นโปเลียน โบนาปาร์ต : 200 ปีหลังเสียชีวิต กับด้านมืดและสว่างของจักรพรรดิฝรั่งเศส
นโปเลียน โบนาปาร์ต : 200 ปีหลังเสียชีวิต กับด้านมืดและสว่างของจักรพรรดิฝรั่งเศส - BBCไทย
บนถนนที่พลุกพล่านสายหนึ่งใจกลางเมืองมงโทบอ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มีการเว้นที่ว่างไว้สำหรับรูปปั้นของเผด็จการคนสุดท้ายของฝรั่งเศส นโปเลียน โบนาปาร์ต หรือจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส
200 ปีผ่านไปหลังจากเขาเสียชีวิตขณะลี้ภัยอยู่ที่เกาะเซนต์เฮเลนาในมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวฝรั่งเศสยังมีความคิดไม่ลงรอยกันว่าควรคิดเห็นอย่างไรต่อมรดกตกทอดที่ชายผู้นี้ทิ้งไว้เบื้องหลัง
เขาเป็นนายพลผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ช่วยกอบกู้การปฏิวัติฝรั่งเศสเอาไว้ และก็วางรากฐานของรัฐฝรั่งเศสสมัยใหม่ และเขาก็เป็นผู้ยกสถานะมงโทบอขึ้นเป็นเมืองในปี 1808 แม้อยู่ห่างจากเมืองใหญ่อย่างตูลุสไม่ถึงชั่วโมง
แต่สิ่งเหล่านี้พอจะชดเชยกับการเป็นเผด็จการของเขาได้ไหม รวมทั้งที่ตัดสินใจให้เกาะในทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรอินเดียกลับไปมีทาสอีกครั้งแม้ว่าฝรั่งเศสได้ล้มเลิกไปแล้ว
"ก็เหมือนกับบุคคลในประวัติศาสตร์อื่น ๆ มีบางแง่มุมที่มืดหม่นกว่าด้านอื่น" ฟิลิป เบแคด รองนายกเทศมนตรีเมืองมงโทบอ กล่าว "ถ้าคุณมองแค่เรื่องเดียว มันก็ง่ายที่จะประณามใครสักคน ทุกวันนี้ความถูกต้องทางการเมืองเป็นเผด็จการที่คอยตัดสินทุกอย่าง ผมเป็นคนหนึ่งที่จะสู้กับสิ่งนี้"
- เจ้าหญิงฝรั่งเศสผู้ปฏิวัติการศึกษาเรื่องเพศของสตรี
- เหตุฆ่าตัดหัวครู: เสรีภาพการแสดงออกและการเป็นรัฐฆราวาสของฝรั่งเศสเป็นปัญหาแค่ไหน
- รวบศาสตราจารย์รัสเซียฆ่าหั่นศพคนรัก
ในศตวรรษที่ 21 เราจะจดจำนโปเลียนอย่างไร
ขับรถออกจากเมืองนี้ไป 2 ชั่วโมง เอ็มมานูเอล มิเชล ประติมากรชาวฝรั่งเศส โชว์รูปปั้นครึ่งตัวของจักรพรรดิผู้นี้ให้บีบีซีดู มีหมวกอันเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าเขาครุ่นคิด สายตามองต่ำ
การถกเถียงเรื่องตำนานของนายพลผู้นี้เริ่มเข้มข้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่โอกาสครบรอบ 200 ปีวันคล้ายวันเกิดเขาเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ประเด็นที่พูดถึงกันมากคือการที่เขาตัดสินใจให้กลับไปมีการค้าทาสอีกครั้งบนเกาะในทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรอินเดีย
มาลิก กาเชม นักประวัติศาสตร์ประจำมูลนิธิเพื่อความทรงจำเรื่องทาสของฝรั่งเศส บอกว่า นโปเลียนเป็นนายพลเป็นนักปฏิบัตินิยม หรือชอบมองอะไรตามความเป็นจริง
"สำหรับเขา และอีกหลายคน การมีอาณาจักรที่เต็มไปด้วยทาสในภูมิภาคแคริบเบียนเป็นสิ่งที่ดีต่อความรุ่งโรจน์ต่อฝรั่งเศสและเศรษฐกิจของประเทศ แต่มันสมเหตุสมผลที่จะถกเถียงเรื่องนี้โดยยึดเอาตัวนโปเลียนเป็นแกนหลักหรือเปล่า"
เมื่อปี 2005 ในโอกาสครบ 200 ปี ที่นโปเลียนสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดิ ทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสในตอนนั้นต่างเดินทางไปต่างประเทศ และรัฐมนตรีหลายคนก็ตัดสินใจไม่ไปร่วมงาน
นักการเมืองหลายคนมองว่า หากคุณวางตัวใกล้นโปเลียนเกินไป อาจทำให้เกิดเป็นประเด็นถกเถียงโดนวิพากษ์วิจารณ์ได้
อย่างไรก็ดี เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ก็ตัดสินใจไปวางพวงหรีดที่หลุมศพนโปเลียนในวันที่ 5 พ.ค.และกล่าวถึงตำนานที่นายพลผู้นี้ได้ทิ้งไว้เบื้องหลัง
ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุว่า คำกล่าวของ นายมาครง ไม่ได้กล่าวชื่นชม แสดงความปฏิเสธ หรือสำนึกผิด และสื่อสารว่าฝรั่งเศสได้นำส่วนที่ดีที่สุดสิ่งที่ที่นโปเลียนสร้างไว้มาใช้ และแยกส่วนที่เลวร้ายที่สุดออกไป
กระนั้นก็ตาม อเล็กซี คอร์เบียเรอะ นักการเมืองฝ่ายซ้ายจัดจากพรรคฟรองซ์ อาซูมิซ เชื่อว่ารัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวประธานาธิบดี ไม่ควรไปแสดงความระลึกถึงโอกาสครบรอบนี้เลย
"เขากำลังใช้ประวัติศาสตร์เพื่อเหตุผลทางการเมือง และนั่นเป็นปัญหาสำหรับผม" นายคอร์เบียเรอะ บอกกับบีบีซี
"นี่เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของฝรั่งเศสที่มีความรู้สึกเคลือบแคลงใจในระบอบประชาธิปไตยอย่างแพร่หลาย และในขณะที่ชาวฝรั่งเศสบางคนอาจจะหวังให้มีผู้ทรงอำนาจสักคนมาเป็นเผด็จการ"
นอกจากในฝรั่งเศสเองแล้ว เฮโนลด์ บลองเลย ซึ่งเป็นผู้จัดกิจกรรมจำลองการสู้รบของนโปเลียนโดยให้ผู้เข้าร่วมใส่เครื่องแบบเต็มยศ บอกว่าประเทศเพื่อนบ้านก็ยังจดจำเผด็จการผู้นี้ได้ดี
เขาเล่าว่าเวลาไปจัดกิจกรรมที่สเปน พวกเขาต้องวางตัวเงียบ ๆ เพราะนี่ยังเป็นประเด็นที่อ่อนไหว แต่ปฏิกิริยาที่อิตาลีต่างไปมาก
"เราได้รับการต้อนรับในฐานะวีรบุรุษเพราะกองทัพฝรั่งเศสเป็นคนช่วยพวกเขาไว้จากออสเตรีย"
ชื่ออันโด่งดัง
ไม่ว่าจะเป็นในฝรั่งเศส หรือต่างประเทศ ชื่อ "นโปเลียน" เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่และข้อถกเถียงจนน้อยคนนักที่จะตั้งชื่อให้ลูกตาม
หนึ่งในคนจำนวนไม่มากนั้นคือ นโปเลียน เหวียน ทหารประจำกองทัพอากาศฝรั่งเศส พ่อแม่ตั้งชื่อนี้ให้เขาเพื่อเป็นการแสดงการขอบคุณที่ฝรั่งเศสให้พวกเขาลี้ภัยเข้ามาหลังสงครามเวียดนาม
"มันน่าตกใจตอนได้เรียนเรื่องนโปเลียนในโรงเรียน ผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างขี้อาย แต่มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะเรียนรู้ว่าชายผู้นี้มาจากไหน ผมคิดว่าเขาทำเรื่องดี ๆ ให้กับฝรั่งเศสมากกว่าเรื่องแย่"
นโปเลียน โบนาปาร์ต เป็นบุคคลที่ทราบดีถึงพลังของภาพลักษณ์สาธารณะ
ภาพวาดที่เขาชอบมากที่สุดภาพหนึ่งเป็นขณะเขานำทัพเดินทางข้ามเทือกเขาแอลป์ด้วยม้าที่ดูน่าเกรงขาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขากำลังขี่แค่ตัวล่อเท่านั้น
สองศตวรรษผ่านไป ภาพลักษณ์ของเขาในฝรั่งเศสถูกปรับให้มีความสมดุลขึ้น แต่ก็มีประเด็นให้ถกเถียงมากมาย ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับประเทศบ้านเกิดก็ยังซับซ้อนเสมอ จากที่เสียชีวิตขณะลี้ภัย หลังจากอับอายที่พ่ายแพ้ในสงคราม จนมาได้รับการฝังร่างอย่างสมเกียรติใต้อาคารรูปทรงโดมสีทอง