โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

คุยกับนักเรียนทุน ‘Cambridge Trust’ เรียนต่อ ป.โท (MPhil) ด้านจิตวิทยาใน ม.ดังด้านวิจัยระดับโลก!

Dek-D.com

อัพเดต 29 เม.ย. 2563 เวลา 18.10 น. • เผยแพร่ 09 พ.ย. 2564 เวลา 02.27 น. • DEK-D.com
แชร์ประสบการณ์ทำวิจัย MPhil (Master by Research) สาขา Biological Sciences, Psychology

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ถ้าพูดถึง University of Cambridge แห่งอังกฤษ นอกจากคุณภาพจะครองอันดับ 3 ของโลก และเป็นเลิศด้านการวิจัยแล้ว สภาพแวดล้อมยังมีชีวิตชีวาและซัพพอร์ตนักศึกษาดีมากกก นับตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ชื่อดังในเมือง ห้องสมุดที่มีมากกว่าร้อยแห่ง สวนพฤกศาสตร์ รวมถึงสถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ตามแบบฉบับมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1209

และหลังจากที่เราได้ชวน "พี่มิ้นท์-พรปรียา"มาเล่าประสบการณ์ตั้งแต่ขอทุนรัฐบาลไทยจนเรียนจบ ป.โท สาขาอาชญาวิทยาใน Cambridgeก็ทำให้เรามีโอกาสได้รู้จักหนึ่งในคนไทยที่คว้าทุน Cambridge Trustไปเรียนต่อปริญญาโทหลักสูตรMPhil (Master by Research) สาขา Biological Sciences, Psychologyที่นั่นด้วยค่ะ ในนี้จะแชร์ตั้งแต่โพรไฟล์ตอนสมัครเรียน ชีวิตเด็กป.โท ความท้าทายในการทำวิจัยช่วงโควิด สังคมในเคมบริดจ์ รวมถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับมุมมองและความช่วยเหลือด้านจิตวิทยาในไทย // เลื่อนลงมาเก็บข้อมูลกันเลย!

เปิดโพรไฟล์ & เล่าประสบการณ์ทำงาน

สวัสดีค่ะ พี่ชื่อ‘พี่ดรีม’เรียนจบคณะจิตวิทยาภาคอินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคนี้เป็น Joint Program ให้เรียนที่ไทย 2 ปี ออสเตรเลีย 1 ปีครึ่ง แล้วกลับมาเรียนต่อที่ไทยอีก 1 เทอมค่ะ หลังเรียนจบพี่มีโอกาสได้ทำงานด้านจิตวิทยา แล้วตัดสินใจเรียนต่ออังกฤษ มาด้วยทุน Cambridge Trust ของมูลนิธิเคมบริดจ์ไทย (Cambridge-Thai Foundation)ซึ่งมอบรางวัลทุนค่าเรียนให้บางส่วนนะคะ ^^

เว็บไซต์ทุน Cambridge Trust

พี่ตัดสินใจมาเรียนจิตวิทยาเพราะมีสมาชิกในครอบครัวประสบปัญหานี้โดยตรง แต่เมื่อสัก 20 กว่าปีที่แล้ว คนยังขาดความเข้าใจและไม่ยอมรับคนกลุ่มนี้ อย่างเวลาพี่ทำงานแล้วให้เด็กลองทำ Assessment พอผลออกมาว่ามีปัญหาสุขภาพจิต ถ้าหากผลออกมาว่าเด็กมีปัญหาทางสุขภาพจิตหรือปัญหาอื่นๆ ทางด้านพัฒนาการ ผู้ปกครองหลายท่านอาจจะยังรับตรงนี้ไม่ได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการดูแลรักษาในขั้นต่อไป แต่ในขณะเดียวกันเราพบว่าที่ต่างประเทศศึกษาเรื่องนี้โดยที่บุคคลทั่วไปให้ความยอมรับมากกว่าที่ไทย และมีทรัพยากรด้านนี้พร้อมมากกว่าพี่เลยอยากออกไปลองศึกษาลองศึกษาและเก็บประสบการณ์เพิ่ม แล้วนำความรู้มาปรับใช้ที่ไทยค่ะ

…………………….

ข้อกำหนดเรื่องคะแนนภาษา
สำหรับผู้สมัครหลักสูตรนี้ที่ Cambridge

ถ้าใครมีประสบการณ์ด้านจิตวิทยามาก่อน พี่คิดว่าสามารถช่วยเรื่องการสมัครได้มากเลยนะคะส่วนตัวพี่เคยทำ Part-time เป็นติวเตอร์ส่วนตัวสอนวิชาภาษาอังกฤษ สถิติ และจิตวิทยา มีมีฝึกงานและทำงานพิเศษมาหลายที่ตั้งแต่เรียนปี 1 เพราะอยากค้นหาตัวเอง (คือปิดเทอมทีก็หาเลย) มีทั้งคลินิกกับโรงพยาบาลที่เขาต้องการนักศึกษาไปช่วยงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเด็กพิเศษ

และอีกส่วนที่ต้องให้ความสำคัญคือ Letter of Reference พี่แนะนำให้ขออาจารย์ที่ปรึกษา (Supervisor) กับผู้ว่าจ้างที่เราเคยทำงานด้านจิตวิทยาให้หรือทำในสาขาใกล้เคียง ถ้าหากว่ามี เพราะมหาวิทยาลัยที่ UK จะดูว่าเราบุประมาณไหน supervise ได้ง่ายรึเปล่า

ทั้งนี้ เนื่องจาก ม.เคมบริดจ์และหลักสูตร MPhil จะเน้นการทำวิจัยหลัก เราจึงควรนั่งหาข้อมูลเพื่อเลือกอาจารย์ที่ปรึกษา (Supervisor) ให้ตรงกับด้านที่เราสนใจ แล้วนำไปเขียนประกอบในเรียงความสมัครเรียน เวลาสัมภาษณ์เราก็จะอธิบายได้ว่า อาจารย์ท่านนี้ทำวิจัยด้านอะไร และสอดคล้องกับความสนใจและประสบการณ์ของเรายังไงบ้าง

ศึกษาข้อมูลหลักสูตรทั้งหมด (หลักสูตร, คุณสมบัติ, วิธีสมัคร, ค่าเรียน ฯลฯ)

https://www.postgraduate.study.cam.ac.uk/courses/directory/blpympbsc

Potential MPhil in Psychology Supervisors

https://www.psychol.cam.ac.uk/study/grads/prosp-stu-pg/mphil-sdp-sup

เริ่มชีวิต Chapter ใหม่ในรั้วเคมบริดจ์

ดีงามทั้งเมืองและมหาวิทยาลัย!

Cambridge เป็นเมืองที่น่าอยู่เมืองนึงเลยค่ะ ทั้งน่ารักและมีสถาปัตยกรรมสวยๆ มีความปลอดภัยสูง ไม่ค่อยมีโจร (แต่ก็ต้องใช้ความระมัดระวังและวิจารณญาณอยู่นะคะ ^^) ผู้คนจะมีฐานะและการศึกษาดี ส่วนใหญ่คนจะสัญจรในเมืองโดยการขี่จักรยาน ไม่ต้องเสียเวลากับการนั่ง Uber หรือหาซื้อรถขับ แต่ถ้าอยากไปลอนดอนก็อยู่ไม่ไกลกัน เดินทางแค่ 1-1.5 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว

ส่วนในมหาวิทยาลัยจะมีระบบการดูแลนักศึกษาที่เรียกว่า ‘Collegiate System' ลักษณะเดียวกับที่เราเห็นในหนัง Harry Potterที่จะแยกเป็น 4 บ้าน ส่วนมี 31 Colleges เป็นทั้งที่พัก มีทรัพยากรต่างๆ ให้ใช้ เช่น Gym, Theatre Space, Prayer Space, Sport Pitch ฯลฯ ขึ้นอยู่กับตัว college นั้นๆ มีที่ปรึกษาให้เราโทรหรืออีเมลไปได้ ถ้ามาเรียนระดับ Postgraduate (สูงกว่าปริญญาตรี) แบบที่พี่เรียนอยู่ จะเลือกลงชื่อไว้ได้ 2 บ้าน แต่ถ้าไม่ได้รับเลือกก็จะถูกแรนดอมไปบ้านอื่นๆ ค่ะ

พี่ได้มาอยู่บ้านที่ Downing Collegeชอบเหมือนกันนะ ค่อนข้างเป็นบ้านที่โซเชียลเลย อยู่ติดเมือง มีร้านอาหาร มินิไชนาทาวน์ สิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้ตัวบริเวณ college ค่อนข้างเยอะ ส่วนบ้านอื่นๆ ก็จะมีที่ดังๆ อย่าง Trinity Collegeเก่าแก่และมีห้องสมุดสวยมากกก

อีกกิมมิกคือชุดครุยที่ให้ฟีลเหมือน Harry Potter อีกเหมือนกัน 555 ชุดนี้เราต้องซื้อมาใส่ตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงตอนรับปริญญาเลยค่ะ เช่น ใส่ตอนถ่ายรูป หรือตอน Formal Dinner ซึ่งจะเป็นการรับประทานอาหารเป็น Course ในราคาที่ถูกกว่าไปกินข้างนอก แต่ละ College จะจัดช่วงเปิดเทอมให้เราสามารถจองเข้าไปกินได้

รีวิวหลักสูตร MPhil

เน้นวิจัยล้วนๆ ไม่มีคลาส

สำหรับหลักสูตรนี้ พี่เรียน MPhil เป็นหลักสูตร 1 ปี ที่เป็นfull-time researchที่จะเน้นทำวิจัยลงลึกหัวข้อหัวข้อหนึ่ง ต้องเข้าแล็บทุกวันหรือไปเก็บ Data และพบ Supervisor ตัวต่อตัวค่ะ เริ่มต้นจากการศึกษางานวิจัยคนอื่น (Literature Review) ว่าเราอยากต่อยอดอะไร เขียนออกมาเป็น Proposal ให้อาจารย์ที่คณะดู จากนั้นเราต้องไปทำเรื่องขอรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ (Ethics) ก่อนเพื่อขอเก็บ Data มาวิเคราะห์ (Analyze) แล้วเขียนสรุปออกมาเป็นบทความ

**ข้อกำหนดหลักๆ คือไม่เกิน 20,000 คำ นับเฉพาะตัวเนื้อหานะคะ ตั้งแต่ Literature Review ถึง Conclusion แต่ไม่นับ Reference, Abstract, Title Page

อย่างที่เล่าว่าตอนสมัครเรียน แต่ละคนจะมีหัวข้อวิจัยที่อยากทำอยู่แล้ว ตอนแรกพี่ตั้งใจจะทำเรื่อง Cross-Cultural Researchทำเป็นวิจัยเชิงเปรียบเทียบไทยและอังกฤษ ดูว่าระบบการศึกษาของทั้ง 2 ประเทศต้องใช้ความสามารถในการเข้าใจความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นมากแค่ไหน (ที่เรียกในการวิจัยว่า Theory of Mind) เพราะการวิจัยด้านนี้ที่ไทยยังมีไม่มาก

แต่พอมีโควิด เราไม่สามารถบินไปมาเพื่อเก็บข้อมูลทั้ง 2 ประเทศได้ กลายเป็นว่าไม่สามารถทำหัวข้อที่สนใจตอนเริ่มสมัคร เลยต้องมานั่งคิดหัวข้อใหม่ โดยหัวข้อต้องอยู่ในสาขาวิชาที่อาจารย์สนใจและเป็นผู้เชี่ยวชาญพอที่จะให้คำแนะนำเราได้ด้วย ช่วงนั้นก็แอบรู้สึกเฟลไปหลายเดือนเลยค่ะ ต้องมานั่งอ่านวิจัย Literature Review ใหม่ นั่งประชุมและปรึกษากับอาจารย์หลายรอบ TT สุดท้ายก็ลงเอยที่หัวข้อใหม่ ศึกษาวิธีการพูดด้วยอารมณ์ด้านบวกของพ่อและแม่ต่อลูกที่ยังอายุน้อยอยู่ เพราะวิเคราะห์ว่าวิธีการพูดแบบนี้ช่วยให้ลูกเชื่อฟังพ่อแม่และทำให้ตอบสนองดีขึ้นหรือไม่

แนะนำ Career Path

งานสายจิตวิทยามีกี่แบบ?

หลักๆ จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม (Categories) คือ

  • Industryเช่น HR, Consultant กำหนด requirements น้อยกว่า ดูบุและผลการเรียนว่า fit กับองค์กรมั้ย อาจจะมีทดสอบและเทรนงานเยอะกว่า โดยรวมจะไม่เคร่งเท่าอื่น มีความยืดหยุ่นความรู้หลายด้าน และค่าตอบแทนอาจสูงกว่า

  • Clinicalไปช่วยนักจิตวิทยาทำงานด้านการบำบัด ทำงานภายใต้ระบบรัฐบาลหรือคลินิกเอกชน (Private Practice) มีทั้งที่โรงพยาบาลและคลินิก แต่เข้าค่อนข้างยากมากกก และโอกาสที่จะเข้าไปทำงานได้ในฐานะชาวต่างชาติค่อนข้างน้อย ถ้าอยากรีบหางานไม่แนะนำเพราะมี process ซับซ้อน

  • Research ส่วนใหญ่ทำงานในมหาวิทยาลัย ถ้าจบป.ตรี-โทจะเป็นผู้ช่วยวิจัย (Assistant Researcher) ไม่ค่อยเป็นงานระยะยาว แต่จะมีงานลักษณะนี้ที่ต้องการคนเข้ามาช่วยทำงานวิจัยใหม่เรื่อยๆ

ส่วนตัวพี่ตั้งใจจะทำงานที่อังกฤษก่อนสัก 5-10 ปี เพื่อที่จะได้มีความเชี่ยวชาญเพื่อกลับมาตั้งศูนย์วิจัยหรือคลินิกที่ไทยได้

ถามความคิดเห็น

เกี่ยวกับมุมมองด้านจิตวิทยาในไทย?

พี่คิดว่าในไทยดีตรงที่มีศาสนาพุทธ เพราะมีแนวปฏิบัติเรื่องการปล่อยวาง แนวคิดนี้ต่างประเทศเองก็กำลังให้ความสนใจและพยายามนำมาปรับใช้ ตัวอย่างเช่นเดี๋ยวนี้แถบประเทศตะวันตกสนใจความคิดเรื่อง Mindfulness= การอยู่กับสิ่งที่เป็น ณ ปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องนั่งครุ่นคิดเรื่องอนาคตมากจนเกินไป

แต่สิ่งที่ไทยยังขาดคือเรื่องการยอมรับปัญหาสุขภาพจิตยิ่งในยุคนี้บางคนมีความเครียดและวิตกกังวลสะสม แต่ไม่กล้าที่จะไปหานักจิตวิทยา กลัวว่าจะกลายเป็นตราบาป กลัวคนอื่นรู้แล้วดูไม่ดี ซึ่งอันที่จริงความคิดเหล่านี้เริ่มล้าหลังไปแล้ว โดยเฉพาะการที่คนรุ่นใหม่กำลังเริ่มให้ความสนใจทางด้านสุขภาพจิตมากขึ้น และสถานการณ์โควิดเองก็ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นอยากจะแนะนำว่าใครที่มีปัญหาที่ทำให้คิดเยอะ ลองไปหานักจิตวิทยาเผื่ออาจจะช่วยได้นะคะ

อย่างไรก็ตาม พี่อยากฝากถึงน้องๆ ที่กำลังสนใจด้านจิตวิทยา ลอง explore ว่าจริงๆ แล้วเราชอบจิตวิทยาด้านไหน เพราะจะมีแตกแขนงไปอีกเยอะมาก อาจเป็นนักจิตวิทยาองค์กร นักจิตวิทยาด้านการศึกษา หรือที่ปรึกษาของคู่รักที่มีปัญหาก ฯลฯ ลองหา internship สั้นๆ ช่วงซัมเมอร์เพื่อค้นหาตัวเองก็ดีเหมือนกัน ลองหลายๆ แบบเพื่อค้นหาตัวเองนะคะ ^^

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...