โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

Songs in the Key of Life : ฉันเกลียดวันจันทร์

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

บทความพิเศษ | ภาสกร ประมูลวงศ์

Songs in the Key of Life

: ฉันเกลียดวันจันทร์

เซอร์บ๊อบ เกลดอล์ฟ (Sir Bob Geldof KBE) ที่ผมรู้จักเป็นคนคุยสนุก ถ่อมตัว เรียบง่ายอย่างยิ่ง

ผมพบท่านสองสามครั้งที่ BBC Manchester ทุกครั้งที่เจอเราจะคุยกันยืดยาวหลายเรื่องหลากประเด็น

เขามีมุมมองต่อสังคมและการเมืองแหลมคมเข้าขั้นเหลือเชื่อ

วันนี้เขาโยนกางเกงยีนส์ เสื้อขาดๆ ไว้ที่บ้านแล้วหันมาใส่สูทสีม่วงแปร๋น ผมบนหัวเต็มไปด้วยสีดอกเลา

ผู้ชายที่เดินทางผ่านเรื่องราวมากมายในพงศาวดารดนตรีร็อกโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางฝั่งอังกฤษ มีทั้งความสุขยิ้มเต็มแก้มปนความทุกข์ชนิดร้องไห้ไม่ออก ยิ่งถ้ามีเบียร์สักเหยือกบวกบุหรี่สักมวนสองมวน เมื่อนั้นวงสนทนาอาจจะถึงขั้นข้ามคืน

จนเมื่อหัวข้อการพูดคุยเดินทางมาถึงสองหมุดหมายของอาชีพนักดนตรี Live Aid และ I Don’t Like Monday เมื่อนั้นเราอาจต้องถึงขั้นหาที่พักแรมข้างทาง

โดย Live Aid เซอร์บ๊อบพูดหมดเปลือกจนไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

สิ่งที่น่าสนใจเลยกลายเป็นเพลงฮิตเพลงเดียวของ The Boomtown Rats นาม I Don’t Like Monday

“แรกเริ่มเลย ไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นเพลงฮิต มันถูกวางเป็นเพลงหน้า B ด้วยซ้ำ นึกไม่ออกขอให้คิดถึงงานประมาณ 41 Shots (American Skin) ของน้าบรูซ สปริงทีน ต่อเมื่อมันมาอยู่ในปากของไอริชแบนด์ มันจะดังได้ไงวะ ว่าไหม?” เซอร์บ๊อบเปิดประเด็นตามด้วยเสียงหัวเราะยาวๆ…

I Don’t Like Monday มันเป็นยังไง กล่าวถึงอะไร?

แรงบันดาลใจเกิดขึ้นในปี 1979 เซอร์บ๊อบขณะกำลังให้สัมภาษณ์ที่แอตแลนตา มีรายงานข่าวการกราดยิงสังหารหมู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในย่าน San Carlos, San Diego มีนักเรียนระดับประถมไม่ต่ำกว่าแปดคนได้รับบาดเจ็บ มีผู้เสียชีวิตสองราย ครูใหญ่และภารโรงที่พยายามปกป้องนักเรียน

หลังเหตุการณ์สงบโลกตกละลึงเพราะผู้ต้องหาที่ตำรวจตะครุบตัวได้ทันควันเป็นเด็กสาวอายุเพียงสิบหกปีนาม เบรนด้า แอนน์ สเปนเซอร์ (Brenda Ann Spencer) ผู้มีนิวาสถานอยู่ที่คลีฟแลนด์แถมมีสถานะเป็นเพียงแค่นักเรียนเท่านั้น

ที่เด็ดจนแทบจะกลายเป็น Punch Line แห่งยุคสมัยก็คือ เมื่อนักข่าวเอาไมค์มาจ่อปากถามถึงสาเหตุ

เธอทำหน้านิ่งและตอบเพียงแค่ว่า “ก็หนูไม่ชอบวันจันทร์”

ทนายของรัฐให้เหตุผลว่า เธอทำไปเพราะความกดดันของสังคมและสภาวะทางจิต เมื่อบวกกับความรุนแรงในครอบครัว (ปืนไรเฟิลที่ใช้สังหารเป็นของพ่อที่ซื้อให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาส และเป็นปืนที่เธอเคยใช้พยายามฆ่าตัวตาย) มันก็สามารถไล่เรียงถึงเหตุสลดได้เป็นอย่างดี

เบรนด้าเป็นเด็กบ้านแตก พ่อแม่แยกทาง มีชีวิตจำกัดจำเขี่ย เธออาศัยในห้องแคบๆ ไม่มีเตียง เกลื่อนไปด้วยขวดเหล้า นอนบนพื้นบนเสื่อผืนบางๆ กับพ่อ (หลังจากที่แม่ละทิ้งเธอไป)

ความหดหู่เดินทางเข้าสู่ชีวิตอย่างเลี่ยงไม่ได้

หลังเกิดเหตุเบรนด้าพยายามยื่นอุทธรณ์แต่ไม่เป็นผล

เธอถูกตัดสินจำคุก 25 ปีบวกด้วยการบำบัดทางจิต

มันควรจะจบแค่นั้นใช่ไหมครับ?

แต่ไม่ สาธารณชนและสื่อตามกัดข่าวนี้ไม่ปล่อย

คุณต้องอย่าลืมว่า ปีนั้นคือ 1979 มันเป็นยุคแรกของการเล่นประเด็น “ความรุนแรงในสังคม”

เมื่อมาบวกกับ “สิทธิการเข้าถึงและครอบครองอาวุธปืน” เมื่อนั้น กระแสก็จุดติด

หนังสือพิมพ์ชื่อก้องอย่าง The New York Daily News ถึงขนาดเขียนเป็นรายงานลงตีพิมพ์ติดต่อกันหลายสัปดาห์

“เรื่องราวเหล่านี้ติดหัวผมจนถึงโรงแรม” เซอร์บ็อบไล่เรียง

“คำว่า I Don’t Like Monday มันช่างเป็นเหตุผลพล่อยๆ ที่แลดูสามัญธรรมดาไม่ต่างอะไรกับกิจวัตรประจำวันอย่างกินข้าวอาบน้ำ ผมแค่อยากแสดงความเห็นว่า ความบีบรัดของสังคมมันมีผลเป็นอย่างมากกับพฤติกรรมผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนหนุ่มสาวที่เติบโตมาด้วยคำสั่งสอนเลี้ยงดูที่ผิดรูปแบบ เหมือนสมองคนเราจะกลายเป็นคอมพิวเตอร์ ทำอะไรโดยใช้ข้อมูลเพียงเลขฐานสอง ปราศจากการสำนึกรู้สึกผิดชอบชั่วดี”

หลังเพลงนี้ถูกเปิดออกอากาศ ครอบครัวของเบรนด้าพยายามยื่นขอต่อศาลให้ระงับการเผยแพร่

แต่ไม่เป็นผล สถานีวิทยุได้รับการแจ้งเตือนเพียงแค่ “เปิดเผยต่อสาธารณชนด้วยความระมัดระวัง”

มีเพียง San Diego Radio Station แห่งเดียวที่แบนเพลงนี้สนิท

นั่นก็ยิ่งเป็นการโปรโมตแบบไม่ต้องเสียเงินสักแดง

เซอร์บ๊อบและผองเพื่อนเดินสายชนิดรายวัน ที่ต้องล้อมกรอบก็คือการไปออกรายการ The Merv Griffin Show ที่เขาทิ้งระเบิดเป็นการให้สัมภาษณ์ทิ้งทวน

“เห็นได้ชัดว่า กฎหมายการครอบครองปืนที่อเมริกามีปัญหา ผมก็แค่คนคนหนึ่งที่ออกมาแสดงจุดยืนเรื่องนี้ มันต้องมีการแก้ไขมากกว่าแค่หวังลมๆ แล้งๆ ว่า แล้ววันหนึ่งสังคมจะเรียนรู้และจัดการกันเอง” เขากล่าว

โดยภายหลังเบรนด้าได้เขียนจดหมายถึงเซอร์บ๊อบ ขอบคุณที่อุตส่าห์เขียนเพลงให้แถมทำให้เธอโด่งดังประหนึ่งดาราฮอลลีวู้ด

นั่นทำให้เขารู้สึกแย่หนักเข้าไปอีก

เอาจริงๆ เพลงนี้ประกอบไปด้วยสองท่อน ท่อนแรกกล่าวถึงข้อเท็จจริงในสิ่งที่ได้เกิดขึ้น

ท่อนสอง คือการชวนให้คนฟังคิดและพยายามทำความเข้าใจกับสังคมยุคใหม่

“เราต้องอยู่กันแบบนี้ใช้ไหม?” เขาเปิดปากกับ BBC ในปี 2012

“ผมเศร้าว่ะ โลกมนุษย์มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมยอมเขียนเพลงห่วยๆ เป็นสิบเป็นร้อยเพลง แต่มันเป็นเรื่องแต่งประโลมโลก ก็ยังดีเสียกว่าเขียนเพลงสะท้อนความจริงเพลงเดียวที่ยิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ”

ยังพอมีข้อดีอยู่บ้าง Monday กลายเป็นเพลงจำเพลงฮิตเพลงเดียวของวง ถูกวางจำหน่ายที่อังกฤษเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 1979 หกอาทิตย์หลังการสังหารหมู่ ได้รับความนิยมไปทั่วหัวระแหงยกเว้นที่เดียวคืออเมริกา ด้วยข้อจำกัดด้วยกฎหมายบวกประเด็นเผ็ดร้อนในสังคม มันไต่อันดับสูงสุดเพียงแค่ตัวเลข 73 เท่านั้น

ลืมตาตื่น เจอความคอย ลอยเบื้องหน้า

คอยเวลา เนิ่นนานมา พาประสม

กับความเศร้า ความล้มลุก ทุกข์ระทม

ดิ่งดำจม ไม่ไปไหน ใครช่วยที

ผู้คนห่วย สังคมทราม ลามเหลวแหลก

ล้วนแตกแยก อย่างสิ้นซาก อยากถอยหนี

เฝ้ารอคอย โลกยุคหน้า ที่ว่าดี

กลับไม่มี วี่แววมา พาเศร้าใจ

โหลดกระสุน ขึ้นลำกล้อง จ้องเบื้องล่าง

เอาปืนวาง พาดลำตัว กลัวที่ไหน

ตาเล็งเป้า ใบไม้ปลิว นิ้วเหนี่ยวไก

ต้องมีใคร ตกเป็นเหยื่อ เพื่อความจริง

ฝากกระสุน ต่างข้อความ ตามอากาศ

ให้มันวาด ดุจดั่งมี ผีเข้าสิง

ถึงสังคม เปราะดั่งแก้ว แล้วก็ยิง

จากพวกปลิง เช่นเสนียด เกลียดวันจันทร์

“ตอนได้ยินว่า The Boomtown Rats จะออกซิงเกิลชื่อ I Don’t Like Monday ฉันคิดว่าเขาจะพูดเรื่องเมาค้างซะอีก” เมเดลิน ฮิตซ์ นักข่าวจาก The Vintage NEWS กล่าวขำๆ

“แต่พอได้ยินจริงๆ ถึงกับตัวชา มันคือการสื่อสารเรื่องประวัติศาสตร์ความรุนแรงผ่านบทเพลง”

ที่มันน่าช็อกยิ่งกว่าคือประวัติศาสตร์หน้านั้นสั้นเพียง 15 นาทีรวมกระสุน 30 นัด และเบรนด้ามอบตัวเพียงแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเธอว่า มอบตัวซะแล้วจะเลี้ยงเบอร์เกอร์ “มอบตัวก็ดีนะ ได้ออกทีวี” เธอกล่าวมุมปากแบบไม่มีความสะทกสะท้าน

“มอบตัวเสร็จก็รีบปล่อยตัวหนูไปนะ มันมีเรื่องที่ต้องไปยิงอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะกับพวกหมูสกปรก” เธอว่างั้น

หมูสกปรกที่เธอว่าเป็นคำสแลงหมายถึงตำรวจ

ทนายพยายามแก้ไขคดีด้วยการโยนความผิดให้กับสังคม+เหล้าและยาเสพติด

ทว่า ผลจากการตรวจร่างกาย กลับไม่ปรากฏการใช้ยาใดๆ นั่นเท่ากับว่าเธอทำไปโดยเจตนาล้วนๆ

คำให้การเดียวที่เป็นประโยชน์กับเบรนด้า คือทำไปโดยการตัดสินใจชั่วแล่นท่ามกลางสภาวะดิ่งเหวทางจิตใจ

มากกว่าแค่เรื่องสังคม I Don’t Like Monday ถือเป็นเครื่องพิสูจน์สัจธรรมทางดนตรีของเซอร์บ๊อบ เกลดอล์ฟ เพราะหลัง Live Aid เขาถูกตั้งคำถามมากมายทั้งในเรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว เรื่องธุรกิจ รวมถึงเสียงเล่าอ้างว่าเขาใช้ประโยชน์จาก Live Aid แบบเกินเหตุ

ทว่า นี่คือมุมมองที่เขามีต่อโลกและแสดงออกมาผ่านเสียงเพลง โดยนักวิเคราะห์สังคมนาม ริชาร์ด โฮลฟสเตดเตอร์ (Richard Hofstadter) ให้ความเห็น “คุณอาจไม่เข้าใจ คนอเมริกันรักปืน พวกเขาผูกพันตั้งแต่สมัยสร้างชาติ ปืนเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ตัวตนของอเมริกันชน เทียบเหตุการณ์นี้กับ Bowling for Columbine (หนังสารคดีโดยไมเคิล มัวร์) คุณจะเห็นความจริง อาวุธมันหาง่ายมากชนิดมีคูปองซื้อปืน”

ไม่มากก็น้อย I Don’t Like Monday ได้ช่วยกลบเกลื่อนบาดแผลในชีวิตของเซอร์บ๊อบแบบถนัดตา

เพราะเมื่อผู้คนพูดถึงมัน เขาเหล่านั้นดูเหมือนจะหลงลืมเรื่องพอลล่า เยตส์ เสียสนิท

ภรรยาคนแรกที่ทิ้งเขากับลูกไปอยู่กินกับร็อกสตาร์หัวหอก INXS ก่อนจบลงด้วยความตายสยดสยองของทั้งคู่

รวมถึงผลกระทบอันต่อเนื่องถึงลูกสาว Peaches Geldof ที่เสียชีวิตไล่ๆ กันด้วยอาการเสพยาเกินขนาด

เอาจริงๆ ไม่มีใครชอบวันจันทร์หรอกครับ ขอแค่ไม่มีใครตาย

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : Songs in the Key of Life : ฉันเกลียดวันจันทร์

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th/weekly

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...