โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เปิด 3 วิธีจัดการปัญหา “กู้ร่วม” เมื่อคู่รักเลิกกัน ไปต่ออย่างไร? “บ้าน” ที่ยังผ่อนไม่หมดใครจะจ่าย

Thairath Money

อัพเดต 13 เม.ย. เวลา 12.22 น. • เผยแพร่ 14 เม.ย. เวลา 01.00 น.
ภาพไฮไลต์

ในประเทศไทย อัตราการหย่าร้างมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ขณะแม้ไม่ได้แต่งงานกัน หลายคู่ก็เลือกใช้วิธีกู้ร่วมกันเพื่อให้ขอสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้นและวงเงินสูงขึ้น แต่เมื่อความสัมพันธ์ถึงทางตัน ปัญหาคลาสสิกที่ตามมาคือ ใครจะรับผิดชอบการผ่อนต่อ? จะขายบ้านไหม? หรือจะทำยังไงกับชื่อที่ยังผูกพันในเอกสารทางการเงิน?

ข้อมูล จากเว็บไซต์ DDproperty ได้ให้แนวทางไว้ว่า การ “กู้ร่วม” ที่หมายถึง การขอสินเชื่อโดยมีผู้กู้มากกว่าหนึ่งคน ซึ่งในกรณีของคู่รัก เป้าหมายหลักมักเป็นการเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ และได้วงเงินกู้สูงขึ้น เพราะรายได้ของทั้งสองคนถูกนำมาคำนวณรวมกัน

แต่ปัญหาคือ ธนาคารจะพิจารณาทั้งคู่เป็น “ลูกหนี้ร่วม” ที่มีหน้าที่รับผิดชอบหนี้เต็มจำนวนเท่ากัน กล่าวคือ หากอีกฝ่ายเลิกผ่อน ธนาคารจะตามทวงอีกคนทันที และอาจกระทบเครดิตบูโรร่วมด้วย

3 วิธี เมื่อเลิกกัน แต่ยังต้อง “ผ่อนบ้าน” ด้วยกัน จะจัดการอย่างไรดี?

1. ถอดชื่อผู้กู้ร่วม

หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการเก็บบ้านไว้เอง และมีศักยภาพทางการเงินมากพอในการผ่อนชำระต่อ ธนาคารบางแห่งอาจพิจารณาอนุญาตให้ “ถอดชื่อผู้กู้ร่วม” ออกจากสัญญากู้ได้

อย่างไรก็ตาม ธนาคารจะต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ที่เหลืออยู่ในสัญญาอีกครั้ง หากไม่ผ่านเกณฑ์ หรือมีประวัติหนี้ไม่ดี ธนาคารอาจไม่อนุมัติการถอดชื่อ

ข้อควรระวัง: แม้จะตกลงกันได้เองระหว่างคู่รัก แต่ถ้ายังไม่ได้รับการอนุมัติจากธนาคาร ชื่อในสัญญากู้ก็ยังคงผูกพันทั้งคู่ไว้อยู่ดี

2. รีไฟแนนซ์จาก “กู้ร่วม” เป็น “กู้คนเดียว”

อีกทางเลือกที่ชัดเจนกว่าการถอดชื่อ คือการยื่นรีไฟแนนซ์ใหม่โดยให้เหลือชื่อผู้กู้เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยปลดพันธะผู้กู้ร่วมเดิมออกจากภาระผ่อนบ้านได้อย่างสมบูรณ์

การรีไฟแนนซ์ คือ การยื่นขอสินเชื่อก้อนใหม่จากธนาคาร (เดิมหรือใหม่ก็ได้) เพื่อมาปิดหนี้ก้อนเดิม จากนั้นจะเป็นภาระของผู้กู้คนใหม่เพียงคนเดียว ซึ่งอาจช่วยปรับโครงสร้างหนี้ ดอกเบี้ย หรือระยะเวลาผ่อนด้วย

ข้อควรรู้: การรีไฟแนนซ์อาจมีค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย และต้องใช้เอกสารพอสมควร เช่นเดียวกับการขอกู้ครั้งแรก

3. ประกาศขายบ้าน

หากไม่สามารถตกลงกันได้ว่าใครจะรับผิดชอบบ้านต่อ หรือทั้งสองฝ่ายไม่พร้อมผ่อนแล้ว วิธีที่เป็นกลางที่สุดคือ “การขายบ้าน” แล้วนำเงินไปชำระหนี้กับธนาคาร

หากราคาขายสูงกว่ายอดหนี้ ก็อาจมีเงินเหลือแบ่งกันตามที่ตกลง แต่หากราคาขายต่ำกว่ายอดหนี้ ต้องร่วมกันชำระหนี้ส่วนที่เหลือด้วย

ข้อควรพิจารณา: บ้านที่ยังติดภาระธนาคารอยู่ จะต้องขายแบบ “ขายพร้อมภาระหนี้” โดยให้ผู้ซื้อรายใหม่ยื่นกู้เพื่อปิดหนี้เดิม หรือใช้เงินสดปิดหนี้ก่อนโอน หลังจากที่ขายบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนแบ่งของกำไรที่ได้จากการขายจะต้องมาดูว่าบ้านหลังนี้มีมาก่อนการจดทะเบียนสมรสหรือไม่ เพราะหากบ้านนี้มีมาก่อนจดทะเบียนสมรส กำไรที่ได้จากการขายบ้านต้องเป็นของเจ้าของบ้าน แต่หากเป็นการซื้อบ้านร่วมกันและได้มาภายหลังจดทะเบียนจะถือว่าเป็นสินสมรส ดังนั้น กำไรที่ได้จากการขายบ้านจะถูกแบ่งกันคนละครึ่ง

เราควรเตรียมตัวอย่างไร ก่อนจะ “กู้ร่วม”?

แม้ตอนรักจะหวานแค่ไหน แต่การกู้ร่วมไม่ควรใช้แค่ “ความรู้สึก” เป็นเกณฑ์ ควรพูดคุยและทำข้อตกลงกันให้ชัดเจน เช่น

  • ใครรับผิดชอบค่างวดกี่เปอร์เซ็นต์
  • หากเลิกกันจะดำเนินการอย่างไร
  • ใครจะอยู่บ้านหลังนี้
  • หรือจะขายแล้วแบ่งเงินอย่างไร

โดยเฉพาะคู่ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส การทำสัญญาร่วมลงทุน หรือเอกสารแสดงเจตจำนงร่วมกันไว้ล่วงหน้า จะช่วยลดความขัดแย้งในอนาคตได้เช่นกัน

ที่มาข้อมูล : DDproperty

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : Thairath Money
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...