โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘อาคม’ มาแรง ชิงดำ ‘ชาติชาย’ ขึ้นแท่นว่าที่รัฐมนตรีคลังคนใหม่

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 30 ก.ย 2563 เวลา 15.51 น. • เผยแพร่ 30 ก.ย 2563 เวลา 05.50 น.

เพราะพรรคร่วมรัฐบาลมีถึง 20 พรรค เพราะพรรคที่มีโควตาตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีมีแค่ 5 พรรค

เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ครอบครองตำแหน่งรัฐมนตรี
“โควตากลาง” ทีมเศรษฐกิจไว้ถึง 5 คน 6 ตำแหน่ง

1 ในโควตากลาง ในสังกัดนายกรัฐมนตรี คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ภารกิจการตามหาบุคคลที่จะขึ้นเป็นว่าที่รัฐมนตรีคลังคนใหม่ จึงตกอยู่ในมือของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว

หลังจากประวัติศาสตร์บันทึกว่า “ปรีดี ดาวฉาย” อดีตรัฐมนตรีคลัง 27 วัน ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุขัดขา-ขัดใจ “บิ๊กในรัฐบาล” เรื่องโยกย้ายข้าราชการระดับสูง 4 คน ต้องชักเข้า-ชักออก จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึง 3 ครั้ง กว่าจะเป็นไปตามโผ แม้ว่าจะมีปัจจัยเรื่องสุขภาพเข้ามาเป็นเหตุผล-ฟางเส้นสุดท้าย

ทำให้สมัยการปรับ ครม.ของรัฐบาล “ประยุทธ์” ขึ้นสู่ “ประยุทธ์ 2/3” ในช่วง 14 เดือน

ถึงแม้ว่าตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นโควตากลาง แต่แกนนำในการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งนั้น มีทั้งนายกรัฐมนตรีและเครือข่าย ภายใต้การแชร์อำนาจของพี่-น้องในไส้ “บูรพาพยัคฆ์”

เช่นเดียวกับตำแหน่งใหญ่-เบอร์ 1 ในรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ ที่ต้องได้ไฟเขียวจากบ้านใหญ่ในค่ายป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเสียก่อน

คราวนี้ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทาบทามบุคคลเข้ารับตำแหน่งแทน 3 คน คือ 1.นายประสงค์ พูนธเนศ ที่กำลังจะเป็นอดีตปลัดกระทรวงการคลัง 2.นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และบุคคลที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด คือ 3.นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

แต่จนถึงโค้งสุดท้าย ผ่านการตรวจคุณสมบัติ 1 ใน 3 ว่าที่รัฐมนตรีไปเรียบร้อยแล้ว ยังมีร่องรอยของการ “วิ่ง” เข้าบ้านใหญ่เพื่อผลักดันคนในเครือข่าย ให้ได้ตำแหน่งในโควตากลาง

ชื่อและคุณสมบัติของ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วย ในรัฐบาลยุค “ประยุทธ์ 1” คือบุคคลในโผสุดท้าย ที่ถูกทาบทามให้กลับเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในยุคปรับคณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์ 2/3”

ประวัตินอกแฟ้มของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี คือ เขาเป็นบุคคลที่นายกรัฐมนตรีไว้วางใจในการสอบทานข้อมูล-ตัวเลขด้านเศรษฐกิจ มาตั้งแต่ยังดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เขาอยู่ในรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ “นอกทีมสมคิด” ทว่าเป็น 1 ในรัฐมนตรี “โควตากลาง-สายตรง” ของนายกรัฐมนตรีตลอด 4 ปี

ถึงแม้จะพ้นจากตำแหน่งแล้วในปี 2562 แต่ก็ยังได้ร่วมปรึกษาหารือกับนายกรัฐมนตรีในหลายครั้ง ในหลายรูปแบบ สามารถตอบสนองและเติมเต็มในการตัดสินใจในหลายโครงการ

มีสไตล์การทำงานที่หามรุ่ง-หามค่ำ ตอบทุกคำถามของนายกรัฐมนตรีและคณะได้ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งรูปแบบข้อมูลดิบ อินโฟกราฟิก หรือพาวเวอร์พอยต์ ที่เข้าใจง่าย เป็นระบบ-ระเบียบ

ทั้งเมนูแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทั้งระยะสั้น-ยาว แนวทางการวิเคราะห์โครงการของรัฐวิสาหกิจ การลงทุนเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้าน “อาคม” มักเตรียมข้อมูลและทางเลือกให้รัฐบาลตัดสินใจไม่พลาดทิศ แม้อาจจะล่าช้าไม่ทันใจฝ่ายการเมืองนัก

“อาคม” มีคุณสมบัติสำคัญตรงกับที่นายกรัฐมนตรี เปิดเผยเป็นญัตติสาธารณะ อย่างน้อยก็ 1 ข้อ คือ “เป็นคนที่ที่บ้านไม่ห่วงเกินไปมากนัก” เพราะเขาครองตัวเป็นโสดหลังจากภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน

ชื่อ “อาคม” จึงปรากฏขึ้น มีที่มาที่ไม่ล่องลอย แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้ปรึกษากับผู้อาวุโสด้านเศรษฐกิจหลายคนถึงชื่อนี้

“ตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงสุด คือนายอาคม ซึ่งมีการคุยล่าสุดไปแล้ว พร้อมแจ้งกำหนดการที่สำคัญไว้คร่าว ๆ แล้ว ในช่วงต้นเดือนตุลาคม จะมีความชัดเจน และหากเป็นไปตามโผ คาดว่าจะได้เริ่มทำงานช่วงกลางเดือนตุลาคม”

ขณะที่แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เดิมนายกรัฐมนตรีต้องการให้นายประสงค์ที่จะเกษียณอายุราชการ รับไม้ต่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ด้วยเหตุผลสนับสนุนจากคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า เข้าใจงานกระทรวงสามารถสานงานต่อแบบไร้รอยต่อ ประกอบกับมีภาษีดี ในแง่รู้มือของข้าราชการระดับบริหารกระทรวงกรมอยู่แล้ว

แต่เมื่อ “ประสงค์” ไม่ประสงค์จะรับตำแหน่ง เพราะชั่งน้ำหนักแล้วจะ “ได้-ไม่คุ้มเสีย”

ทั้งนี้ข้าราชการระดับสูงในกระทรวง เปิดบทสนทนากันว่า “ถ้าเป็นไปตามโควตาของนายกรัฐมนตรี นายอาคมมาแรงที่สุดแน่นอน เพราะเคยเป็นรัฐมนตรีสายตรงมาก่อน แถมยังเป็นคนที่ทุ่มเททำงาน เข้าใจระบบราชการเป็นอย่างดี”

ทว่ามีอีกชื่อ ที่เหล่านักแสวงหาโอกาสทางการเมืองในรัฐบาล ให้ความเห็น-แต่ไม่ได้ให้น้ำหนักไว้คือ ชื่อ ชาติชาย พยุหนาวีชัย ที่ถือว่าต้อง “วัดใจ” กันระหว่างนายกรัฐมนตรี กับพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

“เพราะหากยอมตามข้อเสนอของเครือข่าย พล.อ.ประวิตร ชื่อ รมว.คลังคนใหม่ ก็น่าจะเป็นชาติชาย” แหล่งข่าวให้ความเห็นแนบท้าย ไม่ควรลืมว่า การเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีต้นทุนที่ต้องจ่าย
เพราะตำแหน่งนี้ “เข้าแล้วออกยาก” อย่างน้อยพ้นจากตำแหน่งแล้ว 2 ปี จึงจะประกอบสัมมาชีพได้ตามปกติ

เพราะตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หมายถึง“เจ้าพนักงานของรัฐ” หรือ“ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”

ในหมวด 6 ระบุถึงการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม มาตรา 127 ห้ามมิให้กรรมการ
ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง และ “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด ดำเนินการใดตามมาตรา 126 (4) ภายใน 2 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง

และมาตรา 126 (4) กำหนดว่า (ห้าม) เข้าไปมีส่วนได้เสียในฐานะเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน พนักงาน หรือลูกจ้างในธุรกิจของเอกชนซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของหน่วยงานของรัฐที่เจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้นสังกัดอยู่

วรรคถัดมาระบุว่า (ห้าม) ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนั้นอาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ทางราชการ หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานของรัฐผู้นั้น

โดยมีหมวดบทลงโทษมาตรา 170 เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 127 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อดีตรัฐมนตรีคลังทุกคน จึงไม่สามารถเข้าไปดำรงตำแหน่งประธาน-กรรมการ-ที่ปรึกษา แม้กระทั่งพนักงานในบริษัทเอกชนที่อยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของกระทรวงการคลัง ภายในระยะเวลา 2 ปี

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...