โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ปริศนาฆาตกรรมนางงามเด็ก : ความฉาบฉวยของสื่อกับการทำข่าวที่ส่งผลต่อความยุติธรรม

The MATTER

อัพเดต 13 ก.ค. 2563 เวลา 09.56 น. • เผยแพร่ 13 ก.ค. 2563 เวลา 02.57 น. • Thinkers

1.

26 ธันวาคม ค.ศ.1996 ที่รัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา ครอบครัวแรมซีย์ตื่นนอนหลังวันคริสต์มาสด้วยความรู้สึกต่างไปจากวันก่อนๆ ครอบครัวนี้มีด้วยกัน 4 คน คือ จอห์น แพทซีย์ กับลูกชายวัย 9 ขวบคือ เบิร์ก และลูกสาวคนเล็กวัย 6 ขวบ จอนเบอร์เน่ต์ นางงามเด็กที่คว้ามงกุฎมาหลากหลายเวที

เช้าวันดังกล่าว แพทซีย์ซึ่งตื่นนอนมาก่อน ได้ตะโกนร้องอย่างหวาดกลัวปลุกคนทั้งบ้าน จอห์นรีบลงจากชั้น 2 มาข้างล่าง ก่อนจะพบว่าสิ่งที่ภรรยาของเขาตกใจนั้นก็คือ การพบกระดาษ 3 แผ่น ซึ่งมีเนื้อหาว่ามีคนลักพาตัวลูกสาวคนเล็กพร้อมเรียกค่าไถ่เป็นวงเงินถึง 118,000 ยูเอสดอลลาร์ ทางครอบครัวจึงแจ้งตำรวจทันที ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นจำนวนเท่ากับเงินโบนัสจากการทำงานของจอห์นพอดีเป๊ะ

โจรที่เขียนจดหมายเรียกค่าไถ่บอกว่าจะโทรศัพท์มาหาตอน 10 โมงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังหารอบๆ บ้าน จนกระทั่งนักสืบได้บอกจอห์นว่าให้ดูข้าวของในบ้าน ว่ามีอะไรน่าสงสัยบ้างไหม

จอห์นกับเพื่อนจึงสำรวจทั่วบ้าน เมื่อไปถึงห้องใต้ดินซึ่งเคยเป็นห้องเก็บถ่านหิน พวกเขาก็พบร่างของลูกสาวคนเล็ก

“ผมเห็นเธอ ทีแรกรู้สึกโล่งอก พระเจ้า! พบลูกแล้ว แต่ต่อมาผมก็เริ่มตระหนักว่าเธอเหมือนจะไม่หายใจ”

จอนเบอร์เน่ต์ถูกรัดคอด้วยเชือกซึ่งบางส่วนรัดเอวเธอด้วย ปลายเชือกถูกมัดไว้ด้วยพู่กันที่หัก ซึ่งเป็นของแพทซีย์ ผู้เป็นแม่ใช้วาดรูปอยู่เป็นประจำ จากการชันสูตรศพพบว่ามีร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ และกะโหลกศีรษะของเด็กหญิงนั้นแตก

ตำรวจเบนเข็มสู่คดีฆาตกรรมทันที ผ่านไป 24 ปี คดีนี้ยังคงเป็นปริศนา ไม่มีการพิพากษาว่าใครคือฆาตกรสังหารนางงามเด็ก แต่ครอบครัวแรมซีย์กลับกลายเป็นจำเลยสังคมได้รับผลกระทบจากการทำงานของสื่อมวลชนที่มอบคำพิพากษาให้ครอบครัวเป็นแพะด้วยผลจากความหิวกระหายข่าวจนหลงลืมหลักการทำงานของสื่อเอง

“ผมกับภรรยาเคยบอกว่า ลูกจะต้องแพ้ในการประกวดสักครั้ง จะได้เข้าใจและมีประสบการณ์ว่าลูกจะชนะไปตลอดไม่ได้ เพื่อจะได้ให้เข้าใจชีวิต”

แต่จอนเบอร์เน่ต์ไม่มีโอกาสเข้าใจชีวิตอีกต่อไป เธอจบชีวิตลงด้วยวัยเพียง 6 ขวบเท่านั้น

2.

คดีนี้ดึงดูดความสนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก เพราะผู้ตายเป็นเด็กอายุยังน้อย ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังเป็นนางงามเด็ก ชนะเลิศมาหลายเวที วีดีโอการประกวดของเด็กหญิงที่แต่งหน้า แต่งตัวสวยงาม ใส่ส้นสูงถูกส่งกระจายไปหาสื่อมวลชน มีการนำเสนอภาพนิ่ง ภาพถ่าย ยิ่งทำให้สังคมสนใจข่าวนี้เป็นอย่างมาก

ทุกความคืบหน้า ทุกรายละเอียดที่เพิ่มเข้ามา เป็นสิ่งที่สังคมต้องการ ความกระหายข่าวนำไปสู่การสร้างเรื่องราวหลากประเด็นมากมายในข่าวฆาตกรรมนี้

1 เดือนหลังฆาตกรรม มีมือดีปล่อยภาพเหตุฆาตกรรมในคดีนี้หลุดไปถึงสื่อมวลชน จนทางการต้องตามจับผู้ปล่อยภาพดังกล่าว ความสนใจของสื่อที่ลงไปทำข่าว ทำให้คนในเมืองและผู้ใกล้ชิดครอบครัวแรมซีย์ต่างเรียงหน้าออกมาเปิดเผยเรื่องราวกับสื่อมวลชน จนเกิดประเด็นข่าวมากมายมหาศาล นักข่าวต่างหยิบประเด็นเล็กๆ น้อยๆ แล้วปั่นสร้างประเด็นให้ใหญ่โต บอกเก้าแต่เล่าถึงสิบถึงร้อยจึงเกิดขึ้น เนื้อหาถูกใส่สีตีข่าวจนเกินความเป็นจริงไปหมด

ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังใช้วิธีการปล่อยข่าวกับสื่อว่าผู้ต้องสงสัยในคดีนี้คือพ่อกับแม่ของนางงามเด็กนั่นเอง โดยการปล่อยข่าวนี้มาจากข้อสงสัยของเจ้าหน้าที่ในประเด็นที่ว่า ฆาตกรจะเสียเวลาเขียนจดหมายลักค่าไถ่ทำไม ในเมื่อศพก็อยู่ที่ห้องใต้ดินของบ้าน

โดยหลังเกิดเหตุนักสืบขอดูตัวอย่างลายมือของแรมซีย์ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเขาก็เขียนให้ดูผ่านกระดาษที่มีไว้เขียนเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งกระดาษนี้ คือกระดาษเดียวกับที่คนร้ายฉีกออกมาเขียนจดหมายเรียกค่าไถ่ด้วย และเมื่อตรวจสอบหลักฐานทุกอย่าง ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายหาใช่คนอื่นคนไกลไม่ นอกจากคนในบ้าน หากตัด เบิร์ก พี่ชายวัย 9 ขวบออกไป ก็จะเหลือผู้ต้องสงสัยคือจอห์นและแพทซีย์ พ่อแม่ของนางงามเด็กนี่เอง

เมื่อเกิดการปล่อยข่าวประเด็นนี้ออกมา สื่อมวลชนจึงเริ่มทำการขุดคุ้ยเรื่องราวให้มากที่สุด โดยคำว่าขุดคุ้ยนี่ไม่ใช่การใช้คำที่เกินเลย เพราะในคดีนี้มีนักข่าวไปคุ้ยหากระป๋องน้ำอัดลมในถังขยะของบ้านแรมซีย์ไปเพื่อแตกยอดประเด็นทำข่าวด้วย

นอกจากนี้ช่องข่าวโทรทัศน์เองยังได้ไปสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความเห็นตอกย้ำว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในบ้านไม่ใช่คนนอก ยิ่งทำให้สังคมร่วมพิพากษาว่าฆาตกรในคดีนี้คือพ่อกับแม่ของนางงามเด็กเข้าไปอีก

ทั้งนี้การเสนอข่าวยังอ้างพยานแหล่งข่าวที่กล่าวหาว่าพ่อของผู้ตาย เป็นพวกชอบคลั่งเด็ก หลงใหลในลูกสาวตัวเอง ถึงขั้นมีภาพของลูกเก็บไว้เป็นอัลบั้ม ซึ่งประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ขยายผลเกินจริง เพราะตัวจอห์นนั้นต้องมีอัลบั้มลูกสาวไว้อยู่แล้ว ก็เพราะเขาเป็นพ่อที่ภูมิใจในลูกสาวที่ชนะเลิศการประกวดนางงามเด็กเหมือนกับพ่อของคนทั่วไปที่ภูมิใจในตัวลูก

ต่อมาทางการยังปล่อยข่าวอีกว่า จอห์นและแพทซีย์ไม่ยอมให้ตำรวจสอบปากคำ แม้จะผ่านไปเดือนกว่าแล้วก็ตาม ตำรวจยังไม่ได้รับความร่วมมือจากสองสามีภรรยาเลย พลันที่ข่าวถูกปล่อยออกมา สื่อมวลชนไม่แม้แต่จะถามกลับไปยังครอบครัวแรมซีย์ว่าประเด็นนี้จริงหรือไม่ นี่ถือเป็นการละเลยหลักพื้นฐานของการทำข่าว ที่ต้องเช็กความถูกต้องกับแหล่งข่าวอื่นๆ ไม่ใช่ฟังจากแหล่งเดียวแล้วเอาไปเขียนข่าวเลย

การทำงานของสื่อในคดีนี้พวกเขาไม่แม้แต่จะเช็กถาม

ครอบครัวแรมซีย์ จนทำให้สังคมถูกโน้มน้าวว่า

พ่อกับแม่สังหารลูกสาวคนนี้จริง ๆ

ครอบครัวแรมซีย์เผยว่า พวกเขาให้ปากคำกับตำรวจไปแล้ว และมีปัญหากับทางการเพราะเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้นำศพลูกสาวไปฝังตามพิธีกรรมศาสนา อีกทั้งไม่ยอมให้เอกสารการสอบปากคำแก่ทนายความที่ครอบครัวแรมซีย์จ้างมา ความขัดแย้งนี้นำไปสู่ความไม่ไว้ใจกันระหว่างครอบครัวแรมซีย์กับเจ้าหน้าที่ และยิ่งแตกหักกันเข้าไปอีก จากการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนเอง

ความจริงมาปรากฏว่าครอบครัวของแรมซีย์นั้นพยายามอย่างที่สุดที่จะช่วยตำรวจในการหาตัวคนร้ายควบคู่ไปกับการดูแลลูกชายคนโตที่พึ่งสูญเสียน้องสาวให้ได้เรียนจบพร้อมเพื่อนๆ ทางครอบครัวยืนยันและมีหลักฐานจากทางการว่าพวกเขาถูกตำรวจสอบปากคำไปกว่า 150 ชั่วโมง

แต่ข้อเท็จจริงตรงนี้ไม่มีสื่อมวลชนสนใจจะตรวจสอบเลยในขณะนั้น

3.

ปกติแนวทางการสืบสวนของตำรวจในคดีฆาตกรรมนั้นจะเป็นความลับ แต่ในคดีนี้กลับมีข้อมูลหลุดไปถึงสื่ออย่างง่ายดาย แถมในปีนั้นอินเทอร์เน็ตกำเนิดขึ้นแล้ว แม้จะยังไม่มีเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียที่เราคุ้นตาเหมือนทุกวันนี้ แต่คนก็เริ่มสนใจข่าวนี้ นักสืบออนไลน์ร่วมแสดงความคิดเห็นวิเคราะห์หลักฐาน หาตัวคนร้ายจากข้อมูลที่ได้จากสื่อมวลชนกันอย่างคึกคัก ประมาณกันว่าในช่วงที่ทางการสืบสวนหาฆาตกรในคดีนี้ มีเว็บไซค์ถือกำเนิดมาเพื่อหาตัวคนร้ายกว่า 2,000 เว็บด้วยกัน

แม้รายละเอียดจากคดีจะมากมายแค่ไหน ความผิดพลาดของตำรวจก็คือ ในการเก็บหลักฐานฆาตกรรม พวกเขาไม่ละเอียดรอบคอบต่อหลักฐาน แถมตอนที่พบศพ จอห์นผู้เป็นพ่อได้ตรงไปหาศพลูก แล้วเอามือดึงเทบสายไฟที่พันรอบปากลูกออกโยนทิ้งในห้องใต้ดิน ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่อาจส่งผลในทางคดีได้ แต่ก็ไม่มีใครเก็บมาตรวจสอบแต่อย่างใด

ยิ่งภาพลักษณ์ของครอบครัวแรมซีย์ถูกตัดสินไปแล้วว่าคือผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ แม้จอ์หนและแพทซีย์จะไปออกทีวีชี้แจงความบริสุทธิ์ใจ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะสังคมถูกโน้มน้าวไปแล้วว่า ทั้งสองคนคือฆาตกรผู้ฆ่าลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง

2 ปีหลังเกิดเหตุ ทางการยังจับใครไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว จนมีการแถลงข่าวว่าคดีนี้จะไม่มีการตั้งข้อหากับใครทั้งสิ้น นั่นทำให้สื่อมวลชนและสังคมยิ่งเพิ่มความสงสัยเข้าไปใหญ่ จนต้องขอดูเอกสารทางคดีซึ่งปกติจะเป็นความลับ แต่เพราะความสนใจของสังคมมันจึงถูกนำเสนอต่อสาธารณะ ทำให้ทราบว่าลูกขุนในคดีนี้เสพข้อมูลจากสื่อ แล้วไม่สนใจหลักฐานในศาลเลย พวกเขาตัดสินให้ตั้งข้อหาบางข้อต่อจอห์นกับแพทซีย์ว่ามีความผิดในความตายของลูกสาว เช่นการให้ลูกสาวเดินสายประกวดนางงาม อาจมีส่วนปลุกเร้าให้พวกคลั่งเด็กคิดที่จะลงมือก่อเหตุ อย่างไรก็ดีทางอัยการคัดค้านการตั้งข้อหา เพราะไม่มีพยานหลักฐานใดๆ ที่จะเอาผิดพ่อกับแม่ของเด็กหญิงที่เสียชีวิตได้เลย

นอกจากนี้ผลตรวจดีเอ็นเอที่มีการเก็บมาในสมัยนั้น ก็พบว่าฆาตกรน่าจะเป็นชาย แต่ไม่ใช่ตัวพ่อแน่นอน แถมดีเอ็นเอคนร้ายคดีนี้ก็ไม่ตรงกับฐานข้อมูลใดๆ ของทางการด้วย

10 ปีหลังเหตุฆาตกรรม ตำรวจไทยจับกุมนายจอห์น มาร์ก เคอร์ วัย 41 ปี ครูสอนภาษาอังกฤษที่รับสารภาพว่าเป็นคนฆาตกรรมจอนเบอเน่ต์เอง เรื่องนี้เป็นข่าวครึกโครมอย่างมากทั้งในไทยและในอเมริกา จอห์น มาร์ก เคอร์ถูกส่งตัวกลับไปยังอเมริกา ก่อนที่จะพบว่าคำสารภาพของเขานั้นมาจากการอ่านข่าว รายละเอียดทางคดีจริงๆ นั้นเขาไม่รู้อะไรเลย ยิ่งการที่เขาบอกว่าได้มอมยาเด็กหญิงก่อนฆาตกรรมนั้น จากการตรวจสารพิษในตัวศพ ก็ไม่พบว่ามีการวางยาแต่อย่างใด แถมหลักฐานทางดีเอ็นเอก็ไม่ตรงกับตัวของชายคนนี้ด้วย จึงไม่มีการจับกุมดำเนินแต่อย่างใด สรุปจอห์น มาร์ก เคอร์แอบอ้างมั่วว่าคือคนร้าย เพราะอยากดังนี่เอง

4.

ในปี ค.ศ.2008 ทางการได้ออกมาขอโทษต่อครอบครัวแรมซีย์ที่ตั้งข้อสงสัยว่าพวกเขาคือคนร้ายในคดีนี้ ทำให้ครอบครัวตัดสินใจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสื่อ โดยจ้างทนายความที่ถนัดทำเรื่องฟ้องสื่อมวลชน การฟ้องร้องนี้นำไปสู่การตกลงนอกรอบกับทางสถานีโทรทัศน์ระดับชาติหลายแห่งเพื่อยุติการถอนฟ้อง โดยไม่มีการเปิดเผยว่ามีการจ่ายเงินค่าเสียหายไปเท่าใด

ไม่เพียงแต่สื่อมวลชนเท่านั้น นักเขียนทั้งหลายที่

พยายามระบุตัวว่าใครคือคนร้ายในคดีนี้ก็โดนฟ้องกราวเช่นกัน

โดยเฉพาะการเปิดประเด็นว่า ฆาตกรจริงๆ ก็คือ เบิร์ก วัย 9 ขวบในตอนนั้นซึ่งเผลอทำร้ายน้องสาวด้วยของแข็งจนน้องตาย ทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่ต้องอำพรางศพแล้วจึงแต่งเรื่องในคดีนี้ขึ้นมา เมื่อมีการตีพิมพ์หรือมีการนำเสนอสกู๊ปนี้ การฟ้องเรียกค่าเสียหายก็ตามมาจากครอบครัวแรมซีย์ทันที

มีนักวิจัยเคยไปสัมภาษณ์ทนายความกับครอบครัวแรมซีย์เกี่ยวกับการทำงานของสื่อในคดีนี้ ซึ่งได้ข้อสรุปมาว่า การที่สื่อสนใจคดีนี้มากเป็นพิเศษก็เพราะว่าช่วงเกิดเหตุมันเป็นช่วงหลังคริสต์มาสและก่อนปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีข่าวน่าสนใจ เพราะตรงกับช่วงวันหยุดยาว พอเกิดเหตุนี้ขึ้น มันเลยทำให้สื่อได้ประเด็นไปพาดหัวนำเสนอข่าวในช่วงเวลาดังกล่าวทันที รวมถึงการพยายามสร้างประเด็นจากข่าวสู่ความบันเทิง ที่ทำให้ครอบครัวแรมซีย์ได้รับผลกระทบอย่างมาก นอกจากนี้คดีฆาตกรรมเด็กหญิงวัยเพียง 6 ขวบ ปกติก็จะได้รับความสนใจจากประชาชนอยู่แล้ว ยิ่งมีภาพวีดีโอการประกวดของจอนเบอร์เน่ต์ด้วย ยิ่งเร้าความสนใจจากสังคมเข้าไปอีก

ทั้งนี้คำขอโทษจากทางการนั้น ไปไม่ถึงแพทซีย์ ผู้เป็นแม่ที่เสียชีวิตลงก่อนจากโรคมะเร็งไปในปี ค.ศ.2006 ส่วนจอห์นนั้น เขาได้แต่งงานใหม่และย้ายไปใช้ชีวิตอีกเมือง

ผ่านไปหลายปี เขาออกมาบอกกับสื่อว่า ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เขาไม่เคยคิดถึงจอนเบอร์เน่ต์ เขายังแขวนรูปของลูกไว้ที่ห้องรับแขก เพื่อเตือนและจดจำให้มีชีวิตต่อไปเพื่อหาว่าใครคือผู้สังหารลูกสาวของเขา

สำหรับสื่อมวลชน ในช่วงปีแรกๆ ของคดีฆาตกรรมนางงามเด็ก มีการนำเสนอถี่ยิบมาก อดีตช่างภาพนิ่งรายหนึ่งรำลึกความหลังว่าเขาใช้เวลาถึง 8 เดือนกับการถ่ายภาพทำข่าวคดีฆาตกรรมนี้ ซึ่งถือเป็นการทำงานเกาะติดที่นานสุดในชีวิตแล้ว

ความฉาบฉวยของสื่อเป็นที่วิจารณ์อย่างมากในสังคม แม้จะมีสื่อมวลชนที่ทำข่าวอย่างมีคุณภาพในคดีนี้ด้วยมาตรฐานมืออาชีพ แต่ก็ดังที่เห็น สื่อฉาบฉวยได้ทำให้ภาพลักษณ์ในคดีนี้แปดเปื้อนด้วยการทำงานอย่างไร้มาตรฐาน ที่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ครอบงำส่งข้อมูลให้ ผ่านไปหลายปีให้หลัง มีคนสรุปว่า ทางการนั่นเองคือผู้ที่ทำให้สังคมเกิดความคล้อยตามพิพากษาครอบครัวแรมซีย์ โดยไม่ผ่านขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายแต่อย่างใด

สุดท้ายมันจึงลงเอยด้วยการจับใครไม่ได้ และส่งผลให้คดีฆาตกรรมนางงามเด็กเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...