สมุทรสาครเร่งซ่อมสะพานแดง จุดชมวิวยอดฮิต ก่อนนทท.รับอันตราย
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ลงพื้นที่บริเวณสะพานแดง ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อติดตามปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับสะพานแดงชำรุด โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ก็มีนายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์,โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรสาคร ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือการแก้ไขปัญหาด้วย ส่วนการชำรุดเสียหายของสะพานแดงนั้น ครั้งนี้ไม่ใช่การชำรุดครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาเกิดการชำรุดในลักษณะเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ส่วนสภาพสะพานแดงขณะนี้พบว่าพื้นทางเดินบางช่วงก็พัง ราวสะพานก็หักชำรุดลงไป จากสะพานไม้สวยงามที่เป็นจุดส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรสาคร กลายเป็นจุดเสี่ยงอันตรายสำหรับนักท่องเที่ยวไปแล้ว
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ด้วยสะพานแดงเป็นสะพานไม้ ดังนั้นการชำรุดจึงเป็นการผุผังไปตามธรรมชาติ เพราะสะพานต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดด ฝน คลื่นลมทะเล แต่ด้วยจุดตรงนี้เป็นจุดชมวิวทางทะเลที่สวยงามมาก จึงมีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่น มาถ่ายรูปกันอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงวันหยุด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลให้อยู่ในสภาพที่ดี สวยงามและมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัยต่อทุกคน ส่วนการแก้ปัญหาโดยทางสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในขณะนี้ ก็ได้ดำเนินการเรื่องของการขออนุญาตการปลูกสร้างต่างๆให้ถูกต้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และต่อจากนี้ก็จะเป็นการจัดตั้งงบประมาณราวๆ 2 ล้านบาท มาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขซ่อมแซมสะพานแดงให้มีความมั่นคงแข็งแรง แต่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญของสะพานแดงเหมือนเดิม คือ จะมีการเปลี่ยนพื้นใหม่ให้เป็นแผ่นคอนกรีตแต่มีรูปลักษณ์คล้ายไม้ และทาสีแดง ส่วนราวสะพานยังคงใช้ไม้เหมือนเดิม เพื่อให้สะพานแดงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของตำบลพันท้ายนรสิงห์ต่อไป
ด้านนายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ กล่าวว่า สำหรับสะพานแดงในปัจจุบันนี้ ยังอยู่ในความดูแลของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรสาคร ยังไม่มีการส่งมอบให้กับทางองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ เข้ามาดูแล ฉะนั้นเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในตอนนี้ก็ต้องให้ทางโยธาธิการและผังเมืองเข้ามาแก้ไขก่อน จากนั้นเมื่อทุกอย่างถูกต้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงจะส่งมอบให้ อบต.พันท้ายนรสิงห์รับไปดูแลต่อได้ ส่วนการแก้ปัญหาสะพานแดงชำรุดในเบื้องต้นหรือในระยะสั้น ก็ได้มีการใช้งบไทยนิยมยั่งยืนจำนวน 200,000 บาท ลงไปซ่อมแซม ทาสีใหม่แล้วช่วงหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนเงินจากทางมูลนิธิศาลพันท้ายนรสิงห์ จำนวน 64,000 บาท มาซ่อมแซมต่อไปอีกช่วงหนึ่ง ส่วนที่เหลือที่ยังไม่มีงบประมาณในการซ่อมแซมนั้นก็ได้มีการนำป้ายเตือนให้ระวังอันตรายไปติดไว้ก่อน