โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

กฎหมายโลกร้อน จ่อสร้างงาน 50,000 ตำแหน่งใน 3 ปี เสี่ยงขาดแคลนแรงงานสิ่งแวดล้อม

การเงินธนาคาร

อัพเดต 09 ต.ค. เวลา 10.37 น. • เผยแพร่ 09 ต.ค. เวลา 03.36 น.

คาดพ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (พ.ร.บ.โลกร้อน)ปี 2569 สร้างดีมานด์บุคลากรสายสิ่งแวดล้อมสูงถึง 50,000 ตำแหน่งภายใน 3 ปี GCC เตือนปัญหาขาดแคลนแรงงานผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะกลุ่มผู้ตรวจสอบและทวนสอบการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เร่งร่วมมือกับสถาบันการศึกษา พัฒนาหลักสูตรเพื่อผลิตบุคลากรเข้าสู่ตลาดแรงงานโดยตรง หวังบรรเทาปัญหากำลังคนที่จำกัด

นายตรีเทพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คาร์บอน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (GCC) เปิดเผยว่า การเตรียมบังคับใช้ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่คาดว่าจะมีผลในปี 2569 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกฎหมายจะนำมาซึ่งความต้องการบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล ทั้งในระดับผู้ปฏิบัติการและผู้เชี่ยวชาญ

พ.ร.บ.โลกร้อน: กลไกขับเคลื่อนสู่ยุคอาชีพใหม่

GCC ประเมินว่า ตลาดแรงงานไทยจะมีความต้องการบุคลากรในสายสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นกว่า 50,000 ตำแหน่ง ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะใน 4 กลุ่มงานหลัก ดังนี้:

  • กลุ่มงานพัฒนาความยั่งยืนองค์กร: เช่น เจ้าหน้าที่พัฒนาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม/สังคม/ธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นตำแหน่งที่บริษัทขนาดใหญ่และบริษัทมหาชนเริ่มเปิดรับแล้ว
  • กลุ่มที่ปรึกษาและนักวิเคราะห์ด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก: เช่น ที่ปรึกษาการประเมินก๊าซเรือนกระจก ที่ปรึกษาความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Mitigation และ Adaptation) นักวิเคราะห์ด้านความยั่งยืน และเจ้าหน้าที่โครงการพลังงานหมุนเวียน
  • กลุ่มงานตรวจสอบและทวนสอบรายงานการประเมินก๊าซเรือนกระจก (Validator/Verifier): ทำหน้าที่คล้ายผู้ตรวจสอบบัญชี (Audit) แต่เน้นการตรวจสอบรายงานสิ่งแวดล้อมและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทต่างๆ โดยตรง
  • กลุ่มงานการจัดการและซื้อขายคาร์บอนเครดิต: เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดบัญชีคาร์บอนเพื่อการชดเชย และผู้จัดการด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต

ความเสี่ยงขาดแคลนบุคลากรผู้ตรวจสอบ

นายตรีเทพ แสดงความกังวลว่า อาจเกิดปัญหาขาดแคลนบุคลากรในหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะกลุ่ม ผู้ตรวจสอบ (Validator) และ ผู้ทวนสอบ (Verifier) เนื่องจาก นิติบุคคลกว่า 800,000 รายทั่วประเทศ จะต้องทำการประเมิน บันทึกการปล่อย คาร์บอนฟุตพริ้นท์ และจัดทำรายงาน ซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เข้ามาดูแลต่อเนื่องทุกปี

ปัจจุบัน ข้อมูลชี้ให้เห็นถึงความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานของบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ:

  • ที่ปรึกษา (บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล): มีเพียง 530 กว่าราย
  • ผู้ตรวจสอบ/ผู้ทวนสอบ: มีเพียงระดับ 100 กว่าราย
  • บริษัทผู้ตรวจสอบและทวนสอบ (VB/VVB) ที่ได้รับการรับรองในไทย: มีเพียงประมาณ 20 กว่าบริษัทเท่านั้น

สถานการณ์ความขาดแคลนบุคลากรนี้คล้ายคลึงกับหลายประเทศในกลุ่ม EU, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ที่บังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้นแล้ว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการ กระจุกตัวของการดำเนินการ โดยเน้นไปที่กลุ่มธุรกิจที่ปล่อย ก๊าซเรือนกระจก (Green House Gas) สูงสุด ซึ่งมีประมาณ 140,000 กว่าราย (อาทิ ธุรกิจก่อสร้าง, ร้านอาหาร, การผลิต/ขายส่งเครื่องจักร, ขนส่ง, โรงแรม)

หากบุคลากรในกระบวนการประเมิน จัดทำบัญชี และตรวจสอบทวนสอบไม่เพียงพอ ย่อมนำมาซึ่งความล่าช้าในการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากประเทศไทยปรับเป้าหมาย Net Zero จากเดิมปี 2065 ให้เร็วขึ้นเป็นปี 2050

GCC จับมือสถาบันการศึกษาเร่งผลิตบุคลากร

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานและบรรเทาปัญหาความขาดแคลน GCC จึงได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกด้านการพัฒนาบุคลากร โดยร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ดังนี้:

  • พัฒนาหลักสูตรปริญญาตรี: จัดทำหลักสูตรด้าน Carbon Footprint - Net Zero ในระดับชั้นปีที่ 3-4 สาขาวิทยาการจัดการนวัตกรรมทางธุรกิจ/การจัดการธุรกิจแบบบูรณาการ คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ มุ่งเน้นการสร้างบุคลากรที่มีทักษะวิชาการและความเข้าใจเชิงปฏิบัติในอาชีพที่ปรึกษาและผู้ตรวจสอบ/ทวนสอบก๊าซเรือนกระจก คาดว่าจะสามารถผลิตบุคลากรได้กว่า 300 คนต่อปี
  • หลักสูตรเร่งรัดระยะสั้น: จัดหลักสูตรภายใต้ “GCC – RMUTT – RMUTI Academy” ทั้งแบบเร่งรัด 1 วัน และแบบเจาะลึก 2 วัน เพื่ออบรมและยกระดับองค์ความรู้ด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก การบันทึกและรายงานที่ถูกต้อง ให้แก่องค์กร นักศึกษา และประชาชนทั่วไป

นายตรีเทพ ย้ำว่า การสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพจะเป็น แรงขับเคลื่อนสำคัญ ในการนำประเทศไทยเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เนื่องจากบุคลากรเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงระหว่างกฎหมาย มาตรการ และการปฏิบัติจริงในทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยยกระดับศักยภาพแรงงานไทยให้พร้อมแข่งขันในระดับสากล

อ่านข่าว แวดวงธุรกิจ ที่น่าสนใจ ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...