AAIC พร้อมบริษัทเจ้าของเครื่องบิน ลงพื้นที่เก็บเศษซากบินเล็กในจุดตกอีกครั้ง
ฉะเชิงเทรา - AAIC พร้อมบริษัทเจ้าของเครื่องบิน ลงพื้นที่ค้นหาเก็บเศษซากในจุดเกิดเหตุเครื่องบินตกที่หลังวัดเขาดินอีกครั้ง พร้อมเตรียมแบ่งทีมออกเป็น 3 ชุด เก็บชิ้นส่วนสำคัญที่จุดตก และเก็บชิ้นส่วนมนุษย์ที่ยังหลงเหลือในพื้นที่ ส่วนอีกทีมเก็บรวมรวมเศษซากที่แตกละเอียดโดยรอบ เบื้องต้นยังกันสื่อมวลชนห้ามเข้าพื้นที่
วันที่ 6 ก.ย.67 เวลา 10.23 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสอบสวนกรณีเกี่ยวกับอุบัติเหตุของอากาศยาน (AAIC) พร้อมบริษัทไทยฟลายอิ้งเซอร์วิส จำกัด ผู้เป็นเจ้าของเครื่องบินเล็กที่ตกลงในป่าแสม พื้นที่ชุ่มน้ำด้านหลังวัดเขาดิน ม.6 ต.เขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 ที่ผ่านมา ได้นำคณะ จนท.จำนวนกว่า 30 คน พร้อมหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่เพื่อค้นหาและเก็บเศษซากเครื่องบินในจุดเกิดเหตุเครื่องบินตกอีกครั้งในวันนี้
โดยในเบื้องต้นในช่วงเช้าได้ใช้แรงงานคนในการคุ้ยเขี่ยกองเศษดินโคลน ที่ติดมากับชิ้นส่วนหลักที่ได้เก็บกู้และขนออกมากองไว้ยังที่ด้านหลังกองอำนวยการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฉุกเฉินก่อนเป็นลำดับแรก โดยสามารถเก็บรวมรวมชิ้นส่วนที่ติดมากับเศษดินโคลนได้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในสภาพแหลกละเอียด แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นจึงได้เตรียมแผนการเริ่มค้นหาภายในบริเวณจุดเครื่องบินตกอีกครั้ง
โดยได้เตรียมแบ่งทีมค้นหาออกเป็น 3 ทีม เพื่อเก็บชิ้นส่วนสำคัญที่จุดเครื่องตก ที่เชื่อว่ายังคงมีชิ้นส่วนหลักขนาดใหญ่อีกหลายชิ้นฝังอยู่ภายในบ่อโคลน ตามคำบอกเล่าของ อาสาสมัครหน่วยกู้ภัยที่ได้เข้ามาปฏิบัติงานตั้งแต่วันแรกว่า ยังคงมีชิ้นส่วนขนาดใหญ่ที่ยังไม่สามารถนำขึ้นมาจากบ่อโคลนได้ ฝั่งอยู่ภายในหลุมลึกที่ปิดปากไว้ ส่วนทีมที่ 2 จะทำหน้าที่ค้นหาซากเศษชิ้นส่วนมนุษย์และทำเครื่องหมายไว้เพื่อรอทางพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง เข้ามาตรวจสอบ และทีมที่ 3 จะทำหน้าที่ในการค้นหาและเก็บชิ้นส่วนขนาดเล็ก ที่แตกกระจายเกลื่อนไปโดยรอบพื้นที่
โดยในเบื้องต้นจะใช้รถแบ็คโฮขนาดเล็ก เข้าดำเนินการเปิดพื้นที่เพื่อแหวกหาชิ้นส่วนย่อยๆ ก่อน เพื่อเก็บเศษซากอย่างละเอียดทั้งหมดในคราวกัน ก่อนที่จะขยายพื้นที่การค้นหาเพิ่มเติมไปตามลำดับต่อไป โดยมุ่งที่จะเก็บชิ้นส่วนทั้งในส่วนของตัวเครื่อง และชิ้นส่วนของมนุษย์ออกไปให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตามสำหรับสื่อมวลชนที่มาปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณที่เกิดเหตุนั้น ยังคงถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปยังภายในพื้นที่บริเวณดังกล่าว จึงทำให้ไม่สามารถติดตามในรายละเอียดเกี่ยวกับการค้นหาทั้งหมดได้โดยสะดวก