รีวิว OPPO Find X9 Pro สมาร์ตโฟนที่มากับกล้องที่ดีที่สุดจาก OPPO
OPPO Find X9 Pro เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเรียบร้อยแล้ว โดยรอบนี้ทาง OPPO ได้นำเข้ามาจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น คือ OPPO Find X9 เป็นรุ่นมาตรฐานของซีรีส์มาด้วยกัน 2 โมเดลย่อยแบ่งตามขนาดความจุ RAM และ ROM และ OPPO Find X9 Pro ที่เป็นรุ่นท็อปสุดของซีรีส์ในครั้งนี้ ซึ่งครั้งนี้ "OPPO Find X9 Pro" จะเป็นรุ่นที่เราจะนำมารีวิวให้ชาว Insight Daily ทุกท่านได้รู้จักกัน
OPPO Find X9 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่ชูจุดเด่นด้วยระบบกล้องถ่ายภาพที่ดีที่สุดของ OPPO ซึ่งพัฒนาร่วมกับ HASSELBLAD แบรนด์กล้องระดับโลก ที่หลายคนน่าจะรู้จักหรือคุ้นชื่อกันอย่างดี และที่เป็นไฮไลต์ก็น่าจะเป็นการถ่ายภาพระยะไกลด้วยกล้อง 200MP Hasselblad Telephoto ที่สามารถถ่ายภาพระยะไกลด้วยการซูมภาพได้มากถึง 120x โดยที่คุณภาพของภาพถ่ายที่ได้อยู่ในเกณฑ์คุณภาพด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมากับชิปประมวลผลตัวใหม่และล่าสุดอย่าง MediaTek Dimensity 9500 และแบตเตอรี่ OPPO Silicon Carbon รุ่นที่ 3 กับความจุที่มากที่สุดในมือถือเรือธงเวลานี้ 7500mAh พร้อมชาร์จไว 80W SUPERVOOC ด้วย เกริ่นมาแค่นี้ก็น่าสนใจมาก ๆ แล้วใช่ไหมครับ เอาเป็นว่าไปรู้จักสมาร์ตโฟนเรือธงที่ดีที่สุดจาก OPPO พร้อมกันด้านล่างได้เลย!
เลือกอ่านตามหัวข้อ
1. Specification / รายละเอียดสเปก
2. Design / งานออกแบบ
3. Display / หน้าจอแสดงผล
4. Camera / กล้องถ่ายรูป
5. Operating System / ระบบปฏิบัติการ
6. Performance / ประสิทธิภาพ
7. Battery / แบตเตอรี่
8. Wrap-up / บทสรุป
9. Price & Availability / ราคาและการวางจำหน่าย
Specification
รายละเอียดสเปกของ OPPO Find X9 Pro
- หน้าจอแสดงผล : AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2772 × 1272 พิกเซล (FHD+)
— Refresh Rate : 120Hz
— Touch Sampling Rate : 240Hz
— การหรี่แสงถนอมสายตา : 2160PWM
— เฉดสี โหมดพื้นฐาน : 100% DCI-P3
— เฉดสี โหมดธรรมชาติ : 100% DCI-P3
— เฉดสี โหมดสีสัน : 100% DCI-P3
— ความลึกของสี : 1.07 พันล้านสี (10-bit)
— ความหนาแน่นพิกเซล : 450 PPI
— ความสว่าง : ปกติ 800nits (Typical) | HBM 3600nits (Typical)
— กระจกหน้าจอ : Corning®Gorilla®Glass Victus® 2
— มาตรฐานการแสดงผล : HDR10+, Dolby Vision - CPU : MediaTek Dimensity 9500, Octa-core Processor
— 1x Arm C1-Ultra, 2MB L2 cache
— 3x Arm C1-Premium, 1MB L2 cache
— 4x Arm C1-Pro, 512KB L2 cache
— 16MB L3 cache
— 10MB SLC
— AI Processing Unit : MediaTek NPU 990 (Generative AI, Agentic AI) - GPU : Arm Mali-G1 Ultra MC12
- RAM : 16GB LPDDR5X
- ROM : 512GB UFS 4.1
- OS : ColorOS 16 (Base on Android 16)
- กล้องถ่ายรูป : Quad Camera | LUMO Algorithm Technology | Hasselblad Master
—กล้องหลักเลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 50MP (AF, F1.5), ระยะโฟกัส 23mm., OIS, 7P lens
— กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) ความละเอียด 50MP (AF, F2.0), FOV 120 องศา, ระยะโฟกัส 15mm., 6P lens
— กล้อง Hasselblad Telephoto ความละเอียด 200MP (AF, F2.1), FOV 34 องศา, OIS, ระยะโฟกัส 15mm., 6P lens, Macro ระยะ 10cm.
— กล้อง Mono Chrome ความละเอียด 2MP ใช้สำหรับเก็บสีสัน, 48 โซนสี, 9 ช่องสเปกตรัม
— รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K | 120fps
— โหมดถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง : ถ่ายภาพ, วิดีโอ, พอร์ตเทรต, กลางคืน, พาโนรามา, โปรวิดีโอ, SLO-MO, Long Exposure, วิดีโอกล้องคู่, ไทม์แลปส์, สติกเกอร์, XPAN, Hasselblad Hi-Res, Google Lens, ถ่ายภาพใต้น้ำ, Master, Text Scanner, Doc Scanner - กล้องหน้า ความละเอียด 50MP (AF, F2.0) | FOV 90 องศา | 5P lens
— รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K | 60fps - รองรับซิมการ์ด : 1 ซิมการ์ด + 1 eSIM
- รองรับเครือข่าย 4G | 5G
— GSM : 850 / 900 / 1800 / 1900MHz
— WCDMA : Band 1 / 2 / 4 / 5 / 6 / 8 / 19
— LTE FDD : Band 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 7 / 8 / 12 / 13 / 17 / 18 / 19 / 20 / 25 / 26 / 28 / 32 / 66 / 71
— LTE TDD : Band 38 / 39 / 40 / 41 / 42 / 48
— 5G NR : n1 / n2 / n3 / n5 / n7 / n8 / n12 / n20 / n25 / n26 / n28 / n38 / n40 / n41 / n48 / n66 / n71 / n75 / n76 / n77 / n78 / n79 - รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย
— Wi-Fi 7 (802.11be)
— Wi-Fi 6 (802.11ax)
— Wi-Fi 5 (802.11ac)
— 802.11a/b/g/n
— Wi-Fi Display
— WLAN Tethering
— Wi-Fi 2.4GHz 2×2 + Wi-Fi 5GHz 2×2 concurrent
— Wi-Fi 5GHz 160MHz
— Wi-Fi 6GHz 320MHz
— 2 × 2 MIMO - ระบบนำทาง : GPS (L1+L5), GLONASS (G1), BDS (B1I+B1C+B2a+B2b), Galileo (E1+E5a+E5b), QZSS (L1+L5), NavIC (L5)
- Bluetooth 6.0
- พอร์ต USB-C เวอร์ชั่น 3.1
- มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP68 / 69
- แบตเตอรี่ขนาดความจุ 7500mAh
— ชาร์จไวแบบมีสาย 80W SUPERVOOC
— ชาร์จแบบไร้สาย 50W AIRVOOC
— อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเครื่อง OPPO Find X9 Pro
- สายชาร์จ USB-C
- อแดปเตอร์ 80W SUPERVOOC
- เคสซิลิโคน (Soft case)
- เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
- คู่มือการใช้งานและการรับประกัน
⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ
Design
ดีไซน์ปรับใหม่ ลงตัว กระชับ และพรีเมียม
OPPO Find X9 Pro มากับงานออกแบบตัวเครื่องที่เปลี่ยนแปลงใหม่จาก OPPO Find X8 Series พอสมควร โดยเฉพาะงานออกแบบกล้องหลังที่เปลี่ยนกลับมาใช้ดีไซน์ทรงสี่เหลี่ยมแทนทรงกลมที่ใช้รุ่นก่อน ตำแหน่งโมดูลกล้องถูกจัดวางแบบสมดุล เสริมด้วยสัญลักษณ์ "H" บริเวณกล้อง True Color Camera ให้ความรู้สึกถึงแบรนด์ HASSELBLAD และความพรีเมียมไปพร้อมกัน
ส่วนไฟแฟลชถูกจับวางแยกออกมาที่ผิวหลังตัวเครื่อง โดยตัวเครื่องที่เราได้มาจะเป็น สีขาว Silk White สำหรับรุ่น Pro จะมีอีกสีด้วยคือสีเทา Titanium Charcoal ส่วนสีแดงที่หลายคนรอคอยรวมถึงผมด้วย ซึ่งทาง OPPO จะนำเข้ามาจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษจิกายนนี้ครับ
พลิกกลับมาที่ด้านหน้าพบกับจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ซึ่งทาง OPPO เลือกใช้จอแบบ Flat Display หรือจอแบนราบ พร้อมกับออกแบบให้ตัวจอกับขอบตัวเครื่องเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ รวมทั้งยังมีขอบหน้าจอ (Bazel) ที่บางเพียง 1.15 มิลลิเมตร เท่านั้น ทำให้เราสามารถรับชมคอนเทนต์ได้เต็มจอมากขึ้น นอกจากนี้ ยังติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออัลตราโซนิก 3 มิติ และวางเซนเซอร์กล้องหน้าความละเอียด 50MP ที่บริเวณกึ่งกลางจอด้านบน
ด้านซ้ายตัวเครื่อง มีปุ่มกด Shotcut ที่ทาง OPPO เรียกว่า "Snap Key" เป็นของเล่นใหม่ที่ถูกติดตั้งเข้ามาใน OPPO Find X9 Series เพื่อให้เราสามารถเรียกใช้งานฟีเจอร์ที่ต้องการใช้แบบเร่งด่วนได้ด้วยการกดปุ่มนี้เพียงปุ่มเดียว เช่น ปิดเสียงตัวเครื่อง, ไฟฉาย, แปลภาษา, จับภาพหน้าจอ ฯลฯ ซึ่งค่าเริ่มต้นจะถูกตั้งไว้เป็นกด 1 ครั้ง เพื่อจับภาพหน้าจอ และกด 2 ครั้งจะเป็นการเรียกใช้ฟีเจอร์ AI ใหม่ที่ชื่อว่า "AI Mind Space"
ด้านขวาตัวเครื่อง จะเป็นตำแหน่งปุ่มกดเพิ่ม-ลด เสียง (Volume), ปุ่มเปิด-ปิดตัวเครื่อง (Power) และปุ่ม "Quick Button" ปุ่มใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามา ใช้สำหรับเปิดเข้าใช้กล้องถ่ายรูปทันที และถ้าหากใช้ปุ่มนี้ตอนอยู่ในหน้าการถ่ายภาพ จะสามารถเลื่อนซ้าย-ขวา เพื่อซูมเข้า-ออกภาพได้ด้วย ซึ่งปุ่ม Quick Button จะมีเฉพาะรุ่น Pro เท่านั้น
ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของช่องใส่ซิมการ์ด (Nano SIM), พอร์ต USB-C (3.1) และลำโพงเสียง
⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ
Display
จอแสดงผลระดับท็อปของสมาร์ตโฟน
OPPO Find X9 Pro เป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนที่มากับจอแสดงผลคุณภาพสูงระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรมเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะมากับขอบจอที่บางเป็นระดับแถวหน้าของวงการเพียง 1.15 มิลลิเมตรแล้ว ออปโป้เลือกใช้จอแสดงผลของ OPPO Find X9 Pro เป็นจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว บนความละเอียด 2772 x 1272 พิกเซล (FHD+)
ค่ารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz, รองรับการแสดงผลของสีได้ลึกถึง 10bits, ค่าความสว่างสูงสุดที่ 3600nits และยังรองรับการแสดงผลตามมาตรฐาน ProXDR, HDR10+, Dolby Vision อีกด้วย
⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ
Camera
HASSELBLAD Master & LUMO Image Engine Technology กล้องที่เก่งขึ้น เอกลักษณ์ที่ชัดขึ้น และดีที่สุดจาก OPPO
OPPO Find X9 Pro มากับระบบกล้อง Hasselblad Master Camera System รุ่นใหม่ โดยประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP Ultra XDR มาพร้อมเซ็นเซอร์ Sony LYT 828 ขนาด 1/1.28 นิ้ว ที่ได้รับการปรับแต่งพิเศษ ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ตัวใหม่ล่าสุดของ SONY ที่พึ่งเปิดตัวไปช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
เซนเซอร์ตัวนี้ใช้เทคโนโลยี Real-time Triple Exposure ที่จะช่วยเก็บรายละเอียดของภาพทั้งในส่วนเงา, ส่วนสว่าง, โทนกลางเข้ามาด้วยขณะถ่าย ทำให้ได้รายละเอียดของไดนามิกแสงและเงาที่สมจริงจากเซนเซอร์โดยตรง และด้วยกล้องหลักของ OPPO Find X9 Pro เป็นกล้อง Ultra XDR ดังนั้นเวลาเรานำภาพถ่ายที่ได้จากกล้องหลักไปลงบน IG ก็จะแสดงผล HDR ด้วยเช่นกันครับ
และปีนี้ OPPO ก็ยกระดับความสามารถด้านเทเลโฟโต้ใหม่ ด้วยการติดตั้งกล้องเทเลโฟโต้ Hasselblad ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล ซึ่งพัฒนาร่วมกับ Hasselblad เข้ามาให้ โดยที่ตัวกล้อง Telephoto จะมาใช้เซ็นเซอร์ 200 ล้านพิกเซล ขนาด 1/1.56 นิ้ว จับคู่กับเลนส์เกรดอากาศยานที่ได้รับการรับรองจาก Hasselblad มีค่ารูรับแสง f/2.1 และระยะโฟกัสเริ่มต้นถ่ายที่ระยะ 3x และมีระยะถ่ายใกล้สุด 10 ซม. (Macro Mode) สำหรับการถ่ายภาพมาโคร ซึ่งทาง OPPO ได้พัฒนากระบวนการ Active Optical Alignment ที่ทำให้เลนส์และเซ็นเซอร์ทำงานตรงกันอย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มความละเอียดขึ้นอีก 15% ด้วย
ส่วนกล้องอีกสองตัวจะเป็นกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง f/2.0 ให้มุมมองภาพ (FOV) 120 องศา ใช้เลนส์กล้อง 6P Lens มีระบบโฟกัสภาพ AF และกล้อง True Color สำหรับเก็บข้อมูลและรายละเอียดของสี (สเปกตรัม) เพื่อนำไปประมวลผลให้ภาพถ่ายมีสีสันที่เที่ยงตรง เป็นธรรมชาติแบบเรียลไทม์ ทำให้เราได้ภาพถ่ายทีมีสกินโทนตรง สีท้องฟ้าเป็นธรรมชาติไม่เว่อร์เกิน รวมถึงสภาพแสงที่เป็นธรรมชาติเหมือนกับตาเราเห็น
อินเทอร์เฟซกล้องของ OPPO Find X9 Pro
— LUMO Image Engine Technology
LUMO Image Engine เป็นชุดอัลกอริทึมการประมวลผลภาพถ่ายของ OPPO ที่ช่วยเพิ่มความคมชัด ช่วงไดนามิก และสีสัน พร้อมกับรักษาความเป็นธรรมชาติของภาพถ่าย ด้วยการสร้างกระบวนการถ่ายภาพใหม่ด้วย Parallel Computing Engine จึงทำงานได้มากขึ้น แต่ใช้ทรัพยากรด้านประสิทธิภาพบนตัวเครื่องที่ลดลง โดยลดการใช้ CPU ลงสูงสุด 50% ลดการใช้หน่วยความจำลง 60% และใช้พลังงานน้อยลง 50% ทำให้สามารถถ่ายภาพและวิดีโอความละเอียดสูงได้ต่อเนื่องและยาวนาน โดยกล้องไม่เกิดโอเวอร์โหลด
ประสิทธิภาพของ LUMO Image Engine ยังช่วยปลดล็อกศักยภาพของเซ็นเซอร์ความละเอียดสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในเวลากลางวันที่สว่างผู้ใช้สามารถถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซลตามค่าเริ่มต้นของกล้องได้ ซึ่ง OPPO Find X9 Pro เป็นสมาร์ตโฟนไม่กี่รุ่นในตลาดมือถือตอนนี้ที่สามารถถ่ายภาพเริ่มต้นตั้งแต่เปิดเครื่องด้วยความละเอียดสูง 50MP รวมทั้งยังให้รายละเอียดมากกว่าภาพมาตรฐาน 12 ล้านพิกเซลถึงสี่เท่า
และเมื่อจำเป็นต้องถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยหรือสถานการณ์ที่ท้าทายอื่นๆ กล้องจะสลับไปใช้โหมด 25 ล้านพิกเซลหรือ 12 ล้านพิกเซล ให้อัตโนมัติทันที โดยใช้วิธีการรวมพิกเซลเพื่อควบคุมสัญญาณรบกวนได้ดี และนี้แหละครับก็คือความเก่งของ LUMO Image Engine ที่เป็นอัลกอรึทึมด้านการถ่ายภาพที่ทำงานร่วมกับ Hasselblad Master Camera System ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์หรือชุดกล้องที่ Verify มาตรฐานโดย HASSELBALD ทำให้การถ่ายภาพบน OPPO Find X9 Pro มีคุณภาพและมาตรฐานการถ่ายภาพระดับมืออาชีพเลยก็ว่าได้ เราลองไปชมตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องทรงพลังชุดนี้บน OPPO Find X9 Pro ที่ผมเก็บมาฝากกันครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก OPPO Find X9 Pro
— HASSELBLAD XPAN
เป็นโหมดถ่ายภาพที่อยู่บนกล้องของ OPPO Find X Series มาอย่างยาวนาน โดยโหมดถ่ายภาพนี้จะเป็นการถ่ายภาพในอัตราส่วนแนวนอนเหมือนซีนในภาพยนตร์ เหมาะสำหรับใช้ถ่ายวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ เพื่อสร้างอารมณ์ของภาพให้ลึกซึ้งขึ้น
ซึ่งครั้งนี้ได้รับการพัฒนาด้านอินเทอร์เฟซใหม่ให้เหมือนกับการใช้กล้อง HASSELBLAD ถ่าย โดยเฉพาะปุ่มชัตเตอร์สีส้มที่ทำให้ได้ฟีลลิ่งมาก พร้อมกับเพิ่มฟิลเตอร์โทนสีภาพเข้ามาใหม่ด้วย ทำให้ภาพถ่ายจากโหมด XPAN มีความเป็น Cinematic สไตล์ HASSELBLAD ยิ่งขึ้นมาก ๆ ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด HASSELBLAD XPAN
— HASSELBLAD HI-RES
เป็นฟีเจอร์ถ่ายภาพความละเอียดสูง ซึ่งเราสามารถถ่ายภาพด้วยความละเอียดที่สูงที่สุดบนตัวเครื่องด้วยโหมดนี้ครับ โดยที่ความละเอียดสูงสุดจะอยู่ที่ 200MP ทำให้เราจะได้ภาพถ่ายที่คมชัดทั้งภาพ คมถึงขนาดนำไฟล์ภาพที่ได้ไปปริ้นออกมาใส่กรอบตั้งโต๊ะยังสวยเลยล่ะครับ
ในโหมดถ่ายภาพนี้ เราจะปรับระยะซูมถ่ายได้เพียง 3 ระยะ คือ 0.6x, 1x และ 3x โดยที่ความละเอียดของภาพถ่ายเริ่มต้นที่ 50MP และสูงสุดที่ 200MP
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด HASSELBLAD HI-RES
— 4K MOTION PHOTO
เป็นอีกหนึ่งโหมดความละเอียดสูงที่อยู่ในโหมดถ่ายภาพ HASSELBLAD HI-RES โดยจะเป็นการนำเสนอฟีเจอร์ภาพเคลื่อนไหว 4K หรือ '4K Motion Photo' ซึ่งเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมที่ยกระดับความละเอียดของวิดีโอจาก 1080p ที่ใช้บนสมาร์ตโฟนเกือบทุกแบรนด์ที่รองรับฟีเจอร์ Motion Photo ให้เป็นความละเอียด 4K ทำให้เราได้ผลลัพธ์ของภาพในฟีเจอร์ Motion Photo ที่คมชัดยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เมื่อเราต้องการที่จะแยกเฟรมใด ๆ จากวิดีโอ Motion Photo ให้ออกมาเป็นภาพนิ่งก็จะได้ภาพนิ่งที่มีความละเอียดสูงด้วยเช่นกันครับ เหมาะมาก ๆ ในเหตุการณ์ที่เราต้องการโมเมนต์อื่น ๆ ของภาพเพิ่มเติม
— 4K/120fps VDO Record
ความสามารถด้านการถ่ายวิดีโอระดับก็น่าประทับใจไม่แพ้กันครับ OPPO Find X9 Pro รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K 120 fps พร้อมมาตรฐาน Dolby Vision HDR บนกล้องหลัก โดย Find X9 Pro ได้ขยายความสามารถนี้ไปยังกล้อง Hasselblad Telephoto ความละเอียด 200MP ที่มากับตัวเครื่องด้วย ดังนั้นจึงรองรับการบันทึกไฟล์วิดีโอ LOG ที่ได้รับการรับรอง ACES ทำให้ได้ไฟล์วิดีโอที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูล และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปรับแต่งสีวิดีโอ สำหรับคนที่ชอบนำไฟล์วิดีโอไปขุดสีต่อ และที่ต้องชมเลยคือ ทาง OPPO ใส่ "Master Motion Photo" มาให้เลย ทำให้เราสามารถตัดต่อหรือแก้ไขไฟล์วิดีโอแบบง่าย ๆ จากบนเครื่องได้เลย
ตัวอย่างวิดีโอ 4K จากกล้อง OPPO Find X9 Pro
— HASSELBLAD Portrait
เป็นโหมดถ่ายภาพที่ถูกปรับจูนมาให้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ ทั้งแสงสีเงาทั้งหมดคือจูนมาเพื่อการถ่ายภาพพอร์ตเทรตจริง ๆ ซึ่งในโหมดนี้ตัวซอฟต์แวร์จะคิดมาให้แล้วว่า ควรใช้ปัจจัยอะไรในการถ่ายภาพบ้าง ดังนั้นเราจะถูกล็อกระยะถ่ายไว้ 5 ระยะ ที่เหมาะสมกับการถ่ายภาพพอร์ต คือ ระยะ 1x, 1.5x, 2x, 3x และ 3.6x ที่เป็นระยะถ่ายที่ทาง OPPO นำเสนอว่าสวยและคมที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีฟิลเตอร์แสงและฟิลเตอร์โทนสี Exclusive มาให้ใช้เหมือนเดิม รวมถึงโหมดบิ้วตี้ที่เป็นเอกลักษณ์ของ OPPO ที่หลายคนชื่นชอบก็มีมาให้เหมือนเดิมครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait
— TELEPHOTO Macro
การถ่ายภาพมาโครด้วยกล้อง OPPO Find X9 Pro ที่จะใช้กล้อง 200MP Hasselblad Telephoto ทำหน้าที่หลักในการถ่ายภาพ ซึ่งต้องมีระยะห่างจากวัตถุประมาณ 10 เซนติเมตร จึงจะสามารถโฟกัสภาพได้ ส่วนผลงานหลังกล้องนั้น ให้ดีเทลเล็กจิ๋วได้คมชัดแบบไม่น่าเชื่อ โฟกัสใกล้วัตถุได้เนียนและเก็บพื้นผิว-แสงเงาได้สวย สีสันแม่น โบเก้ละมุน (เลือกได้ว่าจะเบลอหลังไหม) ทำให้การถ่ายดอกไม้ แมลง ของจิ๋ว สนุกขึ้น และได้ภาพที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
ตัวอย่างภาพถ่าย Macro
— HASSELBLAD MASTER MODE
เป็นถ่ายภาพสำหรับคนที่ต้องการปรับค่าของกล้องสำหรับการถ่ายภาพด้วยตนเอง ซึ่งเราสามารถปรับค่า ISO ความเร็วชัตเตอร์ โฟกัส และสมดุลแสงขาวได้เหมือนกล้องมือโปร หรือจะเลือกสลับมาเป็นออโต้โหมดเพื่อใช้ 16 พรีเซ็ตที่ปรับแต่งไว้ให้จาก HASSELBLAD ก็ได้เช่นกันครับ และยังสามารถเลือกไฟล์ของภาพที่เราต้องการได้ด้วยตนเอง โดยไฟล์ภาพที่สามารถเลือกได้จะมีไฟล์ JPG, JPGmax, RAW, RAW Max, ProXDR
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก HASSELBLAD Master Mode
— 200MP HASSELBLAD Telephoto 120x Super Zoom for Concerts
OPPO Find X9 Pro ได้รับการออกแบบมาให้เป็นเพื่อนที่รู้ใจและพึ่งพาได้สำหรับกิจกรรมคอนเสิร์ตโดยเฉพาะเลยครับ นอกจาก OPPO พัฒนาเลนส์ซูมร่วมกับ HASSELBLAD จนได้กล้อง 200MP HASSELBLAD Telephoto 120x Super Zoom ที่มาบนเครื่องแล้ว ในด้านผลลัพธ์ก็สามารถมอบการถ่ายภาพซูมที่เป็นแถวหน้าของอุตสาหกรรมได้ทั้งในการถ่ายภาพและวิดีโอ และยังมอบการซูมถ่ายด้วยภาพถ่ายคุณภาพสูงแบบไร้การสูญเสีย (Loseless) สูงสุดถึง 13.2 เท่า
และยังมีซอฟต์แวร์อัลกอริทึม 120x Super Zoom ของ OPPO เข้าไปช่วยปรับปรุงรายละเอียดหลังถ่าย เพื่อให้ได้ภาพถ่ายซูมที่คมชัดขึ้นถึงแม้จะซูมถ่ายที่ระยะไกลสูงสุดถึง 120 เท่า รวมทั้งยังมี "Stage Mode" ที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายกิจกรรมคอนเสิร์ตโดยเฉพาะของ OPPO ด้วย ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพคอนเสิร์ตด้วยคอนทราสต์และโทนสีที่คมชัดยิ่งขึ้น สามารถมอบอรรถรสและบรรยากาศของคอนเสิร์ตให้กับผู้คนที่มาชมภาพเราภายหลังได้ด้วยครับ ลองไปชมภาพถ่ายตัวอย่างจากคอนเสิร์ตกันครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายซูมด้วยกล้อง 200MP HASSELBLAD Telephoto 120x Super Zoom
ตัวอย่างภาพถ่ายเพิ่มเติม
— OPPO AI Editor ใช้ AI ช่วยปรับแต่งรูปถ่ายหลังการถ่ายภาพ
AI Portrait Glow
ประกาศตัวเป็นพาร์ทเนอร์หลักด้าน AI กับทาง Google ดังนั้นก็คงไม่พลาดที่จะอัปเกรดด้าน AI กับการถ่ายภาพเข้ามาด้วย โดยครั้งนี้ OPPO Find X9 Pro จะมีฟีเจอร์ OPPO AI ในกลุ่ม AI Editor หรือการแก้ไขภาพถ่ายด้วย AI เข้ามาใหม่ 1 ฟีเจอร์ นั่นก็คือ AI Portrait Glow
AI Portrait Glow เป็นการใช้ความเก่งของ AI เข้ามาวิเคราะห์และปรับปรุงแสงบนภาพถ่ายพอร์ตเทรตโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าให้มีความเหมาะสมและสวยที่สุดในช็อตนั้น ๆ ให้ ซึ่งถ้าเรายังไม่พอใจกับการนำเสนอของ AI ก็สามารถเลือกปรับเพิ่มหรือลดแสงได้ด้วยตนเองเช่นกันครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก AI Portrait Glow
นอกจากฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว AI Editor ของเดิมอีก 6 ฟีเจอร์ ก็ยังคงใส่มาให้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็น
- AI Eraser : ใช้ AI ลบวัตถุหรือบุคคลในภาพ
- AI Recompose : ปรับมุมมองของภาพให้เหมาะสมและสวยตามองค์ประกอบในภาพด้วย AI
- AI Best Face : เปลี่ยนใบหน้าของบุคคลในภาพให้เหมาะสมด้วย AI โดยจะใช้ฐานข้อมูลใบหน้าจากคลังภาพ (Gellery) บนตัวเครื่อง ทำให้แม่นยำและสมจริง
- AI 4K UHD : อัปสเกลภาพให้มีความละเอียดสูงระดับ 4K ด้วย AI
- AI Unblur : แก้ไขภาพถ่ายที่เบลอด้วย AI
- AI Reflection : ลบเงาสะท้อนจากกระจกในภาพถ่ายด้วย AI
⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ
Operating System
ColorOS 16 ซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดของออปโป้ กับประสบการณ์ใช้งานที่ดี ลื่นไหล ชาญฉลาด และเข้าใจง่าย
OPPO Find X9 Pro ทำงานบน "ColorOS 16" ซอฟต์แวร์ OS ที่ดีที่สุดของ OPPO และ OPPO ได้พัฒนาขึ้นมาเองโดยใช้พื้นฐานของ Android 16 ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ได้พัฒนาและปรับปรุงใหม่ยกชุด ไล่ตั้งแต่อินเทอร์เฟซ (UI) ที่รอบนี้ใช้ Luminous Rendering Engine มาเป็นเอนจิ้นในการเรนเดอร์อนิเมชั่นต่าง ๆ ซึ่งเป็นการใช้สถาปัตยกรรมใหม่แบบ Unified Seamless Architecture ทลายข้อจำกัดระหว่างโมดูลภายใน ทำให้การเรนเดอร์อนิเมชั่นต่าง ๆ เป็นอิสระ ลื่นไหล และตอบสนองได้ทันที ส่งผลให้การแตะสลับหรือเปิดปิดหน้าต่างแอปฯ ทำได้เนียนตาและเนียนนิ้วมากขึ้นจากรุ่นก่อน
ยังไม่พอ! OPPO ยังยกเอนจิ้นของเก่าคู่บุญที่อยู่กันมานานอย่าง Trinity Engine มาอัปเกรดใหม่ ทำให้ได้ใช้งาน Dynamic Frame Sync ในระดับชิป ซึ่งเป็นรุ่นแรกของอุตสาหกรรมที่ได้ใช้งานด้วย โดย Trinity Engine จะทำหน้าที่คอยผสานการทำงานของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างกระบวนการประมวลผลเฉพาะสำหรับอนิเมชัน พร้อมกับจัดสรรประสิทธิภาพอย่างแม่นยำ ทำให้ได้ผลลัพธ์ด้านประสบการณ์ภาพที่ลื่นไหล ตอบสนองรวดเร็ว และ ประหยัดพลังงานอย่างยอดเยี่ยม แม้ตัวเครื่องจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีการประมวลผลหนักก็ตามครับ
นอกจากการปรับปรุงในระดับโครงสร้างแล้ว ColorOS 16 ยังมากับฟีเจอร์อำนวยความสะดวกในการใช้งานที่มีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ครบเครื่อง โดยเฉพาะการเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์ม O+ Connect ที่ยังคงมีมาให้เหมือนเดิม ซึ่งฟีเจอร์นี้จะทำให้เราสามารถรับส่งไฟล์ภาพและวิดีโอข้ามไปมาระหว่าง OPPO Find X9 Pro และ iPhone ได้ รวมทั้งยังมากับฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ ที่ทาง OPPO ได้ร่วมมือกับเจ้าพ่อ AI อย่าง Google ในการนำเอา Gemini เข้ามา Integrate ใช้งานแบบเนทีฟบนตัวเครื่อง
— AI MIND SPACE
เป็นหนึ่งในคุณสมบัติ AI ตัวใหม่ ที่ทาง OPPO ได้พัฒนาขึ้นมาร่วมกับ Google ในการใช้ AI Integrate ของ Gemini ครับ โดยความสามารถของ AI Mind Space คือ การเป็นพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลที่เจ้าของเครื่องสนใจไว้ ผ่านการจับภาพหน้าจอด้วย AI
แล้วนำภาพที่มีข้อมูลเหล่านั้นมารวมไว้ในพื้นที่ AI Mind Space เพื่อให้เราสามารถใช้ AI ในการค้นหาข้อมูล หรือดึงข้อมูลจากภาพดังกล่าวออกมาใช้งาน หรือจะให้ AI วิเคราะห์สิ่งเราที่สนใจหรือสงสัยย้อนหลังก็ได้เช่นกัน เหมาะสำหรับใครที่เวลาเจออะไรแล้วชอบแคปภาพเก็บไว้ดูย้อนหลังมาก ๆ ครับ
⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ
Performance
MediaTek Dimensity 9500 x Trinity Engine ชิปประมวลผลประสิทธิภาพมาตรฐานเรือธง
ด้านประสิทธิภาพการทำงานคงไม่ต้องบรรยายอะไรเยอะแล้วล่ะครับ ด้วยการที่เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงและเป็นรุ่นท็อปสุดของแบรนด์ด้วย ดังนั้นจึงการันตีได้ถึงความแรงขั้นสุดที่รองรับการใช้งานตั้งแต่พื้นฐาน การเล่นเกมระดับสูง ไปจนถึงการใช้งานระดับสูงสุดได้ทั้งหมด โดย OPPO Find X9 Pro มากับชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 9500 ชิปเซ็ตตัวท็อปของค่าย MediaTek ในเวลานี้
ตัวชิปผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิต TSMC ระดับ 3 นาโนเมตร และใช้สถาปัตยกรรมชิป ALL BIG Core Design รุ่นที่ 3 ของ MediaTek โดยที่ Core หลักและ Core เดี่ยวเป็น C1-Ultra ให้ค่า IPC หรือค่ารอบสัญญาณนาฬิกาที่สูงขึ้นจากรุ่นก่อน 10% ทำงานร่วมกับ 3 x C1-Premium และ 4x C1-Pro ที่เป็นคอร์ช่วยทำงานในระดับเบา-กลาง และมี GPU เป็น ARM Mali G1 Ultra MC12 เป็นชิปประมวลผลกราฟิกให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น 33% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 42% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ตัวชิปรันทดสอบด้วยโปรแกรมทดสอบ Antutu Benchmark ทำคะแนนรวมได้ประมาณ 3M ขึ้นไป
ในขณะที่ด้านซอฟต์แวร์ด้านการประมวลผล OPPO ใช้ Trinity Engine เข้ามาช่วยบริหารจัดการทรัพยากร การจัดลำดับคิวการทำงานหลายอย่างพร้อมกันอย่างเป็นระบบ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ราบรื่น ช่วยควบคุมการประมวลผลภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดบนตัวเครื่อง ทำให้ทุกการใช้งานลื่นไหล การบันทึกวิดีโอเฟรมเรตสูงคงที่ และยืดอายุแบตเตอรี่ได้ตลอดวันด้วย รวมถึงการฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามาด้วย เช่น Chip-Level Dynamic Frame Sync เพื่อความลื่นไหลยิ่งขึ้นในสถานการณ์ที่มีความเครียดสูง, Unified Computing Power Model ที่ให้ความแม่นยำในการคาดการณ์การใช้พลังงานมากกว่า 90% และ Sensor Offload ส่งผลให้การใช้พลังงานลดลง 16.1% ในระหว่างการบันทึกวิดีโอ HDR 4K/60fps
ผลคะแนนการทดสอบประสิทธิภาพด้วย Benchmark
⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ
Battery
แบตเตอรี่ขนาด 7500mAh พร้อมชาร์จไว 80W SUPERVOOC
OPPO Find X9 Pro มากับแบตเตอรี่ Silicon Carbon รุ่นที่ 3 ของ OPPO จึงทำให้มากับความจุแบตเตอรี่ที่มากถึง 7500mAh โดยที่ยังรักษาขนาดและความบางของตัวแบตเตอรี่ไว้ได้ ซึ่งเป็นขนาดความจุของแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน 26.9% (OPPO Find X8 Pro แบตเตอรี่ 5,910mAh) ทำให้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ตลอดวันหรือข้ามวันได้ด้วยการชาร์จครั้งเดียว
นอกจากนี้ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยังใช้ได้ยาวนานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป โดยทาง OPPO เคลมว่าสามารถใช้งานต่อเนื่องโดยแบตเตอรี่ยังคงรักษาความจุในระดับ 80% ขึ้นไปแม้จะผ่านการใช้งานมาแล้ว 5 ปี
และถึงแม้จะมากับแบตเตอรี่ความจุที่มากจนแถบไม่ต้องชาร์จในระหว่างวันแล้ว แต่ด้านการชาร์จทาง OPPO ก็ติดตั้งเทคโนโลยีชาร์จไว 80W SUPERVOOC ทั้งแบบมีสายที่แถมอแดปเตอร์มาให้ในกล่องพร้อมใช้ และแบบไร้สาย 50W AIRVOOC มาให้ด้วย รวมถึงการชาร์จให้กับอุปกรณ์อื่น 10W Reverse Wireless Charging และยังรองรับการชาร์จไวผ่านอุปกรณ์มาตรฐาน PD (Power Delivery) จากผู้ผลิต Third Party ที่ความเร็วสูงสุด 55W ด้วย
⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ
Wrap-up
บทสรุป OPPO Find X9 Pro
สำหรับ OPPO Find X9 Pro ว่ากันตามจริงผมก็แทบจะไม่ต้องสรุปอะไรให้มากความแล้วล่ะครับ เพราะนี้คือสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดของ OPPO ประเทศไทย ในเวลานี้ ดังนั้นใครที่ชื่นชอบประสบการณ์การใช้งานของมือถือ OPPO ต้องการความเป็นที่สุดของแบรนด์ ชื่นชอบระบบกล้อง ชอบฟีเจอร์ สกินโทน โทนสีของภาพถ่าย หรือฟีลลิ่งของภาพ รวมถึงเทคโนโลยีกล้องทั้งหมดที่ดีสุดของออปโป้ด้วย ทั้งหมดที่ว่ามาถูกจับมาใส่ไว้ใน "OPPO Find X9 Pro" ไว้เรียบร้อยครับ
ส่วนคำถามที่ว่า เลือกรุ่นไหนดี? ระหว่าง OPPO Find X9 หรือ OPPO Find X9 Pro ตรงนี้ ส่วนตัวผมก็แนะนำว่าถ้าไม่ได้มีเหตุที่ต้องใช้เลนส์ซูมระดับไปงานคอนเสิร์ตบ่อย ๆ เอาแค่ OPPO Find X9 ก็เพียงพอต่อการถ่ายภาพในชีวิตประจำวันหรือตอนไปเที่ยวทริปต่าง ๆ แล้วล่ะครับ เพราะทั้งสองรุ่นนั้นถึงจะมีจุดแตกต่างกันอยู่พอสมควร แต่ในด้านภาพรวมของประสบการณ์การถ่ายรูปไม่แตกต่างกันแบบขาดลอยอะไรมากนักครับ เพราะฉะนั้นถ้าซีเรียสเรื่องงบประมาณ ก็เอาแค่รุ่นมาตรฐานก็เพียงพอแล้วเช่นกัน สำหรับใครที่สนใจก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของ OPPO Find X9 Series ได้แล้ววันนี้ครับ
⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ
Price & Availability
ราคา การวางจำหน่าย และโปรโมชัน
OPPO Find X9 Series พร้อมวางจำหน่ายแล้วววันนี้! โดยOPPO Find X9 มาพร้อม 2 สีสุดโดดเด่น ได้แก่ สีดำ Space Black และ สีเทา Titanium Grey มีให้เลือกสองรุ่นความจุ ได้แก่ OPPO Find X9 (12GB +256GB) วางจำหน่ายในราคา 29,999 บาท และ OPPO Find X9 (16GB + 512GB) ราคา 34,999 บาท
และสำหรับ OPPO Find X9 Pro (16GB + 512GB) มาพร้อม 2 สีสุดคลาสสิก ได้แก่ สีขาว Silk White และ สีเทา Titanium Charcoal วางจำหน่ายในราคา 42,999 บาท (*สำหรับ สีแดง Velvet Red ของทั้งสองรุ่น จะเตรียมนำเข้าในช่วงเดือนพฤษจิกายนนี้)
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของ OPPO Find X9 Series เมื่อสั่งซื้อตั้งวันที่ 7 - 30 พฤศจิกายน 2568 จะได้รับของสมนาคุณพิเศษมูลค่าสูงสุด 23,348 บาท ดังนี้
- E-VIP Card ประกันหน้าจอแตก 2 ปี
- Google AI Pro ฟรี 3 เดือน
- Light Luxury Magnetic Case
และสามารถเป็นเจ้าของ OPPO Find X9 Series ได้ง่ายมากขึ้นด้วยโปรโมชันมากมายดังต่อไปนี้
- เป็นเจ้าของ OPPO Find X9 Series ได้ง่ายกว่าที่เคยด้วย SG Finance+ดาวน์เริ่มต้น 0% ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- พิเศษสำหรับผู้ที่สนใจ OPPO Find X9 Series เป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย UFUND ดาวน์เริ่มต้น 0 บาท ผ่อนสบายสูงสุด 48 เดือน ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- สำหรับลูกค้าที่จองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย AIS และ True-dtac จะได้รับส่วนลดสูงสุด 11,000 บาท
- สามารถนำเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ผ่านโปรแกรม Trade up เพื่อรับส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท
สำหรับลูกค้าที่สนใจชุดเลนส์เสริม OPPO Hasselblad จัดจำหน่ายในราคา 6,999 บาท สามารถใช้ได้กับ OPPO Find X9 Pro เท่านั้น โดยจะมีจำหน่ายเฉพาะ OPPO Brand Shop บางสาขา และช่องทางออนไลน์ OPPO Official เท่านั้น
*หมายเหตุ
- ลูกค้าต้องกดรับสิทธิ์ E-VIP Card ประกันจอแตกจํานวน 1 ครั้ง ภายในระยะเวลา 2 ปี ผ่าน MY OPPO เท่านั้น
- ลูกค้าต้องกดรับสิทธิ์ 180 Days Replacement Service ผ่าน MY OPPO ภายใน 30 วันเท่านั้น นับจากวันที่รับเครื่อง
- ลูกค้าต้องกดรับสิทธิ์ Google AI Pro ฟรี 3 เดือนผ่าน Google One หรือ Gemini App ภายใน 30 วันเท่านั้น นับจากวันที่รับเครื่อง
พร้อมทั้งบริการ Premium Service 180 Days Replacement Service หรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ 1 ครั้ง ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่รับเครื่อง หากเครื่องเกิดความเสียหายภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน ลูกค้าสามารถใช้สิทธินี้เปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ฟรี 1 ครั้ง
*ของสมนาคุณมีจํานวนจํากัด ไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้ และเฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ
**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กําหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิก เปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
#OPPOFindX9SeriesTH
#ซูมดีทุกคอนเสิร์ต
#กล้องHasselbladซูมชัด200MP
⇑ ย้อนกลับไปเลือกหัวข้อ
—————
▶︎ อัปเดตข่าวสาร และบทความต่างๆ
คลิกดูต่อที่ insight-daily.com ได้เลย!