โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สุดว๊าว ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ คิดค้นระบบ AI & IoT แจ้งเตือนช่วยเด็กติดในรถ

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 12 ม.ค. 2567 เวลา 02.45 น. • เผยแพร่ 12 ม.ค. 2567 เวลา 09.35 น.

ผศ.อรดี พฤติศรัณยนนท์ รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) และอาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่าในทุก ๆ ปี จะเห็นข่าวการเสียชีวิตของเด็กจากการติดอยู่ในรถ ไม่ว่าจะเป็นรถตู้โรงเรียน หรือรถยนต์ส่วนตัว

โดยสถิติเด็กติดในรถรับ-ส่งนักเรียน ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา พบว่าเกิดเหตุการณ์ 130 ครั้ง มีเด็กเสียชีวิต 7 ราย เป็นเพศหญิง 4 ราย และเพศชาย 3 ราย มีอายุระหว่าง 2-7 ปี ซึ่งถูกลืมทิ้งไว้ในรถที่จอดไว้หลังจากรับส่งนักเรียนแล้วเสร็จ นานกว่า 6 ชั่วโมงขึ้นไป โดยเด็กอาจนอนหลับอยู่ในรถ

ด้วยภาระหน้าที่ของพ่อแม่ในปัจจุบัน ทำให้หลายคนไม่สามารถส่งลูกไปโรงเรียนได้ด้วยตนเอง ต้องใช้บริการรถโรงเรียน หรือรถรับ-ส่งนักเรียน และอาจารย์ก็เป็นแม่คนหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกไปถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัย

แต่เมื่อเห็นทั้งสถิติ และข่าวที่เกิดขึ้น จึงได้คิดค้นงานวิจัยเกี่ยวกับระบบการแจ้งเตือนและช่วยเหลือเด็กติดในรถ ซึ่งเป็นงานวิจัยที่พัฒนาและคิดค้นขึ้นเพื่อลดการสูญเสียที่จะเกิดขึ้น

เบื้องต้นได้มีการสร้างระบบ AI & IoT (Artificial Intelligence : AI & Internet of Things : loT ) ซึ่งเป็นระบบตรวจจับและแจ้งเตือน โดยใช้โครงข่ายประสาทเทียม YOLO V.3 (You Only Look Once) ในการตรวจจับบุคคล เพื่อป้องกันการลืมเด็กในรถรับ-ส่งนักเรียน และได้มีการทดลองระบบเรียบร้อยแล้ว

รองคณบดีวิทยาลัย CITE กล่าวด้วยว่า การหลงลืมเด็กไว้ในรถตู้โรงเรียน รถรับ-ส่งนักเรียน หรือรถยนต์ 30 นาทีแรกมีความสำคัญอย่างมาก จากข้อมูลการทดสอบโดยศูนย์วิจัยสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่า หากเด็กติดอยู่ในรถที่จอดกลางแดดเป็นเวลา 5 นาที อุณหภูมิจะสูงขึ้นจนเด็กจะไม่สามารถทนอยู่ได้

และเมื่อผ่านไป 10 นาที ร่างกายจะยิ่งแย่ จนกระทั่งผ่านไป 30 นาที เด็กจะเกิดภาวะเลือดเป็นกรด ช็อก หมดสติ สมองบวม จากนั้นอาจหยุดหายใจ อวัยวะทุกอย่างจะหยุด ทำงาน และอาจเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้น หากช่วยเด็กได้ภายใน 30 นาทีแรกก็จะทำให้ลดการสูญเสีย หรืออัตราการเสียชีวิตจากการหลงลืมเด็กไว้ในรถได้

“ทุกโรงเรียนควรจะมีการติดตั้งระบบการตรวจจับและแจ้งเตือน เพื่อป้องกันการลืมเด็กในรถรับ-ส่งนักเรียน รถตู้โรงเรียน ซึ่งตอนนี้หลาย ๆ โรงเรียนอาจจะมีการติดตั้งกล้องในการตรวจจับว่ามีเด็กหลงลืมอยู่ในรถหรือไม่ แต่หลักการทำงานของระบบ AI & IoT ที่คิดค้นขึ้นนั้น

หาก AI ตรวจพบว่ามีบุคคลในรถหลังจากที่รถดับเครื่อง ประตูห้องโดยสารปิด และประตูคนขับรถปิด ระบบจะมีการส่งข้อความและภาพผ่านแอปพลิเคชั่น Line เพื่อแจ้งเตือนไปยังคนขับรถ และผู้ปกครองของเด็ก หลังจากนั้นจะมีไซเรนดังขึ้น และกระจกประตูรถฝั่งคนขับจะเลื่อนลง ซึ่งการจะวางระบบทั้งหมดได้นั้น ต้องได้รับความยินยอมจากทางโรงเรียน หรือเจ้าของรถ เพราะจะต้องมีการติดตั้งกล้อง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย ”ผศ.อรดี กล่าว

ผศ.อรดี กล่าวอีกว่า การติดตั้งระบบดังกล่าว มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยให้พ่อแม่ที่อยู่ที่บ้าน ที่ทำงานได้รู้ว่าลูกของตนเองถึงโรงเรียนแล้วหรือยัง เพราะเมื่อรถดับเครื่องแอร์หยุดทำงาน ระบบจะตรวจจับและถ่ายรูป หากมีเด็กติดอยู่ในรถจะมีข้อความและภาพแจ้งเตือนทันที

ดังนั้น รถที่ติดตั้งจะมีการผูกกับสัญญาณ wifi หรือ แชร์อินเตอร์เน็ตจากมือถือ ซึ่งราคาไม่แพง เพื่อช่วยป้องกันความเผอเรอทำให้โรงเรียนและรถรับส่งนักเรียนได้รับความไว้วางใจ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ปกครองได้มากขึ้น อีกทั้งสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณค่าเชิงสังคมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในราคาประหยัด

ทั้งนี้ ระบบดังกล่าว ตอบโจทย์เป้าหมายของมหาวิทยาลัยในการดำเนินการเรื่องของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG) ข้อ 3 การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และข้อ 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน

ซึ่งทางทีมวิจัยได้มีการออกแบบระบบ จัดซื้อวัสดุและอุปกรณ์ พร้อมสร้างและพัฒนาอุปกรณ์ เขียนโปรแกรม ติดตั้งอุปกรณ์ในรถ ทดสอบระบบ และปรับปรุงแก้ไขระบบ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หากโรงเรียน หรือผู้ปกครอง รวมถึงผู้ให้บริการรถตู้สนใจ สามารถติดต่อ oradee.prt@dpu.ac.th หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ CITE วิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...