USD/THB หลุด 32.00 แล้วจะไปไหนต่อ?
#ทันหุ้น – ค่าเงิน USD/THB คือ อัตราแลกเปลี่ยนระหว่าง ดอลลาร์สหรัฐ (USD) กับ เงินบาท (THB) ซึ่งสะท้อนถึงจำนวนเงินบาทที่ต้องใช้ในการแลกเปลี่ยนเงิน 1 ดอลลาร์ โดยอัตรานี้มีผลกระทบสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย เพราะประเทศไทยพึ่งพาการนำเข้าสินค้าหลายประเภทที่ตั้งราคาด้วย USD เช่น น้ำมัน วัตถุดิบอุตสาหกรรม และสินค้าเทคโนโลยีต่าง ๆ
หากค่า USD แข็งค่า (เงินบาทอ่อน) สินค้านำเข้าจะมีต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และกระทบต่อต้นทุนของภาคธุรกิจไทยโดยรวม
ในทางกลับกัน หาก USD อ่อนค่า (เงินบาทแข็ง) สินค้านำเข้าจะมีราคาถูกลง เป็นผลดีต่อผู้บริโภค แต่ผู้ส่งออกอาจเผชิญกับความท้าทายด้านการแข่งขัน
ดังนั้น ทิศทางของ USD/THB ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขบนกระดาน แต่สะท้อนถึงแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก ทุนไหลเข้า–ออก และนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั้งสองประเทศ ที่นักลงทุนและผู้ประกอบการจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
นับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2024 เป็นต้นมา เงินบาทเริ่มมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงในประเทศ เช่น การเมือง หรือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ USD/THB กลับมาอ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ
จนกระทั่งล่าสุด USD/THB หลุดระดับ 32.10 ลงมา และทำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 3 ปี ซึ่งระดับนี้ถือเป็น “แนวรับ–แนวต้านสำคัญ” ที่ตลาดเคยยื้อกันมาหลายครั้ง และยังไม่มีการ Break ที่ชัดเจนมาก่อนหน้านี้
ในเชิงเทคนิค บนกราฟจะเห็นกรอบขาลงล่าสุด (แสดงเป็นกรอบสีแดง) ซึ่งแสดงให้เห็นแรงขายที่กดลงมา โดยมี จุดที่มี Volume สะสมสูงสุดอยู่ที่ 32.474 บาท/ดอลลาร์ จุดนี้จึงสามารถใช้เป็นแนวต้านสำคัญได้ทันที
หากราคายังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 32.474 ได้ จะยังสะท้อนถึง “แนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องของเงินบาท” ในเชิงโครงสร้าง
ส่วนด้านแนวรับ หากเรามองจากกรอบขาขึ้นก่อนหน้านั้น (กรอบสีเขียว) จะพบจุดที่มีปริมาณซื้อขายหนาแน่นสุดอยู่ที่ 31.255 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งสามารถใช้เป็นแนวรับธรรมชาติได้ เพราะแสดงถึงระดับที่ตลาดเคยให้การยอมรับมาแล้ว
จากข้อมูลทั้งหมด เราสามารถวางแผนกลยุทธ์ในการติดตาม USD/THB ได้ดังนี้:
หาก USD/THB ยังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ 32.474 บาท/ดอลลาร์ ได้ มีแนวโน้มที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อ
ระดับ 31.255 บาท/ดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญ หากราคาปรับตัวลงถึงบริเวณนี้ อาจเกิดการ Rebound ทางเทคนิคได้
หาก USD/THB สามารถทะลุ 32.474 บาท/ดอลลาร์ ได้ชัดเจน มีโอกาสกลับเข้าสู่แนวโน้มอ่อนค่า โดยแนวต้านถัดไปที่ควรระวังคือ โซน 34.00 บาท/ดอลลาร์
แม้เราจะติดตามข่าวเศรษฐกิจ การเมือง หรือการตัดสินใจของธนาคารกลาง แต่การ “อ่านกราฟ” ควบคู่กับข้อมูลจริง ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราวางแผนได้อย่างยืดหยุ่น
เพราะตลาดไม่ได้วิ่งตามความรู้สึก แต่วิ่งตาม “ข้อมูลและพฤติกรรมของผู้เล่น”