“พาวเวล” เผย “เฟด” ชะลอลดดอกเบี้ย เหตุภาษีทรัมป์ดันเงินเฟ้อ-กดดันตลาด
"พาวเวล" เผย "เฟด" ชะลอลดดอกเบี้ย เหตุภาษีทรัมป์ดันเงินเฟ้อ-กดดันตลาด ด้านทำเนียบขาวยังคงโจมตีพาวเวลหนัก ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและทิศทางตลาดทุน
วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เวลา 01.45 น. สำนักข่าว CNBC รายงานว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เฟดคงจะผ่อนคลายนโยบายการเงินไปแล้ว หากไม่ใช่ เพราะแผนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เมื่อถูกถามระหว่างการเสวนาว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยอีกในปีนี้หรือไม่ หากทรัมป์ไม่ได้ประกาศแผนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าก่อนหน้านี้ พาวเวลตอบว่า "ผมคิดว่าถูกต้องแล้ว …จริง ๆ แล้ว เราเริ่มหยุดรอดูสถานการณ์ทันทีที่เห็นขนาดของมาตรการภาษี และเป็นผลให้ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ทั้งหมดพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ"
คำยอมรับของพาวเวลมีขึ้นในขณะที่เฟดกำลังดำเนินนโยบาย “รอดูสถานการณ์” ในการปรับดอกเบี้ย แม้จะถูกกดดันจากทำเนียบขาวอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเดือนที่แล้วเฟดตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมที่ 4.25 - 4.5% ซึ่งเป็นระดับที่คงไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ส่งสัญญาณจากแผนภาพ “dot plot” ว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งภายในสิ้นปี 2568 อย่างไรก็ตามพาวเวลกล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าเฟดยังคงอยู่ในจุดที่พร้อมจะรอดูข้อมูลก่อนตัดสินใจ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พาวเวลถูกถามว่าตลาดควรคาดหวังการลดดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมหรือไม่ เขาตอบว่า “บอกไม่ได้จริง ๆ” และ “มันขึ้นอยู่กับข้อมูลที่จะออกมา” โดยข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่าตลาดให้น้ำหนักมากกว่า 76% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้
ทั้งนี้ ท่าทีของเฟดที่ยังไม่เร่งลดดอกเบี้ย สร้างความไม่พอใจให้กับทรัมป์และทีมบริหารของเขาอย่างมาก โดยทรัมป์ออกมาตำหนิพาวเวลอย่างเปิดเผยหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์เรียกพาวเวลว่า“แย่มาก” และเป็น “คนที่มีสติปัญญาระดับปานกลาง”
เมื่อถูกถามว่าหลังจากหมดวาระประธานเฟดในปีหน้าจะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเฟดต่อหรือไม่ พาวเวลตอบว่า “ยังไม่มีอะไรจะบอกในวันนี้” โดยวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดของพาวเวลจะสิ้นสุดในปี 2569 ขณะที่ตำแหน่งผู้ว่าการเฟด จะอยู่จนถึงปี 2571
การเสวนาเมื่อวันอังคารมีผู้นำธนาคารกลางจากทั่วโลกเข้าร่วม โดยมีคำถามหลากหลาย ตั้งแต่ว่าพวกเขาจะทำเหมือนพาวเวลหากอยู่ในสถานการณ์เดียวกันหรือไม่ ไปจนถึงความกังวลว่านโยบายของประเทศต่าง ๆ กำลังแยกตัวออกจากสหรัฐ
นโยบายการเก็บภาษีของทรัมป์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดโลกและผู้กำหนดนโยบายการเงินอย่างชัดเจน ทรัมป์ประกาศแผนเก็บภาษีสินค้านำเข้าในช่วงต้นเดือนเมษายน ก่อนจะประกาศชะลอบางส่วนออกไปหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหนัก
แม้ว่าขณะนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวจนทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยดัชนี S&P 500 กลับมายืนเหนือระดับสูงสุดเดิมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่บรรยากาศของนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของการค้าโลก และผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ กำไรบริษัท และตลาดหุ้น
อ้างอิง : www.cnbc.com