โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กต.ไทย จี้กัมพูชาทำตาม MOU43 ย้ำไม่มีตรงไหนให้ใช้กลไกอื่นรวมทั้งศาลโลก

สยามรัฐ

อัพเดต 06 ก.ค. เวลา 09.44 น. • เผยแพร่ 06 ก.ค. เวลา 09.44 น.

จากกรณีวานนี้ กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ 8 ข้อเพื่อแสดงจุดยืนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ประณามฝ่ายไทยว่าเป็นฝ่ายก่อปัญหาจากเหตุการณ์ที่ทหารไทยรุกล้ำเข้าไปในอธิปไตยบริเวณสามเหลี่ยมมรกต (ช่องบก) และยิงทหารกัมพูชาจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ซึ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดและดำเนินต่อเนื่อ งจนกระทั่งกัมพูชาตัดสินใจยื่นข้อพิพาทในพื้นที่ 4 แห่งต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พร้อมเรียกร้องให้ไทยยอมรับอำนาจของ ICJ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ

ล่าสุดวันนี้ (6 ก.ค.68) กระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงข้อมูล ข้อคิดเห็นและท่าทีเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้

1.รัฐบาลไทยยึดมั่นในการแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาอย่างสันติวิธี ตามพันธกรณีที่ทั้งสองฝ่ายได้มีต่อกันตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) มาโดยตลอด ซึ่งได้ระบุไว้ชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องเจรจาหารือกันในกรอบทวิภาคี โดยใช้กลไกคณะกรรมาธิการร่วมชายแดน (JBC) อันเป็นไปตามแนวทางที่สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติทุกประการ

2.ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ภาคีของความตกลงที่เป็นสนธิสัญญา จะต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ลงนามไว้ โดยบันทึกความเข้าใจ ไทย- กัมพูชา ระบุให้แก้ไขปัญหาโดยการเจรจาหารือโดยคณะกรรมาธิการร่วมชายแดน (JBC) ไม่ได้มีส่วนใดที่ระบุว่าให้ใช้กลไกอื่น รวมทั้งศาลโลก (ICJ) ซึ่งประเทศไทยได้ยึดมั่นในพันธกรณีของความตกลงไทย-กัมพูชาดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิดพันธกรณีที่มีไว้ต่อกันไว้ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยไม่ได้ไปใช้กลไกอื่นนอกเหนือจากที่เคยได้ตกลงกันไว้

3.ในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ประเทศไทยได้ใช้แนวทางการเจรจาทวิภาคีโดยกลไก JBC หรือกลไกที่เทียบเคียงได้กับ JBC เช่นเดียวกัน ซึ่งล้วนแต่มีความคืบหน้าเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยการเจรจาเขตแดนทางบกระหว่างกับมาเลเซียและลาวได้สำเร็จไปแล้วกว่า 90% ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการเจรจาทวิภาคีและกลไกดังกล่าว สามารถนำมาใช้ให้เห็นผลได้ หากมีความตั้งใจจริงและจริงใจในการดำเนินการ โดยไม่ต้องพึ่งกลไกภายนอกเช่น ICJ และนอกจากไทยแล้ว วิธีการเจรจาทวิภาคีนี้เป็นวิธีการเดียวกับที่ประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ของกัมพูชา ใช้ในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชาเช่นกัน

4.ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไทยจึงเรียกร้องให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีที่ให้ไว้ อันเป็นการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาอันเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐอย่างเคร่งครัด ด้วยการเคารพและปฏิตามสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้ กล่าวคือ การเจรจาทวิภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดตลอดแนวโดยใช้กลไก JBC ซึ่งรวมถึงพื้นที่ขัดแย้ง 4 จุด ที่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยินยอมนำเข้าหารือการเจรจาในกรอบดังกล่าวด้วย อันถือได้ว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงตามบันทึกความเข้าใจปี 2000 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าต้องทำการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดน (demarcation) ทั้งหมดร่วมกัน ภายใต้กลไก JBC โดยไม่เอาเรื่องปัญหาเขตแดนไปสู่กลไกอื่นที่ไม่ได้ตกลงกันไว้

5.ประเทศไทยเฝ้ารอกัมพูชาซึ่งมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC มานานกว่า 12 ปี และได้เรียกร้องให้มีการประชุมฯ อยู่เสมอ ก่อนที่ JBC ครั้งล่าสุดจะได้มีขึ้น เมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายนที่ผ่านมา ประเทศไทยจึงขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้องว่า ไทยเป็นฝ่ายที่ทำให้กระบวนการ JBC ต้องหยุดชะงัก เพราะไทยเองไม่เคยถอนตัวจากกระบวนการดังกล่าวแต่เรียกร้องมาโดยตลอด ดังนั้น ไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชาเคารพในพันธกรณีที่มีระหว่างกัน ที่จะเจรจาหารือกันโดยสันติวิธี ก่อนจะพึ่งพากลไกอื่นซึ่งอยู่นอกเหนือไปจากวิธีการที่ได้ตกลงกัน เพื่อยุติปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนวตลอดไป และป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำซากในอนาคต กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และประชาชนทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนทั้งสองฝั่ง

6.ประเทศไทยยึดสันติวิธี และกฎหมายระหว่างประเทศด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต บริสุทธิ์ใจ และมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการสร้างพื้นที่ตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชากับประเทศเพื่อนบ้าน ให้กลายเป็นพื้นที่พรมแดนสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ชีวิตที่มั่นคง เจริญก้าวหน้าของพี่น้องประชาชนอยู่ตามแนวชายแดนทั้งสองฟากฝั่ง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...