โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

บิ๊กเล็ก เผยสัญญาณดี กัมพูชา ยอมคุยด้วย จ่อดึงถก จีบีซี หารือ 2 ประเด็น

Khaosod

อัพเดต 03 ก.ค. เวลา 07.49 น. • เผยแพร่ 03 ก.ค. เวลา 07.48 น.
บิ๊กเล็ก เผยสัญญาณดี กัมพูชา ยอมคุยด้วย จ่อดึงถก จีบีซี หารือ 2 ประเด็น

บิ๊กเล็ก แจงยิบ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา เปรยมีสัญญาณดี เขมร ยอมคุยด้วย จ่อดึงถก “จีบีซี” หารือ 2 ประเด็น ซัด "อังเคิล" โพสต์คลาดเคลื่อนความจริง

เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 3 ก.ค. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานที่ประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชนชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ถาม รมว.กลาโหม โดยมีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาการ รมว.กลาโหม เป็นผู้ชี้แจง

โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เชื่อว่าสถานการณ์วิกฤตไทยกัมพูชาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สิ่งที่คนไทยทั้งประเทศต้องการ คือต้องการรัฐบาลที่มีความเข้มแข็ง แต่ในขณะเดียวกันต้องมีการเตรียมการสถานการณ์อย่างมีวุฒิภาวะ รอบคอบ และได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนบ้านให้ความเกรงอกเกรงใจรัฐบาล

การที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินมาตรการต่างๆ เหล่านี้อย่างเข้มแข็งและอย่างมีวุฒิภาวะเหมาะสมได้ มีมาตรการหลายส่วน ทั้งมาตรการทางด้านทหาร กดดันทางเศรษฐกิจ และมาตรการพุ่งเป้าไปยังเครือข่ายกลุ่มอิทธิพลของผู้นำกัมพูชา

ที่วันนี้เราได้เห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คลิปเสียงหลุดนั้นล้วนเกิดจากการบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด ที่ตัวผู้นำประเทศใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างผู้นำสองประเทศจนนำไปสู่วิกฤตในครั้งนี้ที่คลี่คลายยากยิ่งขึ้น

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า เรื่องการควบคุมด่านชายแดนที่รัฐมนตรีอาจจะใช้คำว่าเป็นการเปิดด่านแบบจำกัดเวลา พวกเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นมาตรการกดดันทางด้านเศรษฐกิจที่ด้านหนึ่งอาจจะมีประสิทธิภาพ แต่อีกด้านหนึ่งก็ส่งผลกระทบกับประชาชนคนไทยเป็นวงกว้างด้วยเช่นเดียวกัน

ซึ่งตนอยากเน้นย้ำว่ารัฐบาลต้องแสดงความเข้มแข็ง พวกเราไม่ได้เห็นต่างเรื่องการใช้มาตรการกดดันทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งหลายครั้งพรรคประชาชนได้เสนอข้อเสนอนี้ไปแล้ว แต่จะใช้อย่างไรให้เหมาะสม ใช้อย่างไรเพื่อแสดงออกว่ารัฐบาลบริหารสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบ มีวุฒิภาวะ ไม่ดำเนินสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเกินความจำเป็น

โดยสิ่งที่ตนอยากถาม คือ ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาตามแนวชายแดนยังมีความตึงเครียด ความกดดันทางด้านทางทหารที่กัมพูชาดำเนินการอยู่ใช่หรือไม่ ถ้ามีมีอย่างไร

โดยพล.อ.ณัฐพล ชี้แจงว่า ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.ที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังกลับจากจุดที่เผชิญหน้ากันอยู่ ในครั้งนั้นที่เราพยายามเจรจาฝ่ายกัมพูชา คือ มีกำลังที่เผชิญหน้ามาอยู่ในระยะใกล้ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการใช้อาวุธได้ ถ้ามีการเริ่มใช้อาวุธจะทำให้เหตุการณ์ตึงเครียดและสถานการณ์อาจจะบานปลายได้

ถึงแม้กำลังที่ประเชิญหน้าจะเคลื่อนย้ายกลับไปแล้ว แต่กำลังส่วนที่เหลือที่มีจำนวนมาก มีทั้งอาวุธหนัก รถถัง และปืนใหญ่ ยังเป็นกำลังระลอกสองที่ยังคงอยู่ในพื้นที่ ตรงนี้ยังมีความเสี่ยงที่วันใดวันหนึ่งเกิดความไม่เข้าใจกันแล้วอาจจะทำให้สถานการณ์บานปลายถึงขั้นที่ใช้อาวุธหนัก

พล.อ.ณัฐพล กล่าวต่อว่า ตนมีประสบการณ์ในปี 2554 ที่เขาพระวิหาร ในครั้งนั้นอาวุธที่ทั้งสองฝ่ายมียังไม่ร้ายแรงเท่าครั้งนี้ ฉะนั้น รัฐบาลมีความห่วงใยความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน จึงมีแนวทางในการดำเนินการคลี่คลายความตึงเครียดในบริเวณชายแดน

โดยประการที่ 1 รัฐบาลได้ตั้ง ศบทก. ทำงานภายใต้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้กำหนดแนวทางไว้อย่างชัดเจนบนพื้นฐานของสันติวิธีและการยึดถือศักดิ์ศรีความเป็นรัฐของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ การเจรจามุ่งเน้นการเจรจาแบบทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยสันติและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ลุกลามบานปลาย

ซึ่งคำว่าลุกลามบานปลายมีสองอย่าง คือ บานปลายทางด้านการใช้อาวุธ และบานปลายทางเศรษฐกิจที่กระทบต่อความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ฉะนั้น ศบทก. จะพยายามบูรณาการและขับเคลื่อนไม่ให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นบานปลายออกไป

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ ศบทก. และรัฐบาลหนักใจมาก ปัจจุบันในประเทศไทยมีสองกระแส คือ พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนเรียกร้องให้รัฐบาลคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็ว ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง และขอความเห็นใจว่าเขาประสบความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งความปลอดภัย และเศรษฐกิจ

และพี่น้องส่วนกลางในกทม. บอกว่าต้องยึดศักดิ์ศรีของเราเป็นหลัก ไม่อยากให้รัฐบาลอ่อนข้อ อยากให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็ง จึงขอความเห็นใจทุกภาคส่วนในประเทศไทยว่า ปัจจุบันคนมีความคิดกันอยู่สองกลุ่มอย่างนี้ ทำให้การตัดสินใจของรัฐบาลและศบทก.แต่ละเรื่องต้องใช้ความรอบคอบและชั่งน้ำหนักให้ดี

ประการที่ 2 รัฐบาลดำเนินการโดยตระหนักว่า ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน อาจมีการชี้นำของนักการเมืองหรือผู้นำบางคน แต่สิ่งที่เราต้องรักษาไว้ให้มาก คือ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งมีชายแดนติดกัน แม้จะมีความขัดแย้งกัน แต่ก็ไปไหนไม่ได้ก็ต้องอยู่กันอย่างนั้น

ทุกคนตระหนักตระหนักดีอยู่แล้วว่า ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นเกิดจากส่วนบุคคล ฉะนั้น เราจะต้องไม่นำความตึงเครียดนี้ขยายไปสู่ประชาชนโดยทั่วไป ประชาชนจึงควรไม่มาเป็นเหยื่อทางการเมืองระดับรัฐ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่จะต้องดำเนินการทุกอย่างอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนทั้งสองฝ่าย

ประการที่ 3 รัฐบาลมีความจำเป็นจะต้องดำเนินมาตรการควบคุมที่เข้มงวดบริเวณชายแดน เนื่องจากมีข้อมูลที่ชัดเจนว่าทางการกัมพูชาได้มีการสั่งกำลังเคลื่อนย้ายเข้ามาในพื้นที่ชายแดน และฝ่ายไทยก็มีความจำเป็นที่จะต้องเสริมกำลังในระดับที่เหมาะสม เพื่อรักษาอธิปไตยและความมั่นคง

แต่ขอย้ำว่าทุกการเคลื่อนไหวของไทยอยู่ในกรอบสันติวิธี และหลีกเลี่ยงการประทะโดยเด็ดขาด หากกัมพูชาไม่ล่วงล้ำอธิปไตยด้วยกำลังติดอาวุธ

ประการที่ 4 ด้านการควบคุมชายแดน รัฐบาลไทยยังมีความร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC รวมถึงประเทศพันธมิตรในการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะสแกมเมอร์ที่มีข้อมูลว่าแฝงตัวอยู่ในพื้นที่ใกล้แนวชายแดนจำนวนมาก เราจึงมีความจำเป็นต้องตรวจสอบและควบคุมการเข้าออกตามแนวชายแดนอย่างเข้มข้น ทั้งด้านตะวันตกและตะวันออกของประเทศ

ประการที่ 5 ในทุกมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการ ศบทก.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งหวังให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนกัมพูชากลับคืนสู่สภาพปกติสุขโดยเร็วที่สุด ทั้งด้านความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและสังคมจิตวิทยา ยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กรณีที่ว่ากองทัพมีอำนาจหรือไม่ ซึ่งตรงกับที่หลายฝ่ายเข้าใจว่าปัจจุบันทำโดยกองทัพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ลำบากใจ โดยตนเป็นรัฐบาลเป็นการเมือง แต่ด้วยความที่ยังมียศทำให้คนมองว่าตนเป็นทหาร เวลาตนกลับไปกองทัพเขาก็มองว่าตนเป็นรัฐบาล เวลาตนอยู่ในรัฐบาลเขาก็มองว่าตนเป็นกองทัพ

ฉะนั้น ปัจจุบันเวลาตนทำงานเป็นรัฐบาล ตนก็ทำงานเป็นรัฐบาล โดยตนเป็น ผอ.ศบทก. และการให้อำนาจบางประการกับกองทัพเป็นการชั่วคราวเฉพาะหน้า และอยู่ภายใต้การกำกับของ ศบทก. เราประชุมกันทุกขั้นตอน ไม่ได้ปล่อยให้กองทัพมีอิสระโดยลำพังอย่างที่วิจารณ์กัน

“ณ ปัจจุบันนี้เริ่มมีสัญญาณบวก ทางฝ่ายระดับสูงของกัมพูชาเริ่มมีการคุย ที่ผ่านมาเขาไม่ยอมคุย แต่ 2-3 วันนี้เขาเริ่มมาคุยว่าเชิญไปเข้าประชุมทวิภาคีจีบีซี มีเงื่อนไขอย่างไร ปัจจุบันด้วยสถานการณ์ทางด้านโซเชียลทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ทำให้การพูดคุยในเรื่องเงื่อนไขเราก็ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน ขอเรียนว่ามีสัญญาณบวก อย่างน้อยเขามาคุยก็ถือว่าบวกแล้ว คุยรู้เรื่องไม่รู้เรื่อง ก็ต้องใช้ความสามารถกันอีกทีหนึ่ง” พล.อ.ณัฐพล กล่าว

จากนั้น นายณัฐพงษ์ ถามอีกว่า ตนอยากได้ข้อเท็จจริงวัตถุประสงค์ชัดๆ ว่าตอนนี้ที่รัฐบาลยังคงมาตรการในการควบคุมด่านอยู่ มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างแรงกดดัน เพื่อนำไปสู่อะไร เพราะพวกเราเห็นว่าถ้าใช้อย่างไม่เหมาะสม แทนที่จะเป็นมาตรการในการสร้างแรงกดดัน จะกลายเป็นมาตรการสร้างความตึงเครียด ที่ทำให้การบริหารสถานการณ์เดินไปด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น

ส่วนมาตรการอื่นๆ นอกเหนือจากมาตรการความมั่นคง และมาตรการทางเศรษฐกิจ คือมาตรการพุ่งเป้าไปที่ตัวผู้นำหรือเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในประเทศกัมพูชา นั่นคือการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการดำเนินคดีลอบสังหารฝ่ายค้านกัมพูชาในประเทศไทย จึงอยากจะถามความคืบหน้าทางรัฐบาลว่าเป็นอย่างไรบ้างในขณะนี้

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนทราบมาว่าทางกองทัพได้ประสานงานไปยังคณะที่ปรึกษาการทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย หรือจัสแมก เพื่อประสานขอกำลังบำรุงและเครื่องกระสุนสหรัฐฯ เพื่อเตรียมประสิทธิภาพของกองทัพไทย เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็ทราบว่าเรื่องนี้ถูกคว่ำลงเนื่องจากฝ่ายการเมืองปัดตกคำขอนี้

ดังนั้น ในฐานะที่ท่านอยู่ฝ่ายการเมือง พวกเราจึงอยากได้เหตุและผลว่าในเมื่อกองทัพขอรับการสนับสนุนเครื่องกระสุนสหรัฐฯ ผ่านกลไกจัสแมก ทำไมฝ่ายการเมืองจึงคว่ำข้อเสนอนี้ของกองทัพ มีเหตุและผลอย่างไร เป็นเพราะเกรงใจประเทศมหาอำนาจอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ที่พวกเราก็รับรู้กันดีว่าประเทศมหาอำนาจนั้นให้การสนับสนุนกัมพูชา มีฐานทัพเรือในประเทศกัมพูชาด้วยใช่หรือไม่

พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงว่า เรื่องความกดดัน ในห้วงเวลาที่ผ่านมาที่อังเคิลโพสต์มาตลอด ทำให้มีความรู้สึกว่าเราใช้ความกดดันและตึงเครียด ซึ่งมาตรการชายแดนยืนยันว่าไม่ได้กดดันอะไรมาก ไม่ได้ปิดด่าน มีเพียงการจำกัดการเข้าของบุคคลและยานพาหนะออกตามจุดผ่านแดนเท่านั้น

แต่การโพสต์ในโซเชียลของผู้นำกัมพูชา ทำให้รู้สึกว่ามีการกดดัน เช่น จุดผ่านแดนช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่ประตูฝั่งไทยเปิด แต่ประตูฝั่งกัมพูชาปิด ดังนั้น สถานการณ์ความตึงเครียดนั้น ผู้นำกัมพูชาอยู่ที่พนมเปญอาจได้รับข่าวคลาดเคลื่อน ไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้ พล.อ.ณัฐพล ได้นำภาพถ่ายปิด-เปิดด่านของไทยและกัมพูชามาแสดง พร้อมกล่าวว่า เป็นของจริงไม่ได้จัดฉาก ถ้าสส.คนใดไปพบว่าที่ตนนำเสนอไม่เป็นความจริง สามารถเอามาประจานได้ทางสื่อเลย แต่นี่คือเรื่องจริงไม่ได้จัดฉาก

พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยว่า การกดดันที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ใช่การกดดันทางด้านเศรษฐกิจ แต่เรากดดันด้านกระบวนการอาชญากรรม ที่เป็นไปตามความร่วมมือกับ UNODC ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ถึงปัจจุบัน สถิติสแกมเมอร์ลดลงได้ชัด ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ต้องการให้มาตรการนี้ทำต่อไป แต่ถ้าเราทำต่อไปประชาชนตามแนวชายแดนจะได้รับความเดือดร้อน

"ผมเจ็บปวดเมื่อชาวบ้านที่จ.สระแก้ว จันทรบุรี ตราด ต่อว่า ว่าเขาไม่ได้ได้อยู่ในพื้นที่ตึงเครียด ทำไมดึงเขามาเกี่ยวด้วย เขาตัดพ้อต่อว่ารัฐบาลว่าวางแผนในห้องแอร์ ฟังแล้วเจ็บปวดมาก ตรงนี้ผมขอความเห็นใจ การบริหารจัดการเป็นไปด้วยความยากมาก ทั้งนี้ ผมไม่ได้นั่งทำงานในห้องแอร์ แต่รับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน ซึ่งปัญหาที่เน้นย้ำคือ การแก้ปัญหาเศรฐกิจ หากปล่อยให้มีการปะทะจะทำให้เศรษฐกิจมีปัญหา" พล.อ.ณัฐพล กล่าว

พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงด้วยว่า บรรยากาศของเจบีซี ดีขึ้นเล็กน้อย เพราะเขาหันมาคุยจากเดิมที่ไม่ยอมคุย และจะนำเรื่องขึ้นศาลโลกเท่านั้น แต่ปัจจุบันกัมพูชาเริ่มหันมาคุยด้วยแล้ว แต่เงื่อนไขในการต่อรองในที่ประชุมจีบีซีจะเป็นอย่างไร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการประสานงาน ส่วนคดีการลอบสังหารนักการเมืองของกัมพูชาในประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของ ตร. ตนขอไม่ชี้แจงเพราะเป็นประเด็นละเอียดอ่อน

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า สำหรับการประสานจัสแมก ตนเป็นเลขาฯ สมช.มาก่อน ความมั่นคง ยึดถือนโยบายสมดุลเป็นหลัก สร้างความสมดุลระหว่างประเทศมหาอำนาจ ทุกประเทศเราจะพยายามระมัดระวังไม่ให้ประเทศไทยผูกพันกับประเทศใดประเทศหนึ่ง

ทั้งนี้ มีการนำเสนอว่าที่กัมพูชาทำแบบนี้เพราะได้รับการสนับสนุนจากประเทศทางตอนเหนือของเรา แต่เอกอัครราชทูตของประเทศนั้นชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้อง การฝึกดราก้อนโกลด์ ก็ไม่ได้ฝึกเพื่อมายั่วยุฝ่ายเรา แต่ไทยฝึกคอบบร้าโกลด์กับอีกประเทศหนึ่ง กัมพูชาฝึกดราก้อนโกลด์กับอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องความร่วมมือทางทหาร

“ขอย้ำว่ากองทัพไม่สามารถดำเนินการได้ตามลำพัง กองทัพต้องทำตามนโยบายรัฐบาล ที่ให้รักษาความสมดุล ถ้าดึงประเทศหนึ่งเข้ามาจะทำให้กระทบต่อความสมดุลของภูมิรัฐศาสตร์ได้” พล.อ.ณัฐพล กล่าว

นายณัฐพงษ์ ถามอีกว่า ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน มีข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่าเขาไม่ได้อยู่บริเวณข้อพิพาท ข้อขัดแย้ง ทำไมถึงได้รับผลกระทบจากการดำเนินมาตรการของรัฐบาลด้วย จึงอยากฝากไปว่าการดำเนินมาตรการให้ลงรายละเอียด และสื่อสารให้ชัดเจนด้วย

และวันนี้ที่เราเดินมาถึงจุดที่คนส่วนใหญ่ในประเทศเห็นว่าเรากำลังเสียเปรียบเพราะที่ผ่านมารัฐบาลเสียรู้ เสียรู้ในที่นี้คือประเด็นคลิปเสียงหลุด เราก็เห็นกันอยู่แล้วว่าเราเสียรู้เรื่องอะไร และคำถามสุดท้ายคือรัฐบาลได้เคยใช้มาตรการทางการทูตเชิญรุก ในการประสานไปยังประเทศที่สาม เช่น ประเทศมหาอำนาจ ในการกดดันกัมพูชาให้กลับมาคุยในระดับทวิภาคีกับประเทศไทยหรือไม่

พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงว่า ขณะนี้มีกระบวนการให้ใช้การเจรจาผ่านการประชุมคณะกรรมการเรื่องเขตแดน (จีบีซี) หากทำสำเร็จ จะหารือใน 2 เรื่อง คือ การเคลื่อนย้ายกำลังกลับที่ตั้งปกติ เลี่ยงความเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และยกเลิกมาตรการควบคุมตามแนวชายแดน ซึ่งมีรายละเอียดที่ไม่ลงตัวเพราะต่างฝ่ายยังระแวงจากโซเชียล

“เราเสียรู้เรื่องการสื่อสาร การตอบโต้กันไปมาผ่านโซเชียลกับอังเคิลนั้นไม่ได้ทำแบบทางการ และหากตอบโต้กันไปมาจะทำให้เป็นปัญหาได้ จริงๆ การเมืองระหว่างประเทศควรจะมีการตอบโต้กันทางหนังสือราชการ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการตอบโต้ทางหนังสือราชการสักฉบับเดียว

และเมื่ออังเคิลบอกว่าไทยผิดฝ่ายเดียว กัมพูชาไม่ผิด จึงใช้การตอบโต้แบบชี้แจงข้อเท็จจริง นำภาพให้ดู ไม่ใช่โต้กันไปกันมา ซึ่งไม่สามารถยุติการตึงเครียดที่เกิดขึ้นได้ รัฐบาลโดย ศบทก. กำลังดำเนินการ ขณะที่มาตรการทางการทูต รัฐบาลได้ทำผ่านกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงการทูตทางทหาร โดยเน้นย้ำเรื่องนโยบายสมดุล และมีข้อห่วงใยที่ประเทศเพื่อนบ้านทำ” พล.อ.ณัฐพล ชี้แจง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : บิ๊กเล็ก เผยสัญญาณดี กัมพูชา ยอมคุยด้วย จ่อดึงถก จีบีซี หารือ 2 ประเด็น

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...