โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

“เดือดร้อนหนัก”ชาวบ้านโดนปิดทางเข้า-ออก เดินทางลำบาก ล่าสุดมีคนตายต้องหามศพใส่รถเข็นออกจากบ้าน

77kaoded

เผยแพร่ 08 ธ.ค. 2565 เวลา 10.06 น. • 77 ข่าวเด็ด

ตรัง เดือดร้อนหนัก ชาวบ้านโดนปิดทางเข้า-ออก ต้องหามศพใส่รถเข็นออกมาระยะทางร่วม 1 กิโลเมตรอย่างทุลักทุเล ซึ่งก่อนหน้านี้เส้นทางดังกล่าว ทาง อบต.ก็ทำเป็นถนน ได้นำหินมาลงให้ ทำเป็นถนนแล้ว เราก็ได้ไปขอความช่วยเหลือแล้ว แต่เขาก็เฉย ๆ ร้องไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรังก็แล้ว เจ้าหน้าที่ กอรมน.ก็แล้ว และร้องที่ อบต.นาโยงใต้ก็แล้ว สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน มากว่า 6 ปีแล้ว และที่ผ่านมาชาวบ้านได้ไปร้องเรียนหลายหน่วยงานมาโดยตลอด แต่เรื่องก็เงียบไป

วันที่ 8 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ชาวบ้านโดนปิดทางเข้า-ออก ทางที่ใช้สัญจรซึ่งใช้กันมากว่า 10 ปี ถูกกั้นด้วยรั้วลวดหนาม จนไม่สามารถสัญจรได้ เพื่อนบ้านอีกรายยอมทุบรั้วเปิดทาง ยาวประมาณ 40 เมตร กว้าง 1.5 เมตร ให้พอได้ใช้สัญจรได้ ล่าสุดมีชาวบ้านในพื้นที่เสียชีวิต ญาติต้องทุลักทุเล ขนศพใส่รถเข็นออกมาเพื่อนำศพไปทำพิธีที่วัด โดยชาวบ้านให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ถนนที่ถูกปิดกั้นนั้นอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งมีชาวบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่ จำนวน 3 หลัง และมีชาวบ้านประมาณ 20 ราย มีสวนยางพารา ซึ่งต้องใช้เส้นทางนี้สัญจรเป็นเส้นทางหลัก เพื่อเข้าไปดูแลสวน กรีดยาง และบรรทุกน้ำยางออกมาขาย

ซึ่งเดิมที นางชอบ ขำเกลี้ยง ได้อุทิศถนนเส้นนี้ให้เป็นทางสาธารณะ และอบต.นาโยงใต้ ได้เข้ามาพัฒนาถนนด้วยการปูหิน เพื่อให้ชาวบ้านสัญจรได้สะดวกสบาย ต่อมานางชอบได้มอบที่ดินซึ่งเป็นสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งอยู่ถัดออกไปจากแนวถนนให้กับเพื่อนบ้านซึ่งเป็นญาติ และได้บอกกับญาติรายดังกล่าวว่าที่ดินซึ่งเป็นถนนนั้นตนได้อุทิศเป็นทางสาธารณะแล้ว แต่สุดท้ายเมื่อญาติได้รับที่ดินก็ได้ทำเสาซีเมนต์และลวดหนามมาล้อมรอบที่ดินดังกล่าว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน มากว่า 6 ปีแล้ว และที่ผ่านมาชาวบ้านได้ไปร้องเรียนหลายหน่วยงานมาโดยตลอด แต่เรื่องก็เงียบไป

นางประมูล พรหมราช อายุ 70 ปี อยู่เลขที่ 45 ม.4 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง บอกว่า ตนเองและครอบครัว ได้ใช้เส้นทางนี้มา 10 กว่าปี มาโดนกั้นแนวเขตก็ใช้เดินใช้รถจักรยานยนต์แทน เราได้รับความลำบาก หลานก็ต้องไปโรงเรียนก็ต้องเดินเอา และล่าสุดที่ได้รับความเดือดร้อนหนัก แฟนเป็นลมเสียชีวิตต้องหามใส่รถเข็นมา เพื่อนำศพไปประกอบพิธีที่วัด โดยก่อนหน้านี้อยู่ ๆ เขาก็มากั้นเลย ถามเขาแล้วว่าสาเหตุอะไรเขาก็ไม่ตอบ และก่อนหน้านี้ ทาง อบต.ก็ทำเป็นถนน ได้นำหินมาลงให้ ทำเป็นทางแล้ว เราก็ได้ไปขอความช่วยเหลือแล้ว แต่เขาก็เฉย ๆ ร้องไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรังก็แล้ว เจ้าหน้าที่ กอรมน.ก็แล้ว และร้องที่ อบต.นาโยงใต้ก็แล้ว ผ่านเลยมาเป็นระยะเวลา 6 ปีแล้วก็ยังไม่คืบหน้า ทางอบต.นาโยงใต้ แจ้งแค่ว่าถอนเรื่องไปแล้วเราก็เลยทำอะไรไม่ได้ เส้นทางนี้ใช้สัญจรกันกว่า 30 ชีวิต โดยภายในบ้านก็ไม่ได้มีน้ำประปาใช้ ต้องไปขนน้ำกันข้างนอก ตนจึงอยากได้เส้นทางผ่านได้มีรถยนต์เข้าออกได้สะดวก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวให้กับชาวบ้านด้วย

ด้าน นางชอบ ขำเกลี้ยง อายุ 69 ปี เลขที่ 9 ม.3 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง บอกว่า เดิมที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินของตนเอง และเมื่อปี 2552 ตนก็ได้อุทิศให้กับ อบต.นาโยงใต้ ด้วยวาจายังไม่ได้ลงลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้เป็นทางสาธารณะ กว้าง 4 เมตร ยาวประมาณ 40 เมตร ตามความยาวที่ดินจากทางด้านในไปจรดทางด้านนอก และทางอบต.ก็ได้เข้ามาดำเนินการตัดถนน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และชาวบ้านก็ได้ใช้เส้นทางนี้มากว่า 10 ปีแล้ว และเมื่อปี 2559 ตนก็ได้ยกที่ดินนี้ให้กับญาติไป และได้บอกกับญาติแล้วว่าที่ตรงนี้ เป็นทางที่ยกให้กับทางอบต.เรียบร้อยแล้ว ทางญาติก็รับปาก ว่าจะไม่ปิดทางแน่นอน แต่เมื่อโอนที่เสร็จตนเองก็แปลกใจที่ญาติมาปิดทาง เจรจากันหลายครั้ง แต่ก็ไม่ยอมเปิดจนตนเองต้องยอมทุบกำแพงรั้วบ้านและให้พื้นที่ทำถนนสัญจรชั่วคราวความกว้าง 1.5 เมตร ยาวประมาณ 40 เมตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในเบื้องต้น แล้วตอนนี้ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเปิดทางดังกล่าว เนื่องจากมีผู้สัญจรที่พักอาศัยอยู่ด้านใน 3 ครัวเรือน และมีแถวบ้านที่เข้าไปทำสวนอีกกว่า 20 ครัวเรือน

ภาพถนนเดิม

ภาพเหตุการณ์หามศพใส่รถเข็น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...