โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รถเก๋งถูกชน เหตุตำรวไล่จับคนร้าย ประกันไม่รับเคลม

มุมข่าว

เผยแพร่ 26 ต.ค. 2567 เวลา 11.28 น. • ทีมข่าวสยามนิวส์
รถเก๋งถูกชน เหตุตำรวไล่จับคนร้าย ประกันไม่รับเคลม

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความระบุว่า "ผมถูกคนร้ายขนยาเสพติดชนระหว่างหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอออกตัวก่อนรถผมไม่มีประกันครับ แต่รถคนร้ายมีประกันชั้น 3 ซึ่งผมได้ติดต่อไปแล้ว ประกันไม่รับเคลมครับ แจ้งว่ารถคนร้ายได้กระทำความผิดไม่สามารถเคลมให้ผมได้ สอบถามตำรวจก็โยนกันไปมา ผมได้ไปประเมินค่าเสียหายและได้ใบประเมินราคามาแล้วครับ ซึ่งตอนนี้ผมมืด 8 ด้านไม่รู้ว่าจะเรียกร้องความเสียหายนี้จากใคร

นางสาวพิมพ์พลอย และสามี เล่าเหตุการณ์ช่วง 22:00 น ของคืนวันที่ 22 ตุลาคม ได้ขับรถไปหาข้าวกินกับสามี ภายในซอยพหลโยธิน 56/2 จู่ๆ มีรถขับมาพุ่งชนด้ายซ้ายของรถ ก่อนเห็นรถตำรวจจับตาม จึงรีบขับตามไปด้วย เพราะคิดว่าเป็นเหตุการณ์ชนแล้วหนี แต่ปรากฏว่าเป็นภารกิจของตำรวจ สน.สายไหม ในการไล่ล่าคนร้าย จึงรีบไปแจ้งความที่ สน.สายไหม

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำและนีดหมายให้นางสาวพิมพ์พลอยกับสามีมาพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ในวันที่ 23 ตุลาคม แต่พอมาที่โรงพัก พบว่าตำรวจได้ฝากขังผู้ก่อเหตุไปแล้ว จึงไม่ได้เจรจาค่าเสียหาย ก่อนตำรวจให้ทำการติดต่อประภัยของรถผู้ก่อเหตุ ซึ่งประกันภัยแจ้งว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่สามารถเคลมประกันได้ เนื่องจากเจ้าของรถผู้ก่อเหตุได้ใช้รถผิดประเภทในการขนยาเสพติด

นางสาวพิมพ์พลอย กับสามี ต่างสับสนไม่รู้จะทำยังไง จึงกลับไปถามตำรวจอีกครั้ง แต่ตำรวจยืนยันว่าเป็นภารกิจทางราชการไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบ จึงติดต่อไปยัง คปภ. ให้ช่วยเหลือ

เบื้องต้น คปภ. รับฟังข้อมูลของผู้เสียหาย จะหาแนวทางช่วยเหลือเป็นคนกลางประสานกับบริษัทประกันภัยของรถผู้ก่อเหตุให้ เนื่องจากทางผู้เสียหายถือเป็นบุคคลที่สามไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งได้นัดหมายเข้าให้รายละเอียดกับ คปภ. เพิ่มเติมในวันจันทร์ที่ 28 ตุลาคมนี้

นางสาวพิมพ์พลอย ได้ทำการประเมินค่าซ่อมรถเป็นจำนวนเงิน 47,000 บาท ซึ่งก็รู้สึกว่าอาจต้องทำใจ เพราะคิดว่าคงต้องซ่อมเอง แต่อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้หน่วยงานตำรวจพิจารณามาตรการการปฏิบัติภารกิจที่เสี่ยงอันตรายและหามาตราการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์บ้าง

ด้านนายนิติธร แก้วโต หรือทนายเจมส์ บอกว่า กรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนที่เป็นผู้เสียหายก็จะต้องซ่อมรถเอง หรือถ้าความเสียหายมากก็ต้องฟ้องแพ่ง เนื่องจากส่วนใหญ่บริษัทประกันภัยจะระบุว่าใช้รถผิดประเภท ซึ่งกรณีนี้ใช้ในการขนยาเสพติด แต่ถ้าหากเทียบเคียงกับกรณีเมาแล้วขับ ผู้ที่ขับรถไม่สามารถเอาประกันได้ แต่บริษัทประกันภัยไม่สามารถปฏิเสธซ่อมรถคันอื่นที่เกิดความเสียหายจากการเมาแล้วขับได้ หาก คปภ. เทียบเคียงลักษณะนี้ก็อาจจะประสานกับบริษัทประกันภัยได้ เนื่องจากผู้เสียหายเป็นบุคคลที่สามในเหตุการณ์ไปแล้ว ไม่ใช่คนร้ายและตำรวจ แต่ก็ต้องดูรายละเอียดเงื่อนไขท้ายประกันว่าระบุไว้อย่างไรในกรณีเหตุการณ์แบบนี้ หากระบุชัดเจนก็จะยากในการเคลม

นอกจากนี้ถ้าเคลมไม่ได้จริง ทั้งผู้เสียหายก็สามารถดำเนินการฟ้องแพ่ง โดยนำรถไปซ่อมถ่ายรูปก่อนซ่อมและหลังซ่อม พร้อมกับนำใบเสร็จค่าซ่อมใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้อง ซึ่งจำเป็นต้องจ่ายค่าซ่อมเองไปก่อน และหากชนะคดีก็จะเข้าสู่กระบวนการสืบทรัพย์บังคับคดีมาชดใช้ค่าเสียหาย

ทนายเจมส์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมในประเด็นนี้ว่า หน่วยงานตำรวจควรมีการจัดตั้งกองทุน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติภารกิจของตำรวจ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องตำรวจได้ เพื่อตรวจสอบว่าปฏิบัติภารกิจตามยุทธวิธีหรือไม่ เพราะมีความเสียหายเกิดขึ้นกับประชาชน หากประมาทก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...