โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

อนุทิน เคลียร์ทุกปม ชายแดน ที่มารูปคู่เบนสมิธ แจงยิบข่าวลือทุนนักการเมืองในปอยเปต

MATICHON ONLINE

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

อนุทิน เปิดหมดเปลือก ปมชายแดน สาเหตุมีรูปคู่เบนสมิธ แจงยิบข่าวลือทุนนักการเมืองในปอยเปต เคลียร์ชัดทำไมไม่ดีเบต พร้อมสั่งลุย ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำไทยต้องไม่เสียเปรียบ

โหนกระแส วันที่ 26 ธันวาคม ดำเนินรายการโดย“หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมาย เลข 33 เกาะติดเหตุการณ์สงครามชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้สัมภาษณ์ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี พร้อมเคลียร์ทำไมไม่ดีเบต

ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ในมุมของท่านไปถึงไหนแล้ว?
“ถ้าจะบอกว่าเราควบคุมสานการณ์และเป้าหมายที่กองทัพได้ตั้งไว้ ก็บรรลุเป้าหมาย ครบ ถ้าให้ตอบก็ตอบตรงๆ แบบนี้เลย และหวังว่าน่าจะมีข่าวดี ในเร็ววันนี้”

คิดว่าน่าจะก่อนปีใหม่มั้ย?
“ผมพยายามสุดความสามารถในชีวิต ผมอยากให้ทุกอย่างกลับมาสู่สภาพที่ทุกคนไม่ต้องมีความหวาดระแวงอะไร แล้วประเทศไทยก็จะไม่สูญเสียอธิปไตยหรือดินแดน นี่คือเป้าหมายที่ผมและกองทัพได้ร่วมมือกันมาตลอดเวลา ตั้งแต่เรามีความขัดแย้งกันกับประเทศเพื่อนบ้าน”

ได้คุยกับทหารหลายนาย ท่านบอกว่าจริงๆ แล้วยุทธวิธี ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน ต้องหวดให้หนัก มาคุยบนโต๊ะเจรจา เดี๋ยวว่ากัน?
“ผมคิดว่าในภาษาทางการทหาร เขามีคำว่ากฎแห่งการปะทะ คำว่าหวดให้หนัก เป็นภาษาร้านกาแฟคุยกัน แต่จริงๆ ประเทศไทยเราทำตามกฎแห่งการปะทะมาตลอด เราก็โดนหนักนะ ที่บอกว่าเราไปทำเขาหนัก ผมคิดว่าด้วยความที่ผมก็รับรู้รับทราบสถานการณ์มาโดยตลอด เราตอบโต้ทุกครั้งเมื่อมีการละเมิด และโจมตี ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นกับพี่น้องทหาร และประชาชน ตรงนี้เป็นจุดที่เราไม่สามารถยอมรับได้”

ล่าสุดเรื่องการประชุม GBC กัมพูชาส่งตัวแทนมาที่จันทบุรี แต่ก็ยังไม่จบสักที ติดปัญหาอะไร เขาดึงเชงตลอดมั้ย?
“ถ้าเรามองในฐานะที่เราเป็นคู่กรณี ตราบใดที่มีการพูดคุยกันได้ ก็ต้องถือว่าสถานการณ์น่าจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เพราะการพูดคุยกัน เต็มที่คือเหมือนเดิม จะไม่แย่ลงไป นอกจากว่ามีการเพิ่มการโจมตีอะไรกันอีก นั่นเป็นเรื่องอนาคต แต่ในการปฏิบัติแล้ว กองทัพมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย รักษาดินแดน รัฐบาลมีหน้าที่ให้การสนับสนุน ยุทธศาสตร์ของกองทัพ และมีหน้าที่ในการไปทำความเข้าใจกับประชาคมโลก นานาชาติ มีหน้าที่ใช้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในการเจรจา ส่วนรบก็ว่ากันไป แต่การเจรจา ไม่ว่าเราจะได้ผลหรือไม่ได้ผล ตราบใดที่มีช่องทางเจรจาอยู่เราก็ต้องเจรจาไป เราเจรจากันมาหลายรอบแล้ว แต่สิ่งที่ประเทศไทยสามารถยึดถือ ผมไม่ชอบใช้คำว่าได้เปรียบเสียเปรียบ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา คนอื่นพูดไม่เป็นไร แต่สำหรับผมคือขอให้มีหลักยึด มีแนวทางที่ถูกต้อง อธิบายผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ผมว่าประเทศไทยอยู่ในจุดนี้ เราไม่เคยละเมิดข้อตกลง เราเซ็นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว 28 ก.ค.ไปลงนาม แล้วก็ไม่จบ ผมก็คิดว่าตอนผมเข้ามาใหม่ๆ มีท่านประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียยืนเป็นสักขีพยานด้วย และปฏิญญาที่เราลงนามลงไป ก็เป็นการเจรจาตกลงกัน 4 ข้อนั้นสำหรับประเทศไทยปฏิบัติไม่ยากเลย ทำได้เลย ถอนกำลังทหาร อาวุธหนัก เก็บกู้วัตถุทุ่นระเบิด ปราบปรามสแกมเมอร์ บริหารจัดการชายแดนบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ตรงสระแก้ว เป็นเรื่องที่เราปฏิบัติมาโดยตลอด เราสามารถยืนอยู่บนหลักนี้ ทุกคนก็ต้องพูดเข้าข้างตัวเอง แต่สิ่งที่เราอธิบายชาวโลกไม่สำคัญเท่ากับผมต้องอธิบายประชาชนชาวไทยให้ได้ว่าเราอยู่ในสถานะไหน แต่ถ้ามีการล่วงละเมิด รุกล้ำอธิปไตย รุกล้ำดินแดน มีการทำร้ายประชาชน 3-4 ปัจจัยนี้ผมไม่ยอม ผมก็มีความชัดเจนตรงนี้ และเราก็อยู่บนหลักนี้มาโดยตลอด

GBC ที่มีการเจรจา ทางฝั่งฮุน มาเน็ต ก็มีการโพสต์ข้อความ บอกว่าเขายกหูหารัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอเมริกาแล้ว เขาบอกว่าเขาต้องการยุติ ต้องการสงบกับเรา เหมือนให้เขามาเป็นตัวกลาง แต่อีกขายังคุยอยู่ในไทย ไม่แปลกไปเหรอ?

“ท่านควรยกหูหาผมครับ เรามีช่องทางในการพูดคุยกัน ความสัมพันธ์พื้นฐานที่รู้จักกันมาก่อน ต้องเรียนตรงๆ ว่ามีพรรคพวกที่สนิทกัน รู้จักกัน สามารถหาทางยุติปัญหาได้ จนสิ่งที่ผมเสียดายอยู่ทุกวันนี้ คือไม่รู้เข้าผิดซอยกันหรือเปล่า (หัวเราะ) ผมใช้ภาษาเทคนิคไม่ค่อยคล่อง มันมีทางที่จบได้ง่ายๆ สำหรับผม ประเทศไทยไม่เสียหายแน่นอน”

จบง่ายๆ คือเขาติดต่อมาหาท่านแล้วคุยกันก็ได้?
“4 ข้อที่อยู่ในปฏิญญา ต่างคนต่างทำ มันก็จบ แต่พอเราดำเนินการไป พอถึงจุดนึง นี่เป็นสิ่งที่กองทัพแจ้งผมมาตลอดว่าท่านครับ ถ้าเราเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าไปตรงนี้ เขาจะไม่ยอม เราถึงได้เตรียมตัวไว้เป็นอย่างดี แต่เราต้องเก็บกู้ระเบิดเข้าไป การเก็บกู้ระเบิดมีความชัดเจนในปฏิญญา ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายนึงมาเก็บนะ เขาใช้ภาษาสากลแปลเป็นภาษาไทย อาจงงๆ ว่าการเก็บวัตถุระเบิดเพื่อมนุษยศาสตร์ แต่ในการปฏิบัติ แปลว่าเจอทุ่นระเบิดที่ไหน ไม่ต้องมาบอกว่าเฮ้ย นี่ของยูนะ ยูมาเก็บ ใครเจอเก็บก่อนเลย นี่คือสิ่งที่ไทยทำมาตลอด เราก็เก็บ แต่ทั้งหมดคือเก็บของเขา เพราะประเทศไทยไม่มีนโยบายวางทุ่นระเบิด เก็บไปเรื่อยๆ เก็บไปปุ๊บ เอ๊ะ มันไม่ใช่วัตถุระเบิดที่ถูกทิ้งสมัยคอมมิวนิสต์ 1975 นี่ นี่มันใหม่จนทำความสะอาดได้ คนที่เห็นแม้กระทั่งผู้สังเกตการณ์อาเซียน AOT ก็ยังออกเป็นหนังสือยืนยันว่าวัตถุระเบิดเหล่านี้ เพิ่งมาวาง ตอนนั้นผมไปตามแนวชายแดน ไปที่ฐานต่างๆ ผมเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยด้วย ผมไปในพื้นที่ในความรับผิดชอบ อันตรายแต่เราพอประเมินได้ขณะนั้น ก็ไปเห็นของจริง มันก็ใหม่จริง ฉะนั้นเมื่อท่านประธานาธิบดีสหรัฐโทรมาก็ดี บอกว่าของเก่า แต่เราเห็นมาแล้ว มีจุดที่ผมสามารถยืนยัน ผมเป็นใคร ผมเป็นนายกฯ ของเมืองไทย ผมไม่พูดมั่วอยู่แล้ว ผมไม่ได้เจรจาต่อรองธุรกิจนี่ครับ ผมเจรจาบนอธิปไตยของแผ่นดิน บูรณาภาพของแผ่นดิน ผมก็ต้องมีหลักฐานจริง มีข้อเท็จจริงที่เอามาพูด ทุกคนเหมือนเวลาเราชกกัน ทุกคนบอกแยกๆ อย่าไปโกรธกัน อย่าทะเลาะกัน คุณไม่ใช่คู่กรณี คุณไม่มีวันรู้ว่าทำไมถึงทะเลาะกัน

ความแปลกอยู่ตรงที่ ขานึงพยายามเจรจากับเรา อีกขาใช้เหตุยกหูหาสหรัฐฯ คิดว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร?

“มันไม่จบไง ในเมื่อเราเป็นคู่กรณีก็คุยกันตรงนี้แหละ นี่คือสิ่งที่สภาความมั่นคงแห่งชาติของเรา ได้เน้นมาตลอด ใช้มติย้ำแล้วย้ำอีกตลอด ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาในระดับทวิภาคี คุณกับผม”

ถ้าคุยกันวันนี้ไม่จบอีก?
“ถ้าตกลงกันไม่ได้ ประเทศไทยเราก็ต้องมีกรอบของเรา มีเงื่อนไขของเรา เพราะเราไม่ได้ละเมิด แต่เราถูกละเมิด ก็ต้องมีกรอบของเรา ว่าต้องเริ่มจากจุดนี้เป็นต้นไป เช่นมีข้อเสนอจากฝั่งโน้นว่าให้กลับไปที่เดิม มันกลับไปที่เดิมไม่ได้ เพราะเราได้เข้าไปสถาปนาอธิปไตยบนพื้นที่ที่เรามั่นใจว่าเป็นของเรา ฉะนั้นการดำเนินการใดๆ ก็แล้วแต่ ก็ต้องจากจุดนี้เป็นต้นไป ไม่ใช่สถาปนาอธิปไตยแล้ว แล้วให้ถอยกลับมา มันไม่ได้”

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่จัดการปอยเปตทั้งที่เป็นโอกาส เพราะมีนักการเมืองเองเป็นเจ้าของฝั่งคาสิโนที่ปอยเปต หรือสแกมเมอร์ที่ไปเกี่ยวข้อง เราเลยเว้นวรรคไว้ให้ ท่านมองยังไง?
“ปอยเปตก็ถูกเราโจมตีเหมือนกันนะ หลายที่ด้วย เพราะว่าทางการทหารเขาถือว่าเป็นเป้าหมายที่เป็นภัยต่อความมั่นคงต่อประเทศเรา อย่าไปมองว่านั่นคืออาคาร โรงแรม คือบ่อน คาสิโน บางที่มันเป็นเปลือกครอบฐานศูนย์ปฏิบัติการสแกมเมอร์ เป็นจุดไว้คอนโทรลอาวุธร้ายแรง ไม่ใช่กองทัพอยากยิงไปที่ไหนก็ไม่ได้สนใจเป้าหมาย นั่นอีกฝั่งนึง เราโดนแบบนี้”

เขายิงมั่วแต่เราไม่ทำแบบนั้น?
“เราไม่ยิงมั่ว เราตอบโต้ไปในที่ที่ถ้าเราทิ้งจุดนั้นไว้ ประเทศเราเป็นอันตราย ผมให้คำยืนยัน ผมเป็นนายกฯ ผมกล้าพูดว่า รัฐบาลที่มีผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมไม่มีความเกรงใจ หรือหวาดเกรง หรือเกรงกลัวใดๆ ต่อการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือสแกมเมอร์เลยแม้แต่น้อย ถ้าติดตามสิ่งที่เกิดขึ้น จริงๆ ผมนึกว่าผมจะได้อยู่ 4 เดือนนะ แต่ผมอยู่ได้ 2 เดือนกว่า แต่เราก็ทำหน้าที่เต็มที่ ฝ่ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปปง. ฝ่ายกองทัพ ก็ช่วยกันใช้มาตรการกำจัดปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์เต็มที่ ยึดอายัดทรัพย์สินเงินสด ดำเนินคดี ถอนสัญชาติคนที่ไม่พึงประสงค์ เพราะพัวพันกับสแกมเมอร์”

อย่างเบน สมิธ?
“หลายๆ คน คุณเบน สมิธ ยังไม่ได้สัญชาติ เราก็ไม่ได้ให้สัญชาติ เรื่องการอายัดทรัพย์เป็นหลักหลายหมื่นล้าน ประมาณ 3-4 หมื่นล้านแล้ว ที่ทางรัฐบาล ตร. ปปง. และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดีเอสไอ ก็ดำเนินการกันอย่างเต็มที่ ดีเอสไอไปจับเครื่องบิตคอยน์ ซึ่งผมเห็นยังตกใจ นี่ลักลอบเข้ามานะครับ เครื่องใหญ่แผงใหญ่เท่าจอยาว มีอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ มากมาย ถ้าเรามีความเกรงใจ หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลอาชญากรเหล่านี้ เราคงไม่ทำได้ถึงขนาดนี้ วันนี้สิ่งที่ฝ่ายประจำเขาต้องการได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาล ไม่ใช่ไปเทเขา ต้องให้ความเชื่อมั่นเขา เสริมศักยภาพเขา ซึ่งเราทำทุกอย่าง ผลมันก็ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีการกระทำได้มากถึงขนาดนี้ ล่าสุดเรื่องการเซ็น MOU มีการสแกนม่านตา มีข้อมูลเยอะแยะมากมาย ดำเนินการโดยกลุ่มของฝรั่งที่พี่หนุ่มเอ่ยชื่อมา เราก็ไปดำเนินการ ติดตามข่าวได้ ตัวผมไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการ แต่เป็นฝ่ายมอบนโยบายให้ปราบให้สิ้นซากนะ มีคำว่าปิดชื่อดูพฤติกรรม เพราะถ้าเห็นชื่อก่อนเดี๋ยวคนวิ่งหนี ไม่อยากทำ ไปโทษการเมืองอีก แต่รัฐบาลชุดผม ผมไม่มีคำว่าการเมือง มีแต่ผิดก

ฎหมายหรือถูกกฎหมาย ผมถึงไปบัญญัติไว้ว่าพี่ๆ ไม่ต้องห่วง ปิดชื่อดูพฤติกรรม เปิดมาแจ็คพอตคนไหน สำนวนไปถึงก็คนนั้น ดำเนินคดีอย่างเต็มที่ นี่คือสิ่งที่เราได้ทำมา ไม่มีโทรศัพท์จากใครบอกให้เบาหน่อย หรือช้าหน่อย หรือตัดชื่อคนนั้นคนนี้ ไม่มีโทรมาขอ เขาทราบดี อย่างผมเรื่องขอแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้น ผมไม่ได้รู้สึกหนักใจ กลับบ้านแล้วนอนไม่หลับ เพราะคนนี้ขอมาแล้วไม่ทำให้เขา การวางตัว คนที่จะมาขอผมในเรื่องเหล่านี้ ผมมั่นใจว่าเขาบอกอย่าดีกว่า เป็นไปไม่ได้

พอพูดถึงคุณเบน สมิธ ก็มีคนหยิบมาพูดอีกว่า ท่านนายกฯ ก็มีภาพถ่ายร่วมกัน?
ถ้าเกิดคนที่ถูกดำเนินคดีแล้วมีภาพถ่ายร่วมกันไม่ได้นี่ผมว่าผมมีมาอีกเยอะเลยนะ มันไม่สามารถเปรียบตรงนั้นได้ คนที่ถูกดำเนินคดี จะใช้วาทกรรมไปป้ายเขา สาดโคลนใส่เขาเหมือนที่บางคนชอบทำไม่ได้ ผมยึดถือกระบวนการยุติธรรม”

บางคนนี่ใคร?
“อย่าไปพูดเลย ทุกคนรู้หมด เราใช้กระบวนการยุติธรรม ไปถึงคนไหนก็คนนั้น แต่จะบอกว่าห้ามรู้จักเลย มันก็ไม่ได้ อดีตเราไม่รู้นี่ อย่างรูปเอามาลง รูปนั้นออกมาวันไหน หลังผมแถลงยึดทรัพย์หมื่นกว่าล้าน แถลงสามโมง สี่โมงรูปออกเลย แต่รูปนั้นผมก็สบายมาก เพราะมันเกิดขึ้นในปี 2557 เป็นรูปที่กินข้าวปกติ วันนั้นคุณเบน สมิธ ถูกแนะนำให้รู้จักกัน นั่นคือการพบกันครั้งแรกเขามาลงทุนในประเทศไทย ตอนปี 57 คสช. ผมไม่ได้มีตำแหน่งอะไร ไม่ได้มีบทบาททางการเมือง ไม่ได้มีอำนาจ กลุ่มนี้คือกลุ่มตีกอล์ฟ คนที่ผมสนิทมากๆ อย่างคนที่สามจากขวา คนที่สองยืนติดผมก็สนิท รู้จักดี ท่านอดีตวุฒิสมาชิก อุปกิต ปาจรียางกูร, ท่าน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ คนกลางก็พี่แดง ตอนนั้นท่านเป็นผบ.พล 1 วปอ.57 แล้วก็คนถัดไปจากคุณเบน สมิธ ก็พี่ตุ๊ รุ่นพี่อัสสัมชัญผม 1 ปี อยู่ในวงดนตรีด้วยกัน คนสุดท้ายผมจำไม่ได้ เป็นเรื่องปกติ มีอีกหลายคนเลยที่ติดผม คุณเบน , คุณสารัตน์ รัตนาวดี ก๊วนนี้บางคนบอกว่าไปฮ่องกง ผมขี้เกียจแก้ข่าว นี่คือไปสิงคโปร์ ก็กินข้าวที่ร้านอาหารมิชลินที่สิงคโปร์ ก็ไปกินกัน”

เป็นภาพในอดีต ถ้าสนิทจริง ป่านนี้ปล่อยให้มีสัญชาติแล้ว?
“ก็ไม่เกี่ยวกัน ได้หรือไม่ได้สัญชาติอยู่ที่พฤติกรรม สมมุติมาขอสัญชาติ แล้วมีคนบอกว่ามีคดีๆ นี้ ผมก็ยังไม่ได้เชื่อ เพราะกว่าจะมาถึงผม มันต้องผ่าน ตม. ต้องผ่านกองสอบสวนสืบสวน ต้องผ่านอินเตอร์โพล คณะกรรมการสัญชาติ มาถึงผม เขาสรุปมาหมดแล้ว เรื่องของคุณเบน สมิธ ที่ไม่เคยได้สัญชาติ เพราะแกมีหลายสัญชาติ ในกฎหมายไทย ตอนนั้นนะที่เรื่องมาถึงผม ที่ผมไม่เซ็น กฎหมายไทย คุณต้องเหลือสัญชาติเดียว รายงานก็โผล่มา มันก็จบด้วยตัวมันเอง ส่วนคดีความต่างๆ วันนี้อยู่ในกระบวนการ ศาลตัดสินว่าไงก็เป็นอย่างนั้นไป ถ้าบอกว่าสงสัยคนนี้เป็นงี้ เราดำเนินการทั้งหมด มันก็ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม แต่ถ้ากระบวนการยุติธรรมพิสูจน์แล้ว อย่างข้อสรุปฝ่ายตร. ปปง.สรุปว่าคุณลียองพัด มีพฤติกรรมงี้ๆ มันก็เข้าข่ายว่าไม่เป็นภัยต่อประเทศ ไม่ถูกดำเนินคดี เราก็ดำเนินการเพิกถอนสัญชาติทันที เราต้องยึดกฎหมาย ใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ สแกนม่านตา MOU อะไรก็แล้วแต่ ถ้ากฎหมายถูกต้องก็ผ่าน ถ้าขัดต่อกฎหมายก็ต้องขยายผล และดำเนินการต่อไปจนถึงจุดสิ้นสุดของคดีเท่านั้นเอง ตรงไปตรงมา”

ที่เขาพูดว่ามีทุนนักการเมืองไทยไปเกี่ยวข้องในปอยเปต ท่านเคยระแคะระคายเรื่องนี้มั้ย?

ได้ยินจากข่าวเหมือนกัน ถ้าเขาไปลงทุนในประเทศนั้นแล้วไม่ผิดกฎหมาย เราก็ทำอะไรไม่ได้ เราได้ยินแต่ใครยอมรับ ตอนนักการเมืองต้องดีแคร์ทรัพย์สิน ในบัญชีทรัพย์สินก็ไม่มีตรงนี้ แต่ถ้าผิดกฎหมาย เช่นมาเปิดเป็นฐานอยู่ในประเทศไทยเลย อย่างนี้ก็โดน ถ้าใช้เส้นทางโทรศัพท์ เส้นทางการเงิน เคยมีคนโทรมาหาแล้วโอนเงินไปแบบนี้ มันพลาดโดนคนนี้ นักการเมือง ญาตินักการเมือง พวกนักการเมืองก็โดนทุกคน ไม่มีเว้นใครแม้แต่คนเดียว ผมถึงบอกว่าผมง่าย เพราะผมไม่ดูชื่อเลย ผมบอกให้ทุกคนไม่ต้องดูชื่อ ให้ดูสำนวน สำนวนสรุปออกมาเปิดชื่อใครก็คนนั้น ก็จบ ดำเนินการต่อไปได้เลย ไม่มีอ้าว ตาย คนนี้เป็นรัฐมนตรีคณะผมอยู่ ถ้ายิ่งมีผมยิ่งซ้ำนะ เพราะถือว่าหลอกลวงประชาชน ต้องมีการสอบประวัติ กรอบประวัติทุกอย่าง เป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวล แต่จะให้คนมาชี้นิ้วอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีกระบวนการยุติธรรมประกอบไปด้วย”

ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คงไม่ยืดเยื้อไปถึงก.พ. ตอนเลือกตั้ง?

“ผมอยากให้จบวันนี้ด้วยซ้ำ ผมก็ยังยืนยันประเทศไทยเราไม่ใช่ตัวปัญหา ยกตัวอย่างกองทัพ เขาก็แถลงชัดเจน ว่าเขาสถานปนาบูรภาพดินแดนได้แล้ว ตามที่เขามีเจตนารมณ์ไว้ คืนอธิปไตยให้ราชอาณาจักรไทยแล้ว ถ้าฝั่งคู่กรณีเราต้องการยุติ เราก็ไม่ได้เสียอะไรแล้ว เราก็ยุติได้ ที่ผ่านมามันจบไม่ได้ เพราะเราเสียไป เราถูกยึดเอาไป เราถูกครอบครองไป แต่พอเรามาร์กจุดว่าตรงนี้เป็นของเรา และครอบครองกลับมา ถ้าเขาจะจบ เราก็จบได้”

หลายคนกำลังสงสัย ทำไมท่านอนุทิน ไม่ไปดีเบตใครเลย?
“(หัวเราะ) ถามหลายประเด็นจัง”

ท่านมองยังไงกับเรื่องนี้?
“ผมยังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอยู่ จริงๆ ไม่ใช่รักษาการนะ ทำหน้าที่อยู่ มันกำหนดในรัฐธรรมนูญ ประเทศต้องมีรัฐบาลตลอดเวลา วันนี้ประเทศไทยเรามีปัญหาเยอะแยะไปหมด เดี๋ยวผมก็ต้องกลับไปประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผมเอาเรื่องอธิปไตก่อนดีกว่ามั้ย อันนี้สำคัญสำหรับผมมากกว่า หนึ่งทำไงก็ได้ให้ความเสี่ยง ความหวาดกลัว ความหวาดระแวง ความสูญเสียของพีน้องทหารหาญของเรา กับพี่น้องประชาชนของเรา เอาเรื่องนี้ให้มันจบไปก่อน ไอ้เรื่องการหาเสียง ผมว่าสองสามวันที่แล้ว พรรคผมใช้เวลาพี่น้องไปเกือบ 4 ชม. ในการเปิดตัว เปิดนโยบายให้ทุกท่านรับทราบเพื่อไปพิจารณา จากนี้ไปมีเวลาอีกตั้ง 40 กว่าวัน ที่ผู้สมัครนำนโยบายนี้ไปชี้แจงให้โหวตเตอร์เขาได้รับทราบ แล้วนโยบายการทำงานของผม ผมทำงานเป็นทีม ถ้าผมเก่งทุกอย่าง ผมก็คงประสบความสำเร็จเร็วกว่านี้ มากกว่านี้ แต่ผมก็ใช้ทีมของผม ใครมีความรู้ความสามารถด้านไหน ก็เอาไป”

ไม่จำเป็นต้องดีเบต?
“ผมพูดไม่เก่ง ผมไม่ชอบตอบโต้ พอตอบโต้ปุ๊บเดี๋ยวทะเลาะกัน ผมหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน ผมมีสไตล์การใช้ชีวิตของผม ผมไม่อยากไปว่ากล่าวใคร ผมไม่อยากไปกล่าวหาใคร ไม่อยากไปแก้ตัวในสิ่งที่ผมถูกกล่าวหาแล้วไม่เป็นความจริง มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย สมมตดีเบตกัน วันนี้ผมเป็นนายกฯ ผมพูดอะไรต้องระวังหมด แล้วมีเรื่องใหญ่เรื่องโต บางทีมันสับสมอง สับสวิตซ์ไม่ทัน ผมก็มีความชัดเจนแล้วว่านโยบายพรรคภูมิใจไทยต่างๆ ไทยแลนด์พลัส คนละครึ่งพลัส การศึกษาพลัส การศึกษาพลัส ขายข้าวพลัส สแกมเมอร์ยกกำลัง ไม่พลัส ไม่บวกครับ ทวีคูณ เอาให้อยู่ ผมทั้งแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ความตั้งใจ เจตนารมณ์แผนการทำงานที่จะทำไป ถ้ามีโอกาสได้กลับมาเป็นผู้บริหารประเทศอีกรอบนึง ผมว่าผมมีความชัดเจนตรงนี้อยู่แล้ว”

เขาลือว่าท่านกลัวพลาดพลั้ง หรือกลัว?
“พูดไม่เก่ง แล้วพูดไปไม่ได้มีอะไรบวกขึ้นมา มีแต่ลบ ต้องไปทะเลาะเขา ต้องไปดีเฟน ต้องไปชี้แจง ไม่ทันได้พูด คุยกัน 5-7 คน บางครั้ง 10 คนพูดคนละ 2 นาที ผมพูดไม่ได้จริงๆ มันอาจเป็นจุดอ่อนของผม ถ้าให้ผมพูด 3 ชม. ผมพูดได้ แต่ผมพูด 2 นาที ผมพูดไม่ได้ ฉะนั้นถ้าไปแล้วต้องไปนั่งตอบโต้ข้อกล่าวหาต่างๆ ไม่ทันได้พูดเรื่องตัวเอง มันก็เสียเวลาคนฟัง ผมมีความชัดเจนเรื่องนโยบายพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว เดี๋ยวผมก็หาทางสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ในรูปแบบที่ผมสื่อสารได้ชัดเจน ไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา ผมมีเวลา 40 กว่าวัน พรุ่งนี้ผมก็ไปเปิดตัวผู้สมัครส.ส. และเดินสาย 3-4 จังหวัด ผมไดเรกต์เซลล์ถึงพี่น้องประชาชนเลย ไม่ต้องผ่านการดีเบตหรืออะไรต่างๆ ผมก็มีแนวทางในการทำงาน ที่ผมรู้สึกว่าผมสามารถดิลิเวอร์สิ่งที่พี่น้องประชาชนอยากให้เกิด อยากเห็น และคาดหวังจากผมได้ ในอีกรูปแบบนึง”

ล่าสุดคุณเท้ง ออกมาพูดว่า พรรคประชาชนจะไม่มีการโหวตให้คุณอนุทินเป็นนายกฯ อีกแล้วเหมือนกัน หรือแม้กระทั่งรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น ถ้าต่อสู้ก็ต่อสู้ระหว่างประชาชนกับภูมิใจไทย ท่านมองเรื่องนี้ยังไง?
“ทำไมถึงไม่โหวตล่ะครับ ไม่โหวตเพราะโกรธที่ผมยุบสภาเหรอ ผมทำชั่ว ทำเลวอะไรกับประเทศชาติหรือเปล่า ถึงไม่มาร่วมงาน ถ้าพวกท่านดีแคร์ตัวเองว่าเป็นคนดี มีความสามารถ รักชาติบ้านเมืองเหมือนกัน ผมว่าผมก็รักชาติ รักบ้านเมืองไม่แพ้กัน ทำไมถึงทำงานร่วมกันไม่ได้ ถ้ายังไม่ทันเลือกตั้งเลย พี่น้องยังไม่ทันตัดสินเลย แล้วมาบอกว่าไม่ทำงานร่วมกันแล้ว ผมว่าอันนี้อัตตามากไปหรือเปล่า เรื่องบ้านเมืองอัตตาไม่ได้นะ ถึงเวลาเดินหน้า ถ้าลุยก็ต้องลุย ถ้าถอยแล้วบ้านเมืองเดินได้ก็ต้องถอย ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะร่วมกับใครไม่ได้ ผมร่วมไม่ได้อย่างเดียว ถ้าพรรคไหนบอกว่า ไปแตะมาตรา 112 อยู่ นั่นแหละผมไม่ร่วม เพราะนี่คือแนวทางพรรคภูมิใจไทย สังเกตมั้ยยิ่งเลือกตั้งมันเป็นสิ่งที่ผมติดมา ตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรค ว่าผมต้องฟังการตัดสินใจของประชาชน ถ้าประชาชนเลือกเราเท่านี้ เลือกพรรคอื่นเท่านี้ เลือกพรรคเราเท่านี้ เราดีโค้ดออกมาได้ว่าความต้องการของประชาชนเป็นยังไง เราก็ทำตาม มันไม่ได้ยาก”

สมมติตัวท่านเองผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว ปรากฏว่าท่านต้องจับขั้ว กล้าธรรมกับประชาธิปัตย์ ซึ่งคุณอภิสิทธิ์พูดคำนี้ออกมา จนท่านธรรมนัสควันออกหู แล้วท่านจะทำยังไง?
“มันดีมั้ยล่ะ พี่น้องประชาชนควรรับรู้มั้ยว่าพี่ธรรมนัสผมควันออกหู ประชาชนได้อะไรจากการโกรธของพี่ธรรมนัส ฉะนั้นเราถึงต้องมีกระบวนการยุติธรรม ผมก็ตอบคำถามซ้ำ เรื่องสแกมเมอร์ วาทกรรมไปพูดว่าคนนี้ชั่ว คนนี้เลว ไปกล่าวหาก่อน โดยที่กระบวนการยุติธรรม ยังไม่มีศาลไหนที่ตัดสินเลย โหย ถ้าอย่างนี้ใครไม่ชอบนะ ผมก็ให้ทีมงานผมไปกล่าวหาๆ ตกลงก็ไม่ต้องมีใครมาทำหน้าที่รับใช้บ้านเมืองกันพอดี”

ถ้าคุณอภิสิทธิ์พูดว่าจะไม่ร่วมกับกล้าธรรม ก็ไม่ได้ตัดภูมิใจไทยออกจากสมการ?
“ผมถึงบอกเอาไว้รอวันที่ประชาชนตัดสินใจก่อน อย่างที่ผมบอก ไม่มีข้อกฎหมายกำหนดอะไรที่จะมาบอกว่าหัวหน้าพรรคทุกคนจะมาบอกว่าคุณจะร่วมกับคนนั้น ไม่ร่วมกับคนนี้ ที่ผ่านมาคนที่พูดแบบนี้”

มาร่วมกันเยอะแยะ?
“ผมไม่ได้หมายถึงท่านอภิสิทธิ์นะ แต่มีคนพูดแบบนี้เยอะแยะเลย ไม่มีวัน ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ตายดีกว่า”

เหมือนท่านกับเพื่อไทยก่อนหน้านี้?
“ผมไม่เคยพูดเลย มีแต่คนอื่นพูดว่าไม่ร่วมกับผม (หัวเราะ) ผมไม่มีคำไหนเลยนะ ผมเพิ่งมีคำพูดเมื่อวาน ถ้า 112 อย่าว่าแต่หัวหน้าเท้งเลย พรรคไหนบอกจะแตะ 112 จะปรับ จะแก้ ผมก็ไม่ร่วม ตั้งแต่เล่นการเมืองมา ก็พูดแค่นี้ พอร่วมกันมันก็ต้องมานั่งหาเหตุผลอธิบาย ซึ่งมันก็ฟังไม่ได้เรื่องสักอย่าง”

หมายตาไว้หรือยัง?
“บางทีเราก็อยู่ในการเมืองมา จนเราใช้คำว่าเก๋าไม่ได้ เพราะมันชมตัวเอง ต้องใช้คำว่าเข้าใจ ทำใจได้ เมื่อถึงเวลาหลังเลือกตั้งแล้ว ไม่เกินเที่ยงคืนของวันเลือกตั้ง เห็นรัฐบาลทันที ไม่ว่าจะรับรองหรือไม่รับรองผล นี่คือสิ่งที่ผมเชื่อ ผ่านการเลือกตั้งมา 3-4 ครั้งก็เห็นแบบนี้ตลอด ไม่ต้องรอนานเลยนี่ครับ ปี 62 พรรคภูมิใจไทยได้ 51 เสียง โทรศัพท์ผมมีมิสคอลประมาณ 500 คอล เราไม่ใช่แกนนำ แต่ผมก็ไม่เคยพูดว่าผมไม่ร่วมกับใคร เพราะว่าถ้าประชาชนเลือกแล้ว ผมว่าผมมีเกราะป้องกัน ผมเข้ามา 51 คน เข้ามา 71 คน เที่ยวหน้าก็หวังว่าจะเข้ามา 100 กว่าคน”

เที่ยวนี้ท่านหวังเท่าไหร่?
“100 กว่า ก็หวัง ต้องทำให้ดี ประชาชนสั่ง ประชาชนเป็นคนเลือก ผมกำหนดเองไม่ได้ ถ้ากำหนดเองได้ ผมก็มี 500 คนเลย หมดเรื่องหมดราว มันทำไม่ได้ไง ต้องทำแบบนี้ ตอนผมมา 71 คน ผมก็ว่าพวกผมนะ ผมอ่านความต้องการพี่น้องประชาชนได้ ประชาธิปไตยคือเสียงส่วนใหญ่ เสียงส่วนใหญ่ว่ามาแบบนี้ เราคิดว่าเสียงส่วนใหญ่ถ้าไปแบบนี้ เสียงส่วนใหญ่โอเค เราก็ไป เพราะผมมาทำงาน สิ่งที่ดิลิเวอร์ให้ประชาชนได้คือเข้ามาแล้วทำงาน ให้ประเทศ ให้ประชาชนได้ทั้งหมด ที่ผ่านมาทำงี้มาตลอด ถ้าคนการเมืองเข้าใจหลักการทำงานของผม ที่ผ่านมาผมทำงานเป็นรองนายกฯ เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข นายกฯ ชื่อพลเอกประยุทธ์ ท่านเข้าใจผม ท่านเห็นว่ามาทำงานร่วมกัน เฮ้ยดี สามัคคีคือพลัง ตรงไหนเข้าท่าสนับสนุน ตรงไหนไม่เข้าท่าดุด่าว่ากล่าวก็ทำ จบ 4 ปีสวยงาม ระบบการสาธารณสุขของประเทศไทยก็เป็นลำดับ 6 ของโลก ประเทศไทยมีความเป็นปึกแผ่น ไม่มีความแตกแยก พอหลังเลือกตั้ง ท่านประยุทธ์ไม่ได้เป็นนายกฯ แล้ว ผมก็มีนายกฯ ใหม่อีก 2 คน ก็ทำงาน สนับสนุน ยืนเคียงข้างนายกฯ ตลอดเวลา ไม่เคยคิดจะไปทาบเงา เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เป็นรองนายกฯ ทำงานสนับสนุนรัฐบาลเต็มที่ แต่อีกฝั่งไม่ได้คิดอย่างผม มันเลยมีวันนี้ ไม่งั้นป่านนี้ผมก็ยังเป็นรองนายกฯ แล้วก็เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ช่วยกันทำงาน อีกสองปีค่อยเลือกตั้ง”

ตอนนั้นท่านน้อยใจหรือเปล่า ที่ต้องออกมา?
“ผมเสียใจ ไม่น้อยใจเพราะหัวยังไม่ล้าน ผมเสียใจที่ทำไมแปลเจตนารมณ์ผมผิด แล้วข้อกล่าวหาที่บอกว่าผมทำงานไม่ดี ทำงานช้า ทำงานไม่ทันใจ ทำงานไม่เข้าเป้า แต่โพลผมมา หลังจากนายกฯ นายกฯ ยังไงก็ต้องที่หนึ่ง โพลถัดจากนายกฯ ก็ผมทั้งนั้น เรื่องยาเสพติดผมก็ทำจนโอ้โห คนมาร่วมจับกับผมเยอะแยะไปหมด ที่ไม่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทยวันนั้น ผมบอกว่าใครมาร่วมให้ร่วม ถือว่าทำงานด้วยกัน เรื่องเยอะแยะมากมาย ก็ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี ถ้าเขาไม่ไล่เราออกมา เราก็คงไม่ได้เป็นนายกฯ ท่านอย่าโกรธนะ เป็นนายกฯ ดีแล้ว ขอบคุณที่เขาไล่ออกมา แต่โดยส่วนตัวผมไม่มีโกรธ”

ตกลงเขาไล่ออกหรือท่านออกมาเอง?
“ได้รับออฟเฟอร์ที่รับไม่ได้”

เหมือนครั้งนี้ที่คุณเท้งบอกให้ลาออก ท่านออกเลย ยุบเลย?
“เหมือนคุณหนุ่มได้รับเงินเดือน 3 แสนบาท แล้วเขามาบอกหนุ่ม เอางี้ ไปรับ 1.8 แสนแล้วกัน พี่จะให้โอกาสหนุ่มทำงานตรงนี้ต่อ คุณหนุ่มเปลี่ยนช่องมั้ยล่ะ”

เปลี่ยนสิครับ?
“ฉันใดก็ฉันนั้น”

เท่าที่ดูตามข่าว เขาอยากได้รั้ว ในแนวเขตต่างๆ นานา ท่านมองยังไง?
“วันที่ผมเปิดตัว ผมใช้คำว่ารั้วของชาติ สิ่งที่พี่น้องประชาชนกำลังพูด คือกำแพงที่แบ่งเขตให้ชัดเจน ตรงนั้นในจุดที่มีความจำเป็น เราสร้างอยู่แล้ว งบประมาณกองทัพเตรียมไว้อยู่แล้ว แต่คงไม่ใช่เป็นกำแพงเมืองจีน ในส่วนยุทธศาสตร์ของทหาร ของกองทัพ กองทัพเขามีความชัดเจนตรงนี้อยู่แล้ว รัฐบาลไม่มีปัญหาครับตรงนี้ แล้วเป็นความต้องการพี่น้องประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนด้วย บางจุดเขาต้องการความสบายใจว่าเขาจะไม่ถูกคุกคาม แต่ถามว่ากำแพงดีมั้ย มันก็ดีอย่าง แต่ในมิติภูมิใจไทย ไม่ได้หมายถึงกำแพงที่เอาอิฐมาก่อ ผมหมายถึงรั้วที่ครอบคลุมมากกว่า ถ้าเรากำหนดนโยบายเกี่ยวกับความมั่นคงอะไรต่างๆ ที่ทำให้การรุกรานของฝ่ายตรงข้ามยากเย็นลำบาก มันก็คือการสร้างรั้ว รั้วที่ผมพูดนอกจากำแพงก่ออิฐแล้วเนี่ย รั้วของชาติ คือการเลิกการเกณฑ์ทหาร แล้วใช้ทหารอาสา ทุก 4 ปี 1 แสนคน มีเงินเดือน ฝึกอาชีพ ฝึกทักษะการทหาร แล้วอัพสกิล รีสกิลเขา ฝึกให้เขาสามารถมีทั้งความรู้ เรียนภาษาอังกฤษ ใช้ดำรงชีวิตเมื่อปลดประจำการได้ มีทักษะทหาร มีวินัย มีระเบียบ มีความสามารถในการต่อสู้ และเป็นคนที่อาสามาเป็นทหาร ไม่ใช่เกณฑ์มา เพราะเกณฑ์มาบางทีไม่อยากเป็น แต่ไปจับใบแดงแล้วจำเป็นต้องมา ซึ่งมีอยู่แล้ว เราเปลี่ยนจากทหารเกณฑ์เป็นทหารอาสา พอครบ 4 ปี บางคนอยากออกไปเป็นคนปกติ ไปประกอบอาชีพปกติ บางคนอยากเจริญก้าวหน้าต่อไป เขามีความรู้ ประสบการณ์ มีแต้มต่อในการเติบโตไปเป็นนายสิบ เป็นจ่า เป็นนายร้อย เป็นนายพันต่อไปในอนาคต ถ้าใครเรียนเก่งมากๆ ไปสอบเทียบโรงเรียนนายร้อยก็มีโอกาสเติบโตก็มี นั่นคือรั้ว รั้วอีกอันคือการทำให้พวกระบบสแกมเมอร์ พวกอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมเทคโนโลยีทั้งหลาย ไม่มีโอกาสได้ใช้แนวชายแดนมาเป็นแหล่งประกอบอาชญากรรมต่างๆ ซึ่งเราก็ทำอยู่ตอนนี้ชัดเจน สัญญาณโทรศัพท์ ไฟฟ้า ผมก็ขอมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ เราก็ตัดทุกอย่าง เรื่องของกำแพง เราก็เห็นชัดเจนว่าเราต้องสร้าง ตั้งแต่เราปิดด่านมา ราคาพืชผลการเกษตรสูงขึ้นมั้ย มันสำปะหลังสูงขึ้น ข้าวสูงขึ้นเพราะอะไร เพราะไม่มีของจากต่างประเทศเข้ามา เรารู้เลยว่ามาจากไหน เพราะเราปิดด่านแค่ประเทศเดียว ถ้ามันต่างชาติเข้ามาได้ ราคามันต่ำลง มันถูกกด ซัพพลายมันเยอะ พวกนายทุนเขาชอบ เจ้าของโรงงานมันสำปะหลัง เขาชอบ แต่คนตายคือเกษตรกร ข้าวก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้พอเราปิดด่านปุ๊บ ของพวกนี้ไม่ได้เข้ามา ราคาทุกอย่างสูงขึ้น ยาเสพติดเข้าลำบากขึ้น ซึ่งชัดเจนเลย ที่บอกว่าผมไม่ได้ทำเรื่องยาเสพติด ทุกวันนี้ สมัยก่อนเข้าตรงเชียงใหม่ เชียงราย เดี๋ยวนี้ต้องอ้อมมาเข้าตามชายแดนอีสาน ช่องทางธรรมชาติ และถูกจับทุกที บางทีก็ลงไปเข้าแถวเมืองกาญจน์ฯ ด่านเจดีย์สามองค์ การที่พวกเขาเปลี่ยนเส้นทางลำเลียง ก็แปลว่าเข้าลำบาก ถามว่าทำไมไม่ไปทำลายโรงงานผลิตเลยล่ะ มันอยู่ต่างชาติ เราไปไม่ได้ แต่เข้ามาเมื่อไหร่ก็โดนเกือบหมด นี่ก็เพิ่งอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดหารถเอกซเรย์เคลื่อนที่เพื่อตรวจจับการขนถ่ายยาเสพติด 4 คัน ซึ่งตรงนี้ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยืนยันกับผมมาว่าขอเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ สมัยพี่หนูนี่แหละที่ให้ เขาบอกตรงนี้จะเป็นประโยชน์มาก ในเรื่องป้องกันปราบปรามยาเสพติด มีสิ่งที่เราดำเนินการไปแล้ว มันมีประโยชน์ เราได้รั้วจริงๆ ที่จะป้องกันภัยต่างๆ จากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ผ่านประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา นี่ก็เป็นสิ่งที่ทำมาแล้วส่วนหนึ่ง และต้องทำต่อไป”

ล่าสุดมีข่าวว่าคุณเท้งฟาดกลับอนุทิน หยุดสร้างนิทานหลอกเด็ก ปม ม.112 แจงชัดยกมือดีเบตแค่ดันนิรโทษกรรม คดีการเมือง ลั่นพรรคประชาชนไม่หวั่น พรรคน้ำเงินขู่ไม่จับมือพร้อมเดินหน้าเลือกตั้ง ยันไม่เปลี่ยนตัว 44 ส.ส. ท่านมองยังไง?

“(หัวเราะ) พรรคน้ำเงินก็น่าจะพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ขู่นี่ ใครแตะเรื่องมาตรา 112 จะปรับเปลี่ยนให้มันไม่มีการบังคับที่ไม่เข้มงวดแบบนี้ พรรคภูมิใจไทยไม่เอาด้วยอยู่แล้ว พูดง่ายๆ 112 ปัจจุบันมีความสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว เราต้องปกป้องสถาบันชาติเอาไว้ ยกตัวอย่างเรื่องโทษขั้นต่ำ กรอบวินิจฉัยของศาลเปิดช่องให้แก้ไขได้ เพียงแต่จะแก้อย่างไร ภายใต้ข้อจำกัดทางการเมืองที่มีอยู่ พรรคประชาชนหวังว่าสังคมไทยจะตกผลึกในเรื่องนี้ร่วมกัน และหาทางในการปรับปรุง แก้ไขร่วมกันในอนาคต แปลว่าอะไร จะแก้มั้ย ผมถามก่อน ผมถามคุณหนุ่ม”

ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แก้?
“ถ้าแปลเป็นอย่างอื่นก็ขออภัยด้วย แต่ผมเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้ คืออนาคตยังจะแก้นะ แล้วเรื่องการผลักดันเรื่องนิรโทษผู้ที่ทำผิด 112 ผมว่าแทนที่จะไปผลักดันการนิรโทษผู้กระทำผิด 112 ไปผลักดันให้คนไม่ลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์ดีกว่ามั้ย จะได้ไม่ทำผิดกฎหมายด้วย คนทำผิดกฎหมาย ถ้าเราเป็นคนไทย เราต้องหวงแหนสถาบันหลักของเราเหมือนกันนะ ไม่ได้จะไประบุตัวบุคคลนะครับ แต่ว่าถ้าใครมาพูดว่ากล่าว ให้ร้าย ผมยอมไม่ได้หรอกครับ โดยเฉพาะตัวผมนะ ผมก็มีความชัดเจนของผมตรงนี้ ผมไม่ได้สร้างนิทานหลอกเด็ก เกิดมาหลอกคนเดียว คนที่นอนติดกันทุกคืน เวลาทำอะไรผิด คนอื่นไม่เคยหลอก ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนสูงอายุ”

ไม่ได้ดีเบตผ่านรายการโหนกระแสไปถึงคุณเท้งใช่มั้ย?
“ไม่หรอกครับ ผมไม่กล้าหรอกครับ ถ้าเอามาก็มานั่งเถียงกันตรงนี้ ประชาชนได้อะไร เข้าใจผิดอย่างนี้ เป็นแบบนี้ ประเทศก็น่าจะเสียหายนะ ฟาดฟันกันในคณะรัฐบาลยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ชัดเจนแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ให้ประชาชนตัดสิน”

ท่านนายกฯ อยากบอกอะไรประชาชนคนไทย?
“ขอบพระคุณในโอกาสที่พี่น้องประชาชนได้ให้ผมปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้รับกำลังใจ เสียงสนับสนุนที่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมได้ดำเนินการ และวางเป็นกรอบนโยบายให้กับประเทศไทยในช่วงระยะเวลาที่ผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ก็อยากขอความเข้าใจและการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ในวันที่ 8 ก.พ.คิดว่าได้เลือกแน่ๆ รัฐบาลพร้อมสนับสนุน กกต. ในการเลือกตั้งอยู่แล้ว และกกต.ก็ได้ออกมาตรการสำหรับการเลือกตั้ง ต่อให้มีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น ก็ยังสามารถเลือกตั้งได้ ขอให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่นว่าผมจะทำงานรับใช้ท่านและประเทศไทยอย่างเต็มที่ครับ”

ยืนยันมอบอำนาจให้ทหารจัดการเรื่องชายแดน?
“ไม่เชิงมอบอำนาจ รัฐบาลให้ฟรีแฮนด์ใครไม่ได้สักคนนะครับ แต่รัฐบาลให้การสนับสนุนเรื่องที่ทหารได้เสนอขึ้นมาแล้วรัฐบาลรับได้ หรือทหาร หรือเหล่าทัพ ฟังข้อกังวล แนวทางของรัฐบาล รัฐบาลมีภาระในการไปอธิบายให้นานาชาติเข้าใจด้วยและไปดำเนินการทางการทูตเพื่อให้ได้มาซึ่งการกระทำต่างๆ ปัจจุบันนี้ มันไปกันได้ด้วยดี เข้าใจกัน สนับสนุนซึ่งกันและกัน การดำเนินการจึงไปในทางเดียวกัน แต่ในทางปฏิบัติ ปกป้องผืนแผ่นดิน ผมจะไปบอกว่าต้องใช้แบบนี้ ผมไปไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ฝ่ายกองทัพเขาสามารถดำเนินการ ตัดสินใจได้เลย”

ถ้าอยู่ดีๆ สองวันนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกาบอกให้หยุดยิง?
“ต้องท่านฮุน มาเน็ตโทรครับ ไม่ใช่คนอื่นโทร นโยบายต่อเรื่องความขัดแย้งกันสองประเทศนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ถือว่าการปฏิบัติทุกอย่าง ให้ถือเป็นระดับทวิภาคี คือสองประเทศ คนอื่นพูดมา ประเทศที่สาม ที่สี่ ที่ห้า ฟังครับ พิจารรา แต่ว่าในที่สุดแล้ว ก็ต้องคุยกัน ระหว่างผู้นำของสองประเทศ”

ไม่ใช่คนอื่นจะมาสั่ง?
“ใช้คำว่าสั่งก็จะหนักไป”

คนอื่นมาขอ?
“ก็ไม่ต้องขอ เรารู้ว่าเราต้องทำอย่างไร เรื่องเพื่อนบ้านกัน ก็คุยกันเองดีกว่า”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อนุทิน เคลียร์ทุกปม ชายแดน ที่มารูปคู่เบนสมิธ แจงยิบข่าวลือทุนนักการเมืองในปอยเปต

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...