LH หุ้นอสังหาฯ ปันผลดี คาดปี 65 ให้ผลตอบแทนสูงถึง 6.5%
หากพูดถึงหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง และจ่ายเงินปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ เชื่อว่า LH หรือ หรือ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่นักลงทุนนึกถึงอย่างแน่นอน โดยปัจจุบันอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield)อยู่ที่ 5.38% ซึ่งติดอันดับ 10 หุ้นที่ให้ปันผลสูงในดัชนี SETHDอีกด้วย
โดย LH เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย โดยขายบ้านจัดสรรพร้อมที่ดิน ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ซึ่งโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และตามจังหวัดใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น ภูเก็ต เป็นต้น
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ตั้งแต่ปี 2559 ถึง 30 มิ.ย. 2565 บริษัทจ่ายปันผลไปทั้งหมด 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3.75 บาท ปัจจุบัน LH มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) อยู่ที่ 111,132.33 ล้านบาท หรือมีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ในกลุ่มหุ้นอสังหาฯ และมี P/E อยู่ที่ระดับ 13.33 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พ.ย. 65) โดยราคาหุ้นวันที่ 24 พ.ย. 65 อยู่ที่ 9.30 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาช่วงต้นปี 5.68%
ในด้านของผลประกอบการ คาด LH ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการพัฒนาโครงการใหม่และแบ็กล็อกที่อยู่ในระดับสูง โดยนักวิเคราะห์จากบล.หยวนต้า (ประเทศไทย)ระบุว่า ประเมินกำไรปกติในไตรมาส 4/65 เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 2.3 พันลบ. เติบโตอย่างน้อย 24% จากไตรมาส 3/65 และ 14% จากไตรมาส 4/64 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ หนุนจาก1. บริษัทจะมีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการระดับบนที่เปิดขายในไตรมาส 3/65 ได้แก่ Nantawan Rama 9 - New Krungthep Kritha (5.2 พันล้านบาท) และ Nantawan Pinklao – Kanchana (6.1 พันล้านบาท) ซึ่งจะช่วยหนุนให้ทั้งยอดโอนกรรมสิทธิ์และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ ยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวสูงยังได้แรงหนุนจากการรับรู้แบ็กล็อกต่อเนื่องของโครงการThe Key Rama 3 มูลค่า 2 พันล้านบาท มี Backlog รอรับรู้เป็นรายได้จำนวน 640 ล้านบาท และ 2. รายได้ค่าเช่าและบริการคาดได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรวมทั้งการเริ่มรับรู้รายได้จากศูนย์การค้าแห่งใหม่คือ Terminal พระราม 3 (เปิดเดือน ต.ค. 65)
ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปกติปี 2565 และ 2566 ขึ้น 12% เป็น 8.1 พันล้านบาท หรือโต 18% และ 7% เป็น 8.8 พันล้านบาท หรือโต 9% ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานยอดโอนกรรมสิทธิ์ รายได้ค่าเช่า รวมทั้งอัตรากาไรขั้นต้นเฉลี่ยขึ้นโดยเลือกLH เป็น Top Pick ของกลุ่มอสังหาฯ สำหรับ Theme Reopening เนื่องจากบริษัทจะได้ประโยชน์สูงสุดจากแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดฟื้นตัวอย่างมีนัยสาคัญช่วยหนุนรายได้ธุรกิจโรงแรมและห้างสรรพสินค้าให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ดังนั้ง จึงคงคาแนะนา “ซื้อ” และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี2566 ที่ 11.10 บาท พร้อมคาดเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 65 ที่ 0.35 บาท คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 3.8% ช่วยจำกัด Downside risk ในระยะสั้น