โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไทยต้องฟังใครไหม ‘อนุทิน’กร้าว! ‘ทรัมป์’ มั่วเหยียบกับระเบิดเป็นอุบัติเหต

ไทยโพสต์

อัพเดต 14 ธันวาคม 2568 เวลา 4.06 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ประธานาธิบดีสหรัฐ" ยกหูคุยผู้นำ "ไทย-เขมร" แล้ว พอวางสายพูดไปคนละทาง "ทรัมป์" แสบมาก! โพสต์ในโซเชียลอ้างทหารไทยเหยียบกับระเบิดเป็นอุบัติเหตุ ส่วนไทยตอบโต้หนักไปหน่อย "อนุทิน" โต้ไม่ใช่เหตุการณ์อุบัติเหตุริมถนนอย่างแน่นอน ลั่นไทยจะยังคงดำเนินการทางทหารต่อไป จนกว่าจะรู้สึกว่าไม่มีอันตรายหรือภัยคุกคามใดๆ นาทีนี้ยังไม่จำเป็นต้องฟังใคร ย้ำเขมรเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

ช่วงดึกคืนวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดแถลงข่าวหลังได้หารือทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เวลา 21.26 น. ซึ่งใช้เวลาพูดคุยกันเป็นเวลาเกือบ 20 นาที

นายอนุทินเผยว่า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐร่วมด้วย ซึ่งการพูดคุยเป็นไปด้วยบรรยากาศที่ดี ประธานาธิบดีสหรัฐมีความเป็นห่วงในสถานการณ์ อยากจะให้ทุกอย่างกลับไปยังจุดที่เคยเป็น คือ Joint Declaration (ปฏิญญาร่วม) ที่เคยเซ็นที่ประเทศมาเลเซีย

"ผมยืนยันกับท่านประธานาธิบดีสหรัฐว่า ประเทศไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขมาตลอด ไม่เคยออกนอกเงื่อนไขเลยแม้แต่น้อย แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิด ถ้าเป็นการละเมิดด้วยการปฏิบัติ เช่น การไม่ถอยกำลังออกไป ไม่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต เราก็จะต้องมาพูดคุยกันให้เขาปฏิบัติ แต่ถ้าเกิดการละเมิดโดยที่ทำให้ฝ่ายไทยมีการสูญเสียอวัยวะ ชีวิต และทรัพย์สิน ประเทศไทยก็มีความจำเป็นที่จะต้องตอบโต้เพื่อป้องกันอธิปไตย ทรัพย์สิน และสุดท้ายที่เราต้องดำเนินการสูงสุดคือการป้องกันชีวิตประชาชนของเรา"

นายกฯ กล่าวว่า นี่คือเหตุที่ต้องอธิบายประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่เช่นนั้นท่านจะเข้าใจว่าเราเป็นฝ่ายจู่โจมรุกรานกัมพูชา ซึ่งไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่เราตอบโต้ ซึ่งบางครั้งต้องทำให้เขาได้ยินว่าอย่ามาทำแบบนี้กับเรา เราไม่ใช่ประเทศที่คุณอยากจะทำอะไรคุณก็มาทำได้

ยันไทยเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน

"ผมเชื่อว่าคนที่ไม่ได้เป็นคู่สัญญาอย่างเรากับกัมพูชา ถ้าเกิดใครพูดกับใครเขาก็คงใช้ข้อมูลฝ่ายเดียวไม่ได้ ดังนั้นเขาก็ต้องมาฟังข้อมูลจากฝ่ายไทยซึ่งเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำก่อน"

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้บอกกับสหรัฐหรือไม่ว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง นายอนุทินตอบว่า นี่เป็นเรื่องของประเทศไทย ทำไมจะต้องเอาเรื่องการเลือกตั้งมาเกี่ยวข้องกับการปกป้องอธิปไตยหรือการป้องกันประเทศ ตอนนี้ต้องพูดถึงว่าทำอย่างไรที่จะไม่ทำให้ทหารหรือประชาชนต้องได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากการรุกรานยิงจรวด ยิงระเบิด ยิงกระสุนเข้ามาจากฝั่งกัมพูชา เรื่องการเมืองหรือเรื่องเลือกตั้งไม่มีความสำคัญกับตนเลยแม้แต่น้อยเท่ากับชีวิตคนคนหนึ่งที่อยู่ตามแนวชายแดนที่เป็นคนไทย

เมื่อถามว่า หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐได้ฟังแล้วมีคำพูดอะไรกลับมาบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ท่านบอกว่าท่านเข้าใจ ถ้ามีเรื่องแบบนี้ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่อสายตรงถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ตลอดเวลา และท่านก็บอกว่าถ้ามีอะไรให้ตนโทร.หาท่านได้ตลอดเวลาเช่นกัน

"เพียงแต่ท่านยังไม่บอกเบอร์ผม ซึ่งผมก็เรียนกับท่านว่าคงยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะคิดว่าประเทศไทยรับมือต่อสถานการณ์ได้ ขณะเดียวกันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยก็มีการพูดคุยกับทางสหรัฐหลายระดับเป็นประจำอยู่แล้ว"

ซักว่า วันนี้สหรัฐยังไม่ได้กดดันให้เราหยุดยิงใช่หรือไม่ นายกฯ เผยว่า ประธานาธิบดีสหรัฐก็อยากให้หยุดยิง ซึ่งตนได้บอกไปว่าขอให้ไปบอกเพื่อนเราดีกว่าว่าอย่าบอกว่าหยุดยิงเฉยๆ แต่ต้องบอกให้โลกรู้ว่ากัมพูชาจะหยุดยิง จะถอนกำลังออกไป จะเก็บกู้วัตถุระเบิดที่วางเอาไว้ออกไปให้หมด และจะทำให้เห็น ถ้าเป็นแบบนั้น ประเทศไทยอยู่เฉยๆ ไม่เคยอยากจะเข้าไปได้อะไรของเขาอยู่แล้ว แต่เขาต้องหยุดทุกอย่างก่อน นี่เป็นสิ่งที่กองทัพได้รายงานกับตนมาตลอด

ไม่ใช่ว่าจะรบลูกเดียว

เขากล่าวว่า มันจะถึงจุดนี้เมื่อวันที่เราเก็บกู้ระเบิดภายใต้ Joint Declaration ไปถึงจุดที่เราจะเจอเยอะมาก แล้วเขาจะไม่ยอมให้เราเข้าไป เราได้เก็บมา 2-3 สัปดาห์ โดยมี ASEAN Observer Team (AOT) เป็นสักขีพยานของนานาชาติจากอาเซียนมาร่วมกับเรา และวัตถุระเบิดที่เราไปเก็บกู้มาหรือระเบิดที่ทำให้ทหารเราบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นระเบิดใหม่เพิ่งวาง ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดสัญญา ดังนั้นคนที่ละเมิดสัญญาต้องแก้ไข ไม่ใช่คนที่ถูกกระทำมาแก้ไข เป็นหลักสากลที่ทุกคนต้องเข้าใจ

นายอนุทินกล่าวย้ำว่า ไม่ใช่ว่าจะรบลูกเดียว ไม่มีใครอยากรบและไม่มีใครอยากเห็นคนเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ แต่อธิปไตยและดินแดนของไทย หากตนยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ จะไม่ยอมให้ถูกกลั่นแกล้ง ไม่ยอมให้ถูกละเมิด ไม่ยอมให้ถูกลอบยิง เพราะฝ่ายบริหารประเทศมีความขัดแย้งกัน แต่ประชาชนไม่รู้เรื่องอะไร เรื่องนี้ตนก็ยอมไม่ได้เช่นกัน

ถามย้ำว่า ฝ่ายไทยยังพอมีเวลาในการยึดพื้นที่คืนหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า วันนี้ได้หารือกับกองทัพและกระทรวงกลาโหม ซึ่งทุกท่านมีความมั่นใจ และต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน และมีเป้าหมายเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าทำไมทรัมป์เลือกที่จะคุยกับฝ่ายไทยก่อน นายอนุทินบอกว่า คิดว่าเขาได้คุยกับทางกัมพูชามาก่อนแล้ว เพราะดูท่าทางแล้วไม่ได้คุยกับฝ่ายไทยก่อน ซึ่งได้ข้อมูลผิดๆ มาว่าเราเป็นคนรุกราน ซึ่งเราใช้กองกำลังทางอากาศ ก็ดูเหมือนว่าเราเป็นฝ่ายรุกราน เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ค้าน ซึ่งเราไม่ได้เป็นฝ่ายรุกราน แต่เป็นการตอบโต้

เมื่อถามว่า บรรยากาศการคุยท่าทีของสหรัฐเชื่อเราหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศอธิปไตย เขาต้องเชื่อเรา ผมไม่ได้พูดในฐานะนายอนุทิน แต่พูดในฐานะรัฐบาลไทย คำพูดของรัฐบาลไทยต้องได้รับความน่าเชื่อถือจากนานาชาติ ไม่เช่นนั้นเราจะยืนอยู่บนแผนที่โลกไม่ได้”

คุยเรื่องภาษีด้วย

โดยนายกฯ ยอมรับว่าในวงหารือมีการพูดถึงเรื่องการลดภาษีสหรัฐด้วยว่า “คุยครับ” ท่านก็ให้สัญญาณ รับรองจะให้ประเทศไทยดีกว่าประเทศอื่น ซึ่งท่านบอกว่าก่อนหน้านี้ที่คุยกันลืมสั่งไป งานท่านเยอะ

ซักว่า ทรัมป์ได้กำหนดหรือไม่ว่าจะลดภาษีให้ประเทศไทยเมื่อใด นายอนุทินเผยว่า เราทำหน้าที่ของเรา ถึงเวลานางศุภจีไปเจรจา สิ่งที่ผู้นำทั้งสองประเทศคุยกันไว้ได้ยกขึ้นมา ซึ่งท่านไม่ลืมแน่นอน เพราะเป็นการพูดกันครั้งที่ 2 แล้ว เป็นแนวโน้มที่ดี และท่านเป็นคนที่ถามมาเอง ซึ่งตนได้แจ้งไปว่าเรื่องภาษียังไม่ไปไหนเลย ก็ทรัมป์ลดภาษีให้เพิ่มขึ้นอยู่ ซึ่งท่านบอกว่า “ขอโทษที และจำเรื่องนี้ได้ และบอกว่าลืมไป เดี๋ยวจะจัดการ” และท่านไม่ได้มากดดัน ไม่ได้มีท่าทีจะมาผูกกันกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

เมื่อถามว่า ทรัมป์ได้บอกหรือไม่ว่าจะลดภาษีให้เท่าไหร่ นายกฯ ตอบว่า เดี๋ยวให้นางศุภจีไปอ้อนให้ได้เยอะๆ

คืนวันเดียวกัน ทรัมป์เปิดเผยผ่าน Truth Social ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารหลักของตนเอง ระบุว่า ได้พูดคุยกับนายอนุทิน และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งจากความขัดแย้งยืดเยื้อ

ช่วงหนึ่งของโพสต์ดังกล่าว ทรัมป์กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดยระบุว่า เป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือเป็นอุบัติเหตุ พร้อมยอมรับว่า ฝ่ายไทยได้ตอบโต้กลับอย่างหนักต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ต่อมาเวลา 09.30 น. วันที่ 13 ธ.ค.นายอนุทินโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเป็นภาษาอังกฤษ ระบุว่า “It’s definitely not a roadside accident. Thailand will continue to perform military actions until we feel no more harm and threats to our land and people. I want to make it clear. Our actions this morning already spoke”

ไม่ใช่เหตุการณ์อุบัติเหตุริมถนน

“นี่ไม่ใช่เหตุการณ์อุบัติเหตุริมถนนอย่างแน่นอน ประเทศไทยจะยังคงดำเนินการทางทหารต่อไป จนกว่าเราจะรู้สึกว่าไม่มีอันตรายหรือภัยคุกคามใดๆ ต่อแผ่นดินและประชาชนของเราอีกต่อไป ผมขอชี้แจงให้ชัดเจน การกระทำของเราในเช้าวันนี้ได้แสดงให้เห็นแล้ว”

วันเดียวกันนี้ นายอนุทินเดินทางไปเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ่าสิบเอก ศตวรรษ สุจริต ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา ที่วัดพรหมพิทักษ์วนาราม หมู่ที่ 9 ต.รอบเมือง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด ก่อนออกเดินทางได้ให้สัมภาษณ์ถึงการคุยกับทรัมป์อีกครั้งว่า ยังไม่มีการตกลงใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการหารืออัปเดตกันธรรมดา และยืนยันไปว่าเรื่องของความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนั้น ทั้งสองประเทศก็ต้องดำเนินการในการปกป้อง ซึ่งประเทศไทยเองก็ต้องดำเนินการปกป้องอธิปไตยและประชาชนอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า เราก็ไม่ต้องไปฟังทรัมป์ที่ออกมาโพสต์ข้อความแบบนี้ใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เราก็ไม่อยากพูดอะไรอย่างนั้น เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่เราต้องให้เกียรติมิตรประเทศของพวกเราทุกคน ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต่อล้อต่อเถียง เราก็ดำเนินการตามที่เราเห็นว่าเหมาะสมกับสถานการณ์

ถามว่า การที่ทรัมป์โพสต์ระบุว่าไทยและกัมพูชาจะหยุดยิงเป็นการมัดมือชกหรือไม่ เพราะในการหารือไม่ได้มีการตกลงแบบนี้ นายกฯ ย้อนถามว่า “แล้วหยุดยิงไหมล่ะ เมื่อเช้านี้กัมพูชายิงอาวุธหนักเข้ามา ยิงเข้ามาในเขตที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เมื่อเช้านี้กัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกในพื้นที่พลเรือนซึ่งมีพี่น้องประชาชนอยู่ จนทำให้บาดเจ็บสาหัส สูญเสียอวัยวะ

"ฉะนั้นตอนนี้ประเทศไทยต้องฟังใครไหม มัวไปฟังใครได้หรือไม่ มัวไปฟังคนนั้นคนนี้จะมีเวลามาคุ้มครองอธิปไตยของเราหรือคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนได้หรือไม่"

ซักว่าอุบัติเหตุที่ทรัมป์ระบุนั้นเป็นการไปพูดคุยกับนายฮุน มาเนต ก่อนจะพูดคุยกับเราใช่หรือไม่ นายอนุทินปฏิเสธว่า ไม่ทราบ ต้องถามเรื่องที่เขาคุยกับตน

เมื่อถามว่า จะมีการชี้แจงอย่างไรกรณีที่ทรัมป์ระบุว่าเราใช้วิธีการตอบโต้กัมพูชาที่รุนแรง นายอนุทินนิ่งก่อนพูดว่า กี่ขาแล้วล่ะ กี่ศพแล้ว ต้องถามแบบคนไทยถาม เป็นคนไทยถาม อย่าถามแบบคนข้างนอกถาม.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...