ดูไบเอาจริง ทำงาน 4 วัน/สัปดาห์ หลังทดลองแล้วเวิร์ก คนทำงานดีขึ้น
รัฐบาลดูไบเดินหน้าขยายเวลาทำงานแบบยืดหยุ่นให้กับพนักงานข้าราชการฤดูร้อนนี้ หวังยกระดับคุณภาพชีวิต ลดความเครียด และเพิ่มความสุขในการทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 12 กันยายน 2025 นี้ ข้าราชการในดูไบจะได้ทดลองทำงานแบบยืดหยุ่นภายใต้โครงการ “Our Flexible Summer” ที่ประกาศใช้ทั่วทั้งหน่วยงานรัฐ 21 แห่งในนครดูไบ โดยแบ่งพนักงานออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มแรก: ทำงานวันจันทร์-พฤหัสบดี วันละ 8 ชั่วโมง และหยุดวันศุกร์เต็มวัน
กลุ่มที่สอง: ทำงานวันจันทร์-พฤหัสบดี วันละ 7 ชั่วโมง และทำงานครึ่งวันในวันศุกร์ (4.5 ชั่วโมง)
มาตรการนี้ถือเป็นการขยายผลจากโครงการนำร่องในปี 2024 ที่พบว่าช่วยเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน เสริมสร้างความสุขในที่ทำงาน และยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ
มุ่งเป้ายกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงาน พัฒนาระบบราชการยุคใหม่
อับดุลลอฮ์ อาลี บิน ซาเยด อัล ฟาลาซี (Abdullah Ali bin Zayed Al Falasi) ผู้อำนวยการใหญ่กรมทรัพยากรบุคคลรัฐบาลดูไบ (DGHR) กล่าวถึงนโยบายนี้ว่า “นี่ไม่ใช่แค่การปรับเวลาทำงาน แต่คือวิสัยทัศน์ใหม่ของภาครัฐ ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของพนักงานควบคู่กับประสิทธิภาพขององค์กร”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า โครงการนี้จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ช่วยให้พนักงานมีเวลาชีวิตส่วนตัวมากขึ้น ลดความตึงเครียดจากการเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วน และช่วยสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน ซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการพัฒนาระบบราชการให้มีความยืดหยุ่น ยั่งยืน และเป็นมิตรกับมนุษย์มากขึ้น
นอกจากนี้ การดำเนินงานปีนี้ยังสอดคล้องกับแคมเปญระดับประเทศที่เรียกว่า “ปีแห่งชุมชน” (Year of Community) ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนในสังคม
เทรนด์ 4 วันต่อสัปดาห์ ยังไม่ไปถึงภาคเอกชน แต่ชั่วโมงงานยืดหยุ่นเริ่มขยายวง
แม้ว่านโยบาย “Our Flexible Summer” จะจำกัดเฉพาะหน่วยงานรัฐ แต่ก็มีความเคลื่อนไหวจากรัฐบาลดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่สนับสนุนให้ภาคเอกชนหันมาพิจารณานโยบายทำงานแบบยืดหยุ่นและทำงานทางไกลมากขึ้น
จากผลสำรวจและทดลอง "ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์" เมื่อปีที่แล้วโดยรัฐบาลดูไบในเดือนพฤศจิกายน 2024 พบว่า การปรับเวลาทำงานแบบยืดหยุ่นและการทำงานจากที่บ้าน ช่วยลดการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนได้อย่างชัดเจน ขณะที่สมุดปกขาว (White Paper) ฉบับหนึ่งของรัฐบาลกลางในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก็ได้สรุปถึงประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสังคมของการใช้ระบบทำงานแบบยืดหยุ่น ทั้งในภาครัฐและเอกชน
โมเดลการทำงานแบบใหม่ดังกล่าว เริ่มมีในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ ยกตัวอย่าง "ไอซ์แลนด์" ได้ทดลองการทำงานรูปแบบนี้ในช่วงปี 2015 - 2019 โดยลดชั่วโมงจาก 40 เหลือ 35 - 36 ชั่วโมง (ไม่จำเป็นต้องบีบเป็น 4 วัน) ผลคือพนักงานเกือบ 90% ได้รับการลดชั่วโมง และผลลัพธ์เป็นบวก เช่น ความเครียดลด ขณะที่ผลผลิตและประสิทธิภาพงานดีขึ้น
ดูไบ จึงไม่ใช่เมืองเดียวที่ทดลองระบบการทำงานแบบสัปดาห์สั้นหรือเวลาทำงานยืดหยุ่น หลายประเทศทั่วโลก ต่างเริ่มเห็นผลลัพธ์ด้านบวกจากนโยบายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลดความเครียด เพิ่มความพึงพอใจในงาน และลดอัตราการลาออก
สำหรับดูไบ การทดลองในปี 2024 ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกอย่างกว้างขวาง จึงไม่น่าแปลกใจที่ปีนี้รัฐบาลจะตัดสินใจขยายมาตรการนี้ครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด โดยให้แต่ละองค์กรมีอิสระในการบริหารจัดการตามความเหมาะสม
อ้างอิง: Timeout, Dubai Media Office, LinkedIn