โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

สุดทึ่ง! ถนนในยูเออีติดตั้งร่องพิเศษ เล่นเพลง ‘บีโธเฟน’ ขณะรถวิ่งผ่าน

Khaosod

อัพเดต 06 ก.ค. เวลา 09.05 น. • เผยแพร่ 06 ก.ค. เวลา 09.05 น.

สุดคลาสสิก! ถนนในเมืองฟูไจราห์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ติดตั้งร่องพิเศษ เล่นเพลง ‘บีโธเฟน’ ขณะรถวิ่งผ่าน ส่งเสริมทั้งความปลอดภัย-สุนทรียะบนเส้นทาง

สื่อต่างประเทศเผย ร่องถนนธรรมดาที่เราคุ้นเคย ซึ่งมักใช้กันทั่วโลก เพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้ระวังเมื่อล้อรถเบี่ยงออกนอกเลน หรือใกล้พื้นที่อันตราย กลับกลายเป็นสื่อสร้างสรรค์ใหม่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อล่าสุดได้ถูกนำมาใช้เล่นดนตรีคลาสสิกชื่อดังของโลก

โดยบนทางหลวงหมายเลข E84 หรือที่รู้จักกันในชื่อ‘ถนนชีคคาลิฟา บิน ซายิด’ ในเมืองฟูไจราห์ ประเทศยูเออี ได้มีการติดตั้งร่องถนนพิเศษความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร บริเวณช่องจราจรขวาสุด

เมื่อล้อรถวิ่งผ่านด้วยความเร็วที่กำหนด จะได้ยินท่วงทำนองของบทเพลง“ซิมโฟนีหมายเลข 9” โดย ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ ดังขึ้นมาตามจังหวะของยางรถยนต์ที่สัมผัสกับพื้นถนน

สำหรับโครงการนี้ มีชื่อว่า “Street of Music” หรือ “ถนนแห่งเสียงดนตรี” ซึ่งแม้จะมีแนวคิดคล้ายกับงานศิลปะในบางประเทศ แต่ถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาคตะวันออกกลางที่แนวดนตรีถูกนำมาผสานเข้ากับวิศวกรรมทางหลวงอย่างลงตัว

ภาพประกอบจาก dayofdubai

ด้านอาลี โอเบด อัล ฮิฟัยตี (Ali Obaid Al Hefaiti) ผู้อำนวยการสถาบันศิลปะฟูไจราห์ (Fujairah Fine Arts Academy) ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ร่วมกับทางการท้องถิ่น กล่าวว่า “โครงการ ‘ถนนแห่งเสียงดนตรี’ เป็นงานศิลปะที่มีอยู่ในบางประเทศ แต่เราต้องการให้มันเกิดขึ้นในประเทศของเราบ่างเช่นกัน”

พร้อมกล่าวเสริมว่า“เราต้องการส่งเสริมวัฒนธรรมทางศิลปะ ให้ดนตรีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คน และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างศิลปะกับวิถีชีวิตปกติ”

สำหรับผู้ขับขี่ที่กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองฟูไจราห์ ร่องถนนพิเศษนี้อาจดูเหมือนแค่เส้นประสีขาวขนาดใหญ่ที่ใช้แบ่งเลนบนทางหลวง 3 ช่องทาง แต่เมื่อรถแล่นไปถึง“บล็อกแรก” เสียงดนตรีก็เริ่มดังขึ้นทันที

เสียงนั้นไม่ได้มาจากเครื่องเสียงในรถ แต่เกิดจากจังหวะที่ล้อรถสัมผัสกับร่องถนนที่ออกแบบไว้อย่างแม่นยำ เมื่อรวมเข้ากับความเร็วของยานพาหนะ จึงเกิดเป็นท่วงทำนองดนตรีที่ไพเราะชวนประหลาดใจ

เมื่อขับรถผ่านแต่ละบล็อก ร่องถนนจะสร้างเสียงที่ประกอบขึ้นเป็นทำนองอันเลื่องชื่อจากซิมโฟนีหมายเลข 9 ของบีโธเฟน โดยเฉพาะช่วงตอนจบที่รู้จักกันดีในชื่อ “Ode to Joy” หรือในเวอร์ชันร่วมสมัยก็คือบทเพลงประจำสหภาพยุโรป (European Union Anthem)

ภาพประกอบจาก Chicago Symphony Orchestra

โดยผู้ริเริ่มโครงการ แนะนำให้ผู้ขับขี่รักษาความเร็วที่ประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้เสียงเพลงออกมาชัดเจน และตรงจังหวะที่สุด

ถนนสายนี้กลายเป็นกระแสไวรัลบนโซเชียลมีเดีย และยังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์สุดแปลกใหม่ใน เอมิเรตส์ฟูไจราห์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนักของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บริเวณชายฝั่งตะวันออกติดกับอ่าวโอมาน

ผู้คนจำนวนมากเริ่มขับรถช้าลงเมื่อใกล้เข้าสู่ตัวเมือง เพื่อจะได้ฟังเสียงเพลงจากถนนด้วยตนเอง ขณะที่ผู้ที่ยืนอยู่ริมทางก็สามารถสัมผัสประสบการณ์แบบเดียวกันได้เช่นกัน แม้บางครั้งรถจะวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงก็ตาม

อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่อง “ถนนเสียงเพลง” ไม่ใช่เรื่องใหม่ทั้งหมด มีการใช้ร่องถนนแบบนี้ในประเทศอื่นมาแล้ว เช่นในอิหร่าน ที่อยู่ไม่ไกลทางฝั่งอ่าวเปอร์เซีย แต่ อาลี อัล ฮิฟัยตี เชื่อว่า โครงการนี้ถือเป็นครั้งแรกในโลกอาหรับ

แม้จะกลายเป็นกระแสไวรัลในโซเชียลมีเดีย แต่อัล ฮิฟัยตี ยังมองว่าโครงการนี้มีเป้าหมายมากกว่านั้น เขาหวังว่าเสียงเพลงจากถนนจะช่วย นำดนตรีคลาสสิกเข้ามาใกล้ชีวิตประจำวัน ของผู้คน และปลูกฝังความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของวัฒนธรรมทางศิลปะ

สำหรับผู้ที่ถามว่า “เหตุใดสถาบันศิลปะในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จึงเลือกใช้ผลงานของ คีตกวีชาวยุโรปจากศตวรรษที่ 18 อย่างบีโธเฟน มาเป็นตัวแทนของเมืองฟูไจราห์?” ทาง อัล ฮิฟัยตีให้เหตุผลว่า “ผมมักส่งเสริมให้นักเรียนของผมเปิดใจ และสำรวจวัฒนธรรมที่แตกต่างอยู่เสมอ”

ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก : Ali Obaid AL Hefaiti

ขอบคุณที่มาจาก: AP

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สุดทึ่ง! ถนนในยูเออีติดตั้งร่องพิเศษ เล่นเพลง ‘บีโธเฟน’ ขณะรถวิ่งผ่าน

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...