีบ หน้าผาก พร้อมทั้งให้ใช้พัดลมช่วยเป่าระบายความร้อน เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายลง แล้วหากผู้ป่วยยังไม่หมดสติให้เขาดื่มน้ำเปล่า และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด
อ้างอิงจาก