โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

กะปิ เครื่องปรุงคู่ครัวไทย สรรพคุณมากคุณค่าที่คุณอาจไม่เคยรู้

sanook.com

เผยแพร่ 22 ก.ค. เวลา 01.00 น. • Sanook
“กะปิ” เครื่องปรุงคู่ครัวไทย ไม่ใช่แค่เพิ่มรสชาติ! แต่ยังอุดมด้วยสรรพคุณมากมาย รู้จักคุณประโยชน์และเลือกกะปิแท้ 100% เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ

กะปิ คือเครื่องปรุงรสคู่ครัวไทยที่ขาดไม่ได้ในอาหารหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ ข้าวคลุกกะปิ หรือแกงต่างๆ กะปิทำจากกุ้งตัวเล็กๆ หรือเคย นำมาหมักกับเกลือจนได้ที่ แม้จะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่โดดเด่น แต่เบื้องหลังความอร่อยนี้ กะปิยังอุดมไปด้วยสารอาหารและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่คุณอาจคาดไม่ถึง

กะปิคืออะไร?

กะปิคือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำสัตว์ทะเลตัวเล็กๆ จำพวก เคย หรือ กุ้งขนาดเล็ก (กุ้งฝอย) มาหมักกับเกลือในอัตราส่วนที่เหมาะสม ทิ้งไว้ระยะหนึ่งจนเกิดการย่อยสลายและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สีของกะปิจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเคยหรือกุ้งที่นำมาทำ รวมถึงกระบวนการหมัก

วัตถุดิบหลักของกะปิ "เคย" และ "กุ้งฝอย"

โดยหลักแล้ว กะปิทำมาจากสัตว์ทะเลตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า "เคย" (Krill) ซึ่งเป็นสัตว์จำพวกครัสเตเชียน (Crustacean) มีลักษณะคล้ายกุ้งขนาดเล็กมากๆ มีสีชมพูอ่อนๆ อาศัยอยู่ในทะเลเป็นฝูงใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย นอกจากเคยแล้ว บางสูตรก็อาจใช้ "กุ้งฝอย" ซึ่งเป็นกุ้งน้ำจืดตัวเล็กๆ มาทำกะปิได้เช่นกัน

กะปิแท้และเป็นที่นิยมส่วนใหญ่จะทำมาจาก"เคยแท้ 100%" เนื่องจากเคยให้รสชาติที่กลมกล่อม เค็มกำลังดี และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวมากกว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคยแท้เริ่มหายากขึ้นในปัจจุบัน ผู้ผลิตบางรายจึงอาจนำ กุ้งเคย (ซึ่งเป็นกุ้งตัวเล็กอีกชนิดหนึ่งที่คล้ายเคยมาก) หรือแม้กระทั่ง เนื้อปลา มาผสมเพื่อทดแทน หรือใช้ทำกะปิในบางท้องถิ่น

คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ของกะปิ

ถึงแม้กะปิจะเป็นเครื่องปรุงรสที่ใช้ในปริมาณไม่มากนักต่อมื้อ แต่ก็มีประโยชน์และสารอาหารที่น่าสนใจซ่อนอยู่:

  • แหล่งแคลเซียมสูง: กะปิเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีเยี่ยม ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้สูงอายุ
  • โปรตีน: เนื่องจากทำจากสัตว์ทะเล กะปิจึงมีโปรตีนซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ไอโอดีน: การที่กะปิเป็นผลิตภัณฑ์จากทะเล ทำให้มี ไอโอดีน ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ช่วยป้องกันโรคคอพอก และส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง โดยเฉพาะในเด็กและสตรีมีครรภ์
  • โซเดียม: กะปิมีปริมาณโซเดียมสูง เนื่องจากเป็นส่วนผสมหลักในการหมักเกลือ โซเดียมมีบทบาทในการรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายและการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการได้รับโซเดียมมากเกินไป
  • แอสตาแซนธิน (Astaxanthin): พบในกุ้งและเคยที่นำมาทำกะปิ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ชะลอความเสื่อมของร่างกาย และอาจมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ
  • สร้างจุลินทรีย์ดีในลำไส้ (Probiotic-like effect): กระบวนการหมักของกะปิทำให้เกิดจุลินทรีย์บางชนิด ซึ่งอาจมีส่วนช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ และส่งเสริมสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร
  • เพิ่มรสชาติอาหาร: นอกเหนือจากคุณประโยชน์ทางโภชนาการแล้ว ประโยชน์หลักของกะปิคือการเพิ่มรสชาติ "อูมามิ" (Umami) หรือรสชาติกลมกล่อมให้กับอาหาร ทำให้เมนูต่างๆ มีความอร่อยและมิติมากขึ้น

ข้อควรระวังในการบริโภคกะปิ

แม้กะปิจะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ:

  • ปริมาณโซเดียมสูง: ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือต้องควบคุมปริมาณโซเดียม ควรบริโภคกะปิในปริมาณที่พอเหมาะ หรือเลือกกะปิที่มีปริมาณเกลือต่ำ
  • การปนเปื้อน: ควรเลือกซื้อกะปิจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานการผลิตที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนจากสิ่งแปลกปลอม หรือสารเคมี
  • อาการแพ้: ผู้ที่มีอาการแพ้สัตว์ทะเล โดยเฉพาะกุ้งหรือเคย ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคกะปิ

กะปิเป็นมากกว่าแค่เครื่องปรุงรสคู่ครัวไทย แต่ยังเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น แคลเซียม โปรตีน และไอโอดีน ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพ การรู้จักคุณค่าและบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากกะปิอย่างเต็มที่ พร้อมกับได้ลิ้มรสความอร่อยของอาหารไทยได้อย่างไม่ลดละ

อ่านเพิ่ม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...