โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

"หมอเจด" เปิดชื่อชัดๆ 5 ผลไม้ ช่วยคุมเบาหวาน น้ำตาลไม่พุ่ง

TNews

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

วันที่ 9 ธ.ค. 2568 หมอเจด นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ให้ความรู้ด้านสุขภาพ รวมผลไม้คุมเบาหวาน น้ำตาลไม่พุ่ง โดยระบุว่า มีหลายคนที่เป็นเบาหวาน หรือเสี่ยงเบาหวานมักกินผลไม้แทนขนมหวาน ไปเพลิน ๆ รู้ตัวอีกทีค่าน้ำตาลก็พุ่งสูงไปแล้ว บางคนก็กลัวผลไม้จนไม่กล้ากินกันไปเลย

หมอเจด เปิดชื่อชัดๆ 5 ผลไม้ ช่วยคุมเบาหวาน น้ำตาลไม่พุ่ง

จริง ๆ ผลไม้ช่วยคุมน้ำตาลได้นะครับ ถ้าเรารู้จักเลือกให้ถูกและกินในปริมาณพอดี เพราะไฟเบอร์ในผลไม้ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้น้ำตาลหลังอาหารไม่พุ่ง วันนี้ผมเลยรวมหลักการเลือกผลไม้แบบเข้าใจง่าย พร้อมผลไม้ที่เหมาะสุดสำหรับคุมเบาหวานครับ

1. แอปเปิลเขียว — น้ำตาลต่ำ อิ่มนาน คุมหิวดีมาก
แอปเปิลเขียวมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูง ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นช้า เหมาะกับคนอยากควบคุมน้ำหนักและลดพุง แนะนำกิน ½–1 ผล/วัน ช่วงกลางวันหรือบ่าย ข้อควรระวังคืออย่าปอกเปลือก เพราะสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ที่เปลือกเยอะ ถ้ากลัวสารเคมีให้แช่น้ำผสมเบกกิ้งโซดาก่อน

2. ฝรั่ง — ขนมของคนเป็นเบาหวาน ลดน้ำตาลแกว่ง
ฝรั่งไฟเบอร์เยอะมาก เคี้ยวนาน ทำให้ค่อย ๆ ปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด เหมาะมากสำหรับคนที่น้ำตาลหลังอาหารพุ่งง่าย ปริมาณแนะนำคือ ½ ผลขนาดกลาง/วัน ข้อควรระวังคืออย่าจิ้มพริกเกลือ ไม่เพิ่มความเค็ม–น้ำตาล และเลือกผลที่ไม่สุกจนแป้งมากเกินไป เพราะจะทำน้ำตาลขึ้นเร็วกว่าแบบกรอบเล็กน้อย

3. เบอร์รีต่าง ๆ — น้ำตาลต่ำที่สุดในกลุ่มผลไม้
พวกสตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี แบล็กเบอร์รี มีน้ำตาลน้อยและมีโพลีฟีนอลสูง ช่วยลดการอักเสบและเพิ่มความไวต่ออินซูลิน ทำให้น้ำตาลนิ่งขึ้น เหมาะกับการกินคู่โยเกิร์ตไขมันต่ำ ปริมาณแนะนำ ½ ถ้วย/วัน ข้อควรระวังคือควรเลือกแบบสดหรือแช่แข็ง ไม่หวานเพิ่ม และหลีกเลี่ยงแบบเชื่อม–แยม เพราะน้ำตาลสูงมาก

4. ชมพู่ — หวานน้อย กากใยดี ช่วยคุมน้ำหนัก
ชมพู่เป็นผลไม้ไทยที่น้ำตาลต่ำและมีน้ำในปริมาณสูง จึงช่วยให้สดชื่นและอิ่มเร็ว เหมาะมากสำหรับคนที่อยากหาของกินเล่นแต่ไม่อยากให้น้ำตาลพุ่ง ปริมาณแนะนำ 2–3 ผลเล็ก/วัน ข้อควรระวังคืออย่ากินพร้อมน้ำจิ้มหรือเกลือ เพราะจะเพิ่มโซเดียมและทำให้บวมน้ำ ส่วนคนฟันอ่อนแอควรเคี้ยวช้า ๆ

5. อะโวคาโด — ไขมันดีสูง คุมน้ำตาลได้ยอดเยี่ยม
อะโวคาโดอาจไม่หวาน แต่เป็นผลไม้ที่ช่วยคุมน้ำตาลได้ดีที่สุด เพราะไขมันดีและไฟเบอร์สูง ทำให้อิ่มนานและลดการแกว่งของน้ำตาลหลังอาหาร เหมาะมากสำหรับมื้อเช้าหรือแทนขนมปัง ปริมาณแนะนำ ¼–½ ผล/วัน ข้อควรระวังคืออย่ากินคู่กับน้ำผึ้งหรือครีม เพราะจะเพิ่มน้ำตาลและไขมันโดยไม่จำเป็นครับ

ผลไม้ไม่ใช่ของต้องห้ามสำหรับคนเป็นเบาหวาน ขอแค่ "เลือกให้ถูกและกินให้พอดี" เน้นผลไม้สด ปริมาณเหมาะสม และความสุกระดับปานกลาง ก็ช่วยให้น้ำตาลนิ่งขึ้น ลดดื้ออินซูลิน และลดการอักเสบได้จริง กินทุกวันได้อย่างปลอดภัยและยังดีต่อระบบขับถ่ายและหัวใจด้วย

หลักการเลือกกินผลไม้ ช่วยให้กินแล้วไม่ให้ค่าน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงทำได้จริงครับ แค่ดู 3 หลักนี้

  • ควบคุมปริมาณผลไม้

การคุมเบาหวานไม่ได้แปลว่า "ห้ามกินผลไม้" แต่ต้องคุมปริมาณให้พอดี วันละ 1–2 ส่วน กินกระจายช่วงกลางวันหรือบ่าย ไม่ควรกินรวดเดียวหลายส่วนเพราะจะทำน้ำตาลพุ่งในครั้งเดียว ควรจับคู่กินกับโปรตีนหรือไขมันดีเล็กน้อย เช่น ถั่วไม่เค็ม 5–6 เม็ด เพื่อให้น้ำตาลขึ้นช้าลง และอย่ากินตอนท้องว่างจัดเพราะร่างกายจะดูดซึมน้ำตาลเร็วขึ้น

  • เลือกผลไม้สด vs แปรรูป

ผลไม้สดจะคุมเบาหวานได้ดีกว่าทุกแบบ เพราะมีไฟเบอร์ครบ ทำให้น้ำตาลดูดซึมช้ากว่าแบบอบแห้ง น้ำผลไม้ หรือเชื่อม ซึ่งถูกรีดไฟเบอร์ออกพร้อมทำให้น้ำตาลเข้มข้นกว่าเดิมหลายเท่า ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยงแบบน้ำผลไม้ 100% ด้วย เพราะดื่มง่ายและทำให้น้ำตาลพุ่งแบบรวดเร็ว ควรเลือกผลไม้สด หั่นเป็นชิ้น กินแบบช้า ๆ เพื่อให้น้ำตาลนิ่งและอิ่มนานขึ้น

  • เลือกที่ความสุกของผลไม้

ผลไม้ที่ "สุกงอมมาก" จะมีน้ำตาลฟรุกโตสสูงขึ้น ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งเร็วกว่าแบบที่ยังกรอบหรือสุกระดับกลาง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มกล้วย มะม่วง มะละกอ เวลากินควรเลือกแบบ "สุกกำลังดี" เพื่อให้ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำลง อีกอย่างคือผลไม้สุกงอมจะทำให้เรากินง่ายเกินไป กัดเพลิน หยุดยาก และมักกินเยอะขึ้นโดยไม่รู้ตัว คนคุมน้ำตาลจึงควรหลีกเลี่ยงที่สุด

ขอบคุณ FB : หมอเจด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...