โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

สรุปข่าว เบลก ไลฟ์ลี ฟ้อง จัสติน บัลโดนี กรณีคุกคามทางเพศและทำลายชื่อเสียง ฉายด้านมืดของฮอลลีวูดที่ผู้หญิงต้องเจอ

The Momentum

อัพเดต 31 ธ.ค. 2567 เวลา 11.37 น. • เผยแพร่ 30 ธ.ค. 2567 เวลา 04.04 น. • THE MOMENTUM

เป็นประเด็นร้อนทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับข่าว เบลก ไลฟ์ลี (Blake Lively) นักแสดงหญิงชื่อดัง เตรียมเดินหน้าฟ้องร้อง จัสติน บัลโดนี (Justin Baldoni) นักแสดงและผู้กำกับชายที่เธอได้ร่วมงานด้วยในโปรเจกต์หนัง It Ends with Us(2024) โดยไลฟ์ลีระบุว่า บัลโดนีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และทีม PR ของเขาจงใจสร้างแคมเปญทำลายชื่อเสียงเธอ

ใครที่กำลังพยายามตามข่าวนี้อาจรู้สึกงงกับไทม์ไลน์ของแต่ละเหตุการณ์อยู่บ้าง เพราะทั้งไลฟ์ลี บัลโดนี และตัวหนัง It Ends with Usเองก็มีดราม่ามาตั้งแต่ช่วงกลางปี ก่อนเรื่องจะเงียบไป

วันนี้ The Momentum ขออาสาพาผู้อ่านย้อนทบทวนเรื่องราวทั้งหมดไปพร้อมๆ กัน

การถ่ายทำ It Ends with Us

ต้องเกริ่นก่อนว่า It Ends with Usเป็นหนังโรแมนติก-ดราม่าเกี่ยวกับความรุนแรงในความสัมพันธ์ (Domestic Violence) ไลฟ์ลีรับบท ‘ลิลลี’ ผู้หญิงที่ติดอยู่ในความสัมพันธ์เป็นพิษ ส่วนบัลโดนีรับบทเป็นแฟนของลิลลีที่ใช้กำลังทำร้ายเธอ นอกจากนั้นเขายังกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เองอีกด้วย

ถึงแม้บทจะค่อนข้างหนักหน่วง แต่บัลโดนีกับเจมี ฮีธ (Jamey Heath) โปรดิวเซอร์ของเรื่องเป็นผู้ชายที่เคยออกมาสนับสนุนมูฟเมนต์เฟมินิสต์กันทั้งคู่ หลายคนจึงเดาว่าในกองน่าจะระมัดระวังประเด็นอ่อนไหวและตระหนักถึงความเท่าเทียมทางเพศเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากฝั่งไลฟ์ลีกลับบอกเราอีกแบบ

TMZ รายงานว่า บรรยากาศการทำงานในกองแย่มากจนต้องมีการประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกัน ในที่ประชุม ไลฟ์ลียื่นคำขอต่อบัลโดนีและสตูดิโอผู้ผลิตหนังดังนี้

1. ขอให้บัลโดนีหยุดเอารูปโป๊หรือรูปผู้หญิงใดๆ ก็ตามให้ไลฟ์ลีดู

2. ขอให้บัลโดนีหยุดพูดถึงพฤติกรรมเสพติดสื่อลามกของตัวเอง

3. ขอให้บัลโดนีหยุดพูดถึงชีวิตเซ็กซ์ของตัวเองต่อหน้าไลฟ์ลีหรือคนอื่นๆ

4. ขอให้บัลโดนีหยุดพูดถึงอวัยวะเพศของเพื่อนนักแสดงและทีมงาน

5. ขอให้บัลโดนีหยุดถามเรื่องน้ำหนักของไลฟ์ลี

6. ขอให้บัลโดนีหยุดพูดถึงพ่อของไลฟ์ลีที่เสียไปแล้ว

7. ห้ามเพิ่มฉากเซ็กซ์ใดๆ เข้ามาในการถ่ายทำ ยกเว้นฉากที่มีในสคริปต์และไลฟ์ลีได้รับทราบก่อนแล้ว

หลังจากประชุมเสร็จ ทางสตูดิโอก็ตัดสินใจจ้างผู้ประสานงานฉากถึงเนื้อถึงตัว (Intimacy Coordinator) แบบฟูลไทม์ และเพิ่มมาตรการคุ้มครองอื่นๆ ในกอง แถมฮีธยังเซ็นรับรองว่าจะไม่แก้แค้นไลฟ์ลี สำหรับเรื่องครั้งนี้ดูเผินๆ เหมือนปัญหาจะจบลงด้วยดี

จนกระทั่งเดือนสิงหาคม หนัง It Ends with Usเข้าโรง และชื่อเสียงของไลฟ์ลีดิ่งลงเหว

จุดต่ำสุดของไลฟ์ลี

หากใครติดตามข่าวสารฝั่งฮอลลีวูดอยู่บ้าง น่าจะจำได้ว่าช่วงที่ทีมนักแสดง It Ends with Usเดินสายโปรโมต ไลฟ์ลีเผชิญกระแสความเกลียดชังอย่างหนัก ในงานพรีเมียร์หนังที่นิวยอร์ก เธอกล่าวให้กำลังใจเหยื่อความรุนแรงในความสัมพันธ์ว่า “คุณเป็นมากกว่าแค่เหยื่อ” ส่วนในอีกวิดีโอ เธอชักชวนให้ทุกคน “คว้าเพื่อน ใส่ชุดดอกไม้ แล้วออกมาดูหนังกัน”

ถ้อยคำเหล่านี้บางคนฟังแล้วอาจไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงวิจารณ์ว่า ไลฟ์ลีกำลังทำให้ความรุนแรงในความสัมพันธ์ดูเป็นเรื่องเล็ก และลดทอนความเจ็บปวดของเหยื่อจริงๆ

ในคลิป TikTok หนึ่งที่มียอดวิว 4.5 ล้านวิว ไลฟ์ลีถูกตำหนิว่าโปรโมตหนังประเด็นอ่อนไหว “อย่างกับโปรโมตภาคต่อบาร์บี้” สำนักข่าวดังเดลีเมล์ (Daily Mail) เผยแพร่บทความหัวข้อ “ไลฟ์ลีจะโดนแคนเซิลแล้วหรือเปล่า?” โดยเนื้อหาบทความจิกกัดที่ไลฟ์ลีให้สัมภาษณ์ด้วยเสียงหัวเราะและเอาแต่พูดเรื่องไม่มีสาระอย่างอาชีพในฝันกับราศี แทนที่จะเน้นย้ำถึงความรุนแรงในความสัมพันธ์เป็นหลัก

สำหรับนักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการมานาน รักษาชื่อเสียงด้านดีมาตลอด เดือนสิงหาคม 2024 นับเป็นจุดต่ำสุดของภาพลักษณ์ไลฟ์ลีเลยก็ว่าได้

แคมเปญทำลายชื่อเสียง

ย้อนกลับไปช่วงก่อนเดือนสิงหาคมนิดหน่อย หลังจากจบการประชุมเจ้าปัญหาระหว่างไลฟ์ลี บัลโดนี และสตูดิโอที่บัลโดนีเป็นเจ้าของ บัลโดนีกับฮีธกังวลว่าคำร้องเรียนของไลฟ์ลีอาจหลุดไปสู่สายตาสาธารณชนได้ จึงจ้าง เมลิสซา นาธาน (Melissa Nathan) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการภาวะวิกฤต (Crisis Management) มาช่วยดูแล

ก่อนหน้านี้ นาธานเคยทำงานให้คนดังมากมาย เช่น จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) เดรก (Drake) และทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott)

วันที่ 2 สิงหาคม นาธานส่งแผนงาน PR ฉบับแรกไปให้บัลโดนีและทีม โดยเธอเสนอให้เล่นข่าวว่า ไลฟ์ลีใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อควบคุมกระบวนการสร้างสรรค์ของหนัง (ไลฟ์ลีได้เป็นคนตัดต่อหนังในตอนสุดท้าย และ Sony Pictures ผู้จัดจำหน่ายหนังเลือกเวอร์ชันที่ไลฟ์ลีตัดต่อไปฉาย)

อย่างไรก็ตาม แผนงานนี้ไม่ถูกใจบัลโดนีนัก ในแชตระหว่างนาธานกับ เจนนิเฟอร์ เอเบล (Jennifer Abel) ฝ่าย PR อีกคนหนึ่ง เอเบลบอกนาธานว่า “พวกคุณต้องแสดงพลังว่าพวกคุณทำอะไรได้บ้างในสถานการณ์แบบนี้ บัลโดนีอยากจะรู้สึกว่าไลฟ์ลีสามารถถูกฝังได้เลย”

นาธานอธิบายว่า เธอไม่สามารถเขียนทุกอย่างลงไปในแผนงานได้ เพราะหากมันหลุดออกไปจะมีปัญหาตามมา แต่ขอให้ทีมบัลโดนีเชื่อในตัวเธอ

“เราสามารถฝังใครก็ได้อยู่แล้ว” นาธานกล่าว

ไม่กี่วันต่อมา บัลโดนีส่งเธรดแฉพฤติกรรมบูลลีของเซเลบอีกคนหนึ่งไปให้นาธาน และบอกเธอว่า “นี่แหละสิ่งที่เราต้องการ” หลังจากนั้นนาธานก็เริ่มจ้างคนมาปั่นกระแสในโซเชียลมีเดียและเขียนเธรดทฤษฎีต่างๆ เกี่ยวกับไลฟ์ลี

วันที่ 4 สิงหาคม เอเบลบอกนาธานว่า อยากเริ่มเล่นข่าวเรื่องที่ไลฟ์ลีเป็นคนทำงานด้วยยาก นาธานยืนยันว่าเธอไปคุยกับคนในเดลีเมล์ให้แล้ว พวกเขาพร้อมลงข่าวทุกเมื่อ

วันที่ 8 สิงหาคม เดอะฮอลลีวูดรีพอร์เตอร์ (The Hollywood Reporters) ลงข่าวเกาเหลาระหว่างไลฟ์ลีกับบัลโดนี แต่ให้เหตุผลว่า เป็นความขัดแย้งในกระบวนการสร้างสรรค์เท่านั้น ต่อมาสำนักข่าวอื่นๆ ก็ลงข่าวนี้ตาม และโฟกัสไปที่ประเด็นตัดต่อหนังเช่นเดียวกัน เรื่องการคุกคามทางเพศแทบไม่ถูกพูดถึงเลย

“บัลโดนีคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เขาโชคดีแค่ไหน” นาธานกล่าวกับเอเบล

ตั้งแต่จุดนั้นยาวไปถึงกลางเดือนสิงหาคม กระแสในโซเชียลฯ เริ่มไหลไปอย่างที่เราเห็น ไลฟ์ลีโดนด่ายับ ถึงแม้จะไม่สามารถวัดได้ชัดเจนว่า ถ้อยคำให้ร้ายทั้งหมดเป็นฝีมือของทีมบัลโดนีมากน้อยแค่ไหน แต่จากแชตวันที่ 16 สิงหาคม มีหลักฐานว่า บทความเดลีเมล์ “ไลฟ์ลีจะถูกแคนเซิลแล้วหรือเปล่า?” มาจากนาธานแล้วหนึ่ง

ที่น่าเศร้าคือ แชตบางส่วนของนาธานให้ความรู้สึกเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของบัลโดนีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่งานก็คืองาน

“โซเชียลส่วนใหญ่เข้าข้างบัลโดนีกันหมดเลย ฉันไม่เห็นด้วยกับครึ่งหนึ่งของพวกนั้นด้วยซ้ำ ฮ่าๆ” นาธานบอกเอเบล “จริงๆ มันน่าเศร้านะ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนเราแค่อยากจะเกลียดผู้หญิง”

การต่อสู้ทางกฎหมาย

วันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ไลฟ์ลียื่นฟ้องบัลโดนีและทีม PR ของเขาต่อศาลแคลิฟอร์เนีย ข้อหาคุกคามทางเพศและแก้แค้นผ่านแคมเปญทำลายชื่อเสียง ไลฟ์ลีระบุในคำร้องว่าพฤติกรรมของบัลโดนีทำให้เธอต้องเผชิญ “ความเศร้าโศก ความกลัว แผลใจ และภาวะวิตกกังวลอย่างสูง” โดยหลังจากยื่นหมายเรียกพยาน เธอก็ได้รับประวัติแชตของทีม PR บัลโดนีมาเป็นหลักฐาน

“ฉันหวังว่าการดำเนินการทางกฎหมายของฉันจะช่วยเปิดม่านให้คนเห็นถึงกลยุทธ์แก้แค้นชั่วร้ายเหล่านี้ ที่ใช้ทำลายคนที่กล้าออกมาพูดเกี่ยวกับความประพฤติมิชอบ” ไลฟ์ลีบอกกับ เดอะนิวยอร์กไทม์ (The New York Times)

หลังจากการฟ้องร้องกลายเป็นข่าวใหญ่ Sony Pictures ผู้จัดจำหน่ายหนัง It Ends with Us, SAG-AFTRA สหภาพสำหรับคนทำงานวงการบันเทิงในอเมริกา, คอลลีน ฮูเวอร์ (Colleen Hoover) นักเขียน It Ends with Usฉบับนิยาย, แอมเบอร์ เฮิร์ด (Amber Heard), อเมริกา เฟอร์เรรา (America Ferrera) รวมถึงคนดังอีกหลายๆ คน ต่างทยอยออกมาสนับสนุนหรือให้กำลังใจไลฟ์ลี

ขณะเดียวกัน ทนายของบัลโดนียืนยันว่า ทีม PR บัลโดนีไม่ได้มีแผนงานเชิงรุกหรือทำอะไรที่เป็นการแก้แค้นไลฟ์ลีเลย ทุกอย่างในคำร้องของไลฟ์ลีเป็นความเท็จทั้งหมด ไลฟ์ลีจงใจเขียนให้รุนแรงเพราะต้องการแก้ไขชื่อเสียงด้านลบของตัวเอง

ฮอลลีวูดต่อจากนี้

ตามกระบวนการ การต่อสู้ระหว่างไลฟ์ลีกับบัลโดนีบนชั้นศาลน่าจะไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ต้องรอดูกันยาวๆ แต่เพียงแค่มีข่าวฟ้องร้องขั้นต้นออกมา ก็สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมได้มากแล้ว

หลายคนมองว่าหากคำร้องของไลฟ์ลีเป็นเรื่องจริง ประการแรกคือน่าตั้งคำถามกับแวดวง PR ฮอลลีวูด

ที่ผ่านมามีเซเลบอีกกี่คนต้องตกเป็นเหยื่อของแคมเปญทำลายชื่อเสียง โดยเฉพาะเซเลบหญิง ที่แค่ขยับตัวทำอะไรนิดหน่อยก็ผิดไปหมดในสายตาชาวเน็ต

ประการที่ 2 ทั้งที่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ปี 2025 แต่เหมือนว่า การคุกคามทางเพศยังเป็นปัญหาเรื้อรังในฮอลลีวูดไม่เปลี่ยน

นักแสดงดังอย่างไลฟ์ลีมีกำลังทรัพย์และคอนเนกชันมากพอที่จะขึ้นโรงขึ้นศาล แต่ถ้าการคุกคามเกิดขึ้นกับเด็กสาวโนเนมล่ะ พวกเธอควรต่อสู้อย่างไร?

คงต้องคอยติดตามเรื่องราวกันต่อไปอย่างใกล้ชิด

อ้างอิง

- https://www.nytimes.com/2024/12/21/business/media/blake-lively-justin-baldoni-it-ends-with-us.html

- https://www.tmz.com/2024/12/21/blake-lively-sues-justin-baldoni-sexual-harassment-retaliation-on-it-ends-with-us-set/

- https://www.tiktok.com/@lovingsingle/video/7402395689029782815

- https://www.dailymail.co.uk/femail/article-13749783/Blake-Lively-cancelled-interview-Ends-film.html

- https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/blake-lively-justin-baldoni-it-ends-with-us-drama-what-we-know-1235969708/

- https://www.rollingstone.com/tv-movies/tv-movie-news/it-ends-with-us-studio-supports-blake-lively-justin-baldoni-lawsuit-1235216600/

- https://people.com/blake-lively-sues-it-ends-with-us-costar-justin-baldoni-for-sexual-harassment-8765475

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...