โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

8 สิ่งที่คุณทำได้ เพื่อปกป้องลูกจาก “พวกใคร่เด็ก”

Motherhood.co.th

เผยแพร่ 21 ม.ค. 2563 เวลา 06.45 น. • Motherhood.co.th Blog

8 สิ่งที่คุณทำได้ เพื่อปกป้องลูกจาก "พวกใคร่เด็ก"

ในยุคนี้อันตรายมีอยู่รอบตัวลูกน้อย นอกจากระวังเรื่องโรคภัยไข้เจ็บก็ยังต้องระวังคนด้วย มีคนกลุ่มหนึ่งค่ะ ที่พ่อแม่ต้องระวังให้จงหนัก ก็คือ "พวกใคร่เด็ก" นั่นเอง วันนี้ Motherhood จะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับบุคคลอันตรายกลุ่มนี้ให้มากขึ้น จะได้รู้ถึงที่มาที่ไป รู้เท่าทันในการจะปกป้องลูกรักของเราให้พ้นจากอันตรายของคนกลุ่มนี้ค่ะ

พวกใคร่เด็กมีที่มาอย่างไร?

โรครักเด็กหรือพีโดฟีเลีย (Pedophilia) จัดว่าเป็นพฤติกรรมวิตถารอย่างหนึ่ง คำว่าพีโดส (Pedos) หรือไพโดส (Pidos) ในภาษากรีกแปลว่าเด็ก ส่วนคำว่าฟีเลีย (Philia) แปลว่าชอบหรือรัก พีโดฟิเลียจึงแปลว่าชอบหรือรักเด็ก แต่การรักเด็กในที่นี้แตกต่างจากความรักเด็กแบบทั่วไปตรงที่ คนกลุ่มนี้จะใช้เด็กเป็นของรัก (Love object) เพื่อนำไปสู่การกระทำทางเพศของตน ตามปกติแล้ว เราจะนับอายุของเหยื่อที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีลงไป เป็นเด็กวัยที่ยังไม่แตกเนื้อหนุ่มเนื้อสาว

จะป้องกันเด็ก ๆ ของเราได้อย่างไร?

เออร์นี่ อัลเลน ประธานศูนย์แห่งชาติเพื่อการหายตัวและการถูกเอารัดเอาเปรียบของเด็กกล่าวว่า "เรารู้สำหรับความจริงที่ว่าผู้ที่ทำให้เด็กตกเป็นเหยื่อ กลับเป็นคนที่เข้าถึงเด็กได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย คนเหล่านี้มีทั้งแพทย์ ทนายความ นักบวช ครู ผู้บริหาร และแม้แต่ตำรวจ มันเป็นสิ่งที่ข้ามความคาดหวังของสังคมจริง ๆ  เราได้ทำการสนทนากลุ่ม (Focus group) กับเด็ก ๆ พวกเขาทั้งหมดได้รับการถ่ายทอดความคิดที่ว่าไม่ควรพูดคุยกับคนแปลกหน้า แต่เมื่อคุณถามพวกเขาว่าคนแปลกหน้าเป็นใคร เด็กกลับหมายถึงบางคนที่ตัวใหญ่และน่ากลัว ดูสกปรกและน่าเกลียด คนที่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำร้ายคุณ แต่จริง ๆ แล้วพวกเฒ่าหัวงูมีแนวโน้มที่จะเป็นคนที่เป็นเพื่อนได้"

พ่อแม่ต้องมีการเตรียมพร้อมที่ดีในการปกป้องลูก

น่าเสียดายที่เราอยู่ในยุคที่การแสวงประโยชน์จากเด็กกำลังเพิ่มขึ้น นี่คือ 8 วิธีในการปกป้องลูกของคุณจากพวกใคร่เด็ก

1. ใช้เวลาและมีส่วนร่วมกับบุตรหลานให้มากขึ้น

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณรู้แน่ชัดว่าลูกของคุณใช้เวลากับใคร ผู้ใหญ่ที่พวกเขาติดต่อด้วยเป็นประจำหรือสิ่งที่พวกเขาทำเวลาไปที่บ้านเพื่อน เพราะพวกเฒ่าหัวงูมักจะมองหาเด็กที่ดูเหมือนจะเป็นของตัวเองหรือเด็กที่ผู้ปกครองไม่สนใจพวกเขามากนัก เฒ่าหัวงูชอบเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เด็กอยู่ ดังนั้นการมีส่วนร่วมในชีวิตของเด็ก ๆ สามารถช่วยสร้างกำแพงกั้นระหว่างลูกของคุณและเฒ่าหัวงูพวกนี้ได้เป็นอย่างดี

2. เปลี่ยนจากการกอดมาเป็น High-fives

ไม่ควรบังคับให้ลูกกอดหรือจูบผู้ใหญ่ คุณอาจจะแนะนำให้เด็ก ๆ รู้จักกับเพื่อนของคุณที่แวะมาเยี่ยม หากเด็กไม่ต้องการสัมผัสกับใครก็ให้แล้วแต่เขา เพราะจริง ๆ มันก็ลดการแพร่เชื้อโรคได้ดีอยู่เหมือนกัน หากมีผู้ใหญ่มาขอกอดลูก ก็ให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูก ปู่ย่าตายายที่มีความตั้งใจดีบางคนอาจจะรู้สึกแปลกไปบ้างในเวลาที่เด็ก ๆ ไม่รู้สึกอยากแสดงความรักต่อพวกเขา คุณก็น่าจะรู้ดีว่าอาจจะต้องเจอกับประโยคว่า "มาให้ยายกอดหน่อยน่า เดี๋ยวยายเสียใจ" อย่าปล่อยให้ใครทำให้ลูกของคุณรู้สึกผิดที่ไม่ให้เขาสัมผัส เพราะพวกใคร่เด็กมักชอบใช้คำอ้างที่คล้ายกันว่า "หนูคงไม่อยากให้ลุงเศร้าใช่ไหม"

3. การล่วงละเมิดทางเพศและการแสวงหาประโยชน์จากเด็กสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่และทุกเวลา

มันไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ในเมืองใหญ่เท่านั้น กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาประมาณการว่าโดยเฉลี่ยแล้วจะมีเด็กหนึ่งคนที่จะถูกลวนลามต่อหนึ่งตารางไมล์ หรือในแคนาดามีค่าเฉลี่ยเด็กหนึ่งคนต่อ 1.6 ตารางกิโลเมตร คุณต้องระมัดระวังคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนของคุณและดูคนที่ดูเหมือนจะมีความสนใจในเด็กมากผิดปกติ

มักเป็นคนที่ครอบครัวและเด็กรู้จักดี

4. ทำให้แน่ใจว่าบุตรหลานของคุณรู้ชื่อที่เหมาะสมของชิ้นส่วนร่างกายของพวกเขา

คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกเฒ่าหัวงูมักใช้ชื่อที่น่ารักสำหรับส่วน "ทางเพศ" ของร่างกายเด็ก และถ้าลูกของคุณรู้จักชื่อที่ถูกต้องมันอาจป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ เด็กที่มีความรู้จะมีอำนาจและอาจทำให้นักล่าทางเพศกลัว

5. ให้ความรู้กับบุตรหลาน

การสอนลูกหลานของเราเกี่ยวกับพื้นฐานของสิ่งที่เหมาะสมในการสัมผัสที่เกี่ยวกับร่างกายของพวกเขาเป็นสิ่งแรก สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสตัวเอง เด็กชายและเด็กหญิงทุกเพศทุกวัยมีสิทธิ์ที่จะสำรวจร่างกายของตนเองและไม่ควรละอายเมื่อคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ 'สกปรก' หรือ 'ผิด' ร่างกายของพวกเขาคือพื้นที่ของตัวเองและพวกเขาสามารถบอกว่า "ไม่" เพื่อไม่ให้ใครก็ตามมาสัมผัส ไม่ว่าจะในเวลาใด ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครและมีความสัมพันธ์กับเด็กอย่างไร มันคือสิ่งที่พวกเขาต้องคิด นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องรู้ แต่มันก็เป็นความจริงที่น่าเศร้า ที่เด็กหลายคนไม่ทราบและไม่มีโอกาสที่จะใช้คำพูดอันหนักแน่นของตัวเองเพื่อปฏิเสธการถูกสัมผัสร่างกายน้อย ๆ ของพวกเขาจากพวกชอบละเมิดเด็กเหล่านั้น สถิติระบุว่าเด็กหนึ่งในสี่คนประสบกับการถูกล่วงละเมิดทางเพศ สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือมันเกิดจากคนที่พวกเด็ก ๆ รู้จัก

เด็กที่ถูกละเมิดทางเพศอย่างลับ ๆ อาจไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แต่พวกเขาจะรู้ว่ามันไม่ถูกต้องและพวกเขาจะกลัว เด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่อวัยวะเพศของเขาถูกสัมผัสจากผู้ใหญ่แบบที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อการรักษาหรือทำความสะอาด แต่เป็นไปในทางเพศ เขาจะรู้ได้ว่ามันไม่ปกติ มันไม่สำคัญเลยว่าพวกใคร่เด็กตัวร้ายนั่นจะบอกกับเด็กเช่นไร สิ่งที่แปดเปื้อนนั้นทำให้เด็กรู้สึกละอายใจ สกปรก และพวกตัวร้ายอาจจะพูดใส่เด็กทำนองว่า "ไม่มีใครเขาเชื่อเธอหรอก" หรือ "ไม่มีใครเขาชอบแกหรอก" หรือ "ถ้าแกบอกใคร แม่แกตายแน่" คำพูดอะไรก็ได้ที่ทำให้เด็กไม่กล้าพูด

สิ่งหนึ่งที่เด็กทุกคนเรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็กคือพวกเขาไม่ชอบความเจ็บปวด ความเจ็บปวดไม่ปกติ และโดยปกติแล้วพวกเขาจะพูดแสดงความคิดเห็นได้ค่อนข้างดี  หากพวกเขามีใครสักคนที่พวกเขาไว้วางใจ คนที่จะเชื่อพวกเขา นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาต้องมีเพื่อรอดจากการกระทำที่เลวร้าย

สร้างความไว้ใจกับลูกให้มากเข้าไว้ ลูกจะได้บอกทุกอย่างแก่คุณ

6. ความซื่อสัตย์และการพูดคุยแบบเปิดอก

เริ่มพูดคุยกับลูกของคุณในช่วงก่อนนอน ว่าเขาสามารถบอกคุณได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการ เรื่องราวหรือความลับที่มีคนบอกเขา คุณจะเก็บมันไว้ด้วย ย้ำกับเขาด้วยว่าถ้าเขากลัวหรือเศร้าหรือเจ็บปวดจากใครบางคน ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครเขาสามารถบอกแก่คุณได้ สร้างความสัมพันธ์ของคุณกับลูก ๆ ของคุณบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ตั้งแต่เริ่มต้น ครอบครัวที่เปิดกว้างและซื่อสัตย์เกี่ยวกับการละเมิดทางเพศเด็ก จะทำให้นักล่าเด็กตัวร้ายจะล้มเหลวในความพยายามที่จะกระทำความผิด

7. ความระมัดระวังและคำถาม

คุณรู้จักลูกและนิสัยของพวกเขา แม้แต่เด็กวัยหัดเดินที่อารมณ์สวิงไปมาอย่างบ้าคลั่งก็สามารถคาดเดาได้ง่าย เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ควรเตือนคุณถึงสิ่งที่ผิดปกติมาก สถานการณ์คือคุณสามารถถามคำถามกับเพื่อนและครอบครัวของคุณ เตือนพวกเขาเกี่ยวกับข้อสงสัยและข้อกังวลของคุณ แน่นอนว่าบางทีพวกเขาอาจจะอารมณ์เสียและขุ่นเคือง แต่คุณไม่ต้องมัวกังวลเกี่ยวกับมัน หากพวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่ผิด คุณสามารถขอโทษพวกเขาได้ภายหลัง พร้อมอธิบายว่าคุณทำไปเพราะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกเป็นอย่างมาก และคุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับเด็กคนหนึ่ง

หากพวกเขาทำสิ่งชั่วช้านั้นจริง ในความเป็นจริงถ้าคุณค้นพบว่าพวกเขาเป็นคนทำ คุณก็คงแทบจะไปหยิบมีดในครัวมาปาดคอเขาโดยไว ให้พาเพื่อนที่ดีมาหนุนหลังคุณหากคุณไม่สามารถเผชิญหน้ากับผู้กระทำผิดคนเดียวได้

8. ฟังสัญชาตญาณของคุณ และสอนลูก ๆ ของคุณให้ฟังสัญชาตญาณของพวกเขาด้วย

สัญชาตญาณเป็นระบบการป้องกันตามธรรมชาติและเมื่อเราโตขึ้นมันจะละเอียดยิ่งขึ้น มันถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องเราจากอันตรายหรือสถานการณ์อันตราย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูก ๆ ของคุณเข้าใจสิ่งนี้ หากพวกเขารู้สึกอึดอัด ให้รีบออกจากสถานการณ์นั้น หากพวกเขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับการทำอะไรบางอย่าง ก็อย่าทำ หากพวกเขาไม่ต้องการไปกับใครบางคน ก็อย่าไป ทำให้พวกเขา หยุดใส่ใจเรื่องความสุภาพและคิดเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองก่อน

พวกใคร่เด็กไม่ได้มีลักษณะเดียวเหมือนที่เห็นกันในหนัง

สิ่งที่ต้องจำไว้ให้มั่น

1. หากบุตรหลานของคุณถูกทารุณกรรมทางเพศอย่ากล่าวโทษพวกเขา บ่อยครั้งที่ผู้กระทำผิดจะทำให้เด็กรู้สึกราวกับว่าตัวเด็กเองมีส่วนในการละเมิด เด็กไม่เคยผิดพลาด - ผู้ใหญ่ต่างหากที่รู้ดีและต้องยอมรับผิดอย่างเต็มที่สำหรับการกระทำของพวกเขา

2. คุณอาจจะไม่รู้ว่าใครเป็นพวกใคร่เด็ก แม้ว่าคนเราจะมีภาพในหัวว่า "พวกใคร่เด็ก" เป็นเช่นไร แต่มันก็ไม่ได้มีรูปแบบที่ชัดเจนตายหัวสำหรับตัวร้ายเหล่านี้ พวกเขามาจากภูมิหลังที่หลากหลาย อาชีพ และชาติพันธุ์ โดยปกติเฒ่าหัวงูพวกนี้จะรู้จักกับเด็กและตัวคุณเองเป็นอย่างดี

คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจที่จะปกป้องลูกจากพวกที่ชอบล่วงละเมิดเด็ก ๆ นะคะ ต้องสอนลูกอย่างจริงจัง รวมทั้งมีมาตรการที่จะเพิ่มความปลอดภัยให้ลูกด้วย เพราะสมัยนี้คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ คนที่สามารถทำอันตรายต่อเด็ก ๆ อาจจะเป็นหนึ่งในคนที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดีก็ได้

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...