โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

Age of Empires ยอดเกมวางแผน ผู้นำความตื่นตาทางประวัติศาสตร์สู่โลกของเกม

GamingDose

เผยแพร่ 28 ต.ค. 2562 เวลา 06.13 น. • GamingDose - ข่าวเกม รีวิวเกม บทความเกมจากเกมเมอร์ตัวจริง

หากเราพูดถึงเกมแนววางแผนการรบแบบ Real Time หรือ Real Time Strategy ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้เล่นคนไทยในยุคก่อน เราก็มักจะนึกถึงเกมอย่าง Command & Conquer: Red Alert หรือผู้สร้างตำนานที่สานต่อไปสู่เกมแนว MOBA อย่าง Warcraft ก็เป็นที่นิยมไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน แต่ก็น่าจะมีอีกเกมหนึ่งที่ครองใจผู้เล่นชาวไทยหลายคนมานาน และเป็นเกมวางแผนที่ยอดเยี่ยมมากด้วยเช่นกัน เกมนั้นก็คือ Age of Empires นั่นเอง

ในสมัยก่อนนั้นเวลาที่เราจะเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของโลก เรามักจะค้นหาจากในห้องสมุดหรือหนังสือเรียน ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนแล้วค่อนข้างให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์ในสมัยยุคกลางของยุโรปมาก เพราะหาอ่านได้ยาก แต่สื่อบันเทิงต่าง ๆ ในยุคนั้นต่างก็มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสงครามในยุคกลางของยุโรป ที่การรบพุ่งกันระหว่างแคว้นและประเทศอื่น ๆ มีกันเป็นเรื่องปกติ

และที่สำคัญก็คือเหล่าอัศวินในชุดเกราะแวววาว ผู้ยึดมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรีของการเป็นนักรบ มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจไม่น้อย ชวนให้เราอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับยุคนั้นมากขึ้นไปอีก

แต่แม้ผู้เขียนจะชอบศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของแต่ละภูมิภาคอย่างมากแต่เกมที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันนั้นกลับดูน่าเบื่อและเข้าใจยาก(สมัยนั้นยังไม่ใคร่สนใจเกมอย่าง Civilization มากนัก อาจเพราะยังเยาว์เกินกว่าจะเข้าใจระบบของเกมได้) แต่ก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่นำเกมนี้มาให้รู้จัก ดูสนุกตื่นเต้นไม่ได้แพ้เกมอย่าง Red Alert ที่เคยเห็น และยังมียูนิตมากมายหลายแบบให้ได้เลือกใช้ตามลักษณะของแผนที่อีกด้วย

Age of Empire ภาคแรกวางจำหน่ายในวันที่ 15 ตุลาคม 1997 ซึ่งในยุคนั้นเกม PC ยังไม่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเราเพราะมีราคาที่สูงมาก แต่เริ่มที่จะมาเป็นที่รู้จักกันจริงจังก็คงเป็นช่วงที่ภาคสองวางตลาดในปี 1999 ที่ตอนนั้นเครื่อง PC ที่มีสเปกดีพอตัวเริ่มจะมีราคาในระดับจับต้องไปบ้างแล้ว(ผู้เขียนจำได้แม่นเลยว่าคอมเครื่องแรกของตัวเองนั้นมีสเปก Atlon 800MHz RAM 128Mb และการ์ดจอ Geforce 2MX) ตัวเกมก็เลยเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ผนวกกับกระแสของเกมวางแผนในยุคนั้นเริ่มมาแรงมากขึ้น  ทั้ง Starcraft หรือ Red Alert เอง ทำให้เกมนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และยังดูมีความแตกต่างมากกว่าเกมวางแผนอื่น ๆ ที่ดูมีความเป็นสงครามแบบยุคปัจจุบันหรือเป็นโลกอนาคต ไม่แบบแฟนตาซีไปเลย ทำให้ชื่อของ Age of Empires เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

ระบบการเล่นของเกม Age of Empires นั้นเรียกได้ว่าเป็นเกมวางแผน RTS ในแบบที่ Old School มาก ๆ

เก็บเกี่ยวทรัพยากร สร้างปราสาท สะสมกองกำลัง แล้วนำกองทัพไปพิชิตฝ่ายตรงข้าม(แต่ห้ามสร้างเกมจำนวนที่กำหนดเอาไว้เพื่อไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบมากเกินไป) ปราสาทหลักใครพังก่อนก็เป็นฝ่ายแพ้ไป และด้วยความที่มันเป็นเกมวางแผนแบบดั้งเดิม ทำให้หลายคนเข้าใจระบบการเล่นของมันได้ไม่ยาก แค่รู้ว่าต้องสร้างอะไรก่อนหลังก็สามารถสนุกกับเกมได้ทันที

ส่วนการเข้าจัดการกับศัตรูก็มีหลากหลายและโดดเด่นตามยูนิตพิเศษของแต่ละฝ่าย บางประเทศอาจจะเด่นในเรื่องยูนิตพิเศษที่ยิงธนูได้ในระยะที่ไกลกว่า หรือมีเกราะที่หนากว่า แถมยังมียูนิตพิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างเช่นช้างศึกขนาดใหญ่ ที่ส่งลงไปสนามรบแล้วเราจะได้เห็นความอลังการแน่นอน

และแม้จะเป็นเกมที่อิงมาจากประวัติศาสตร์ แต่ Age of Empires ก็มียูนิตที่มีความสามารถแบบแฟนตาซีหลุดออกมาบ้างเหมือนกัน และเชื่อว่าหนึ่งในยูนิตที่น่าจดจำที่สุดคงเป็นเหล่านักบวชที่มีความสามารถสะกดจิตให้ฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวกของฝ่ายเราได้(พูดง่าย ๆ คือจับย้อมสีนั่นเอง) พร้อมกับประโยคสะกดจิตที่หลายคนจำได้ขึ้นใจ แม้แต่ในต่างประเทศเองก็นำเอาเรื่องนี้มาล้อกันจนกลายเป็น Internet Meme ที่โด่งดังจนถึงเวลานี้

นอกจากระบบการเล่นที่เข้าใจได้ง่ายแล้ว โหมด Campaign หรือเนื้อเรื่องของเกมก็เป็นโหมดที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะทางผู้พัฒนาหยิบเอาช่วงเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกมาสร้างเป็นภารกิจให้ผู้เล่นได้ท้าทายฝีมือกัน เราจะได้เรียนรู้ว่าสงครามของชาว Celts ที่มี William Wallace นำทัพนั้นเป็นอย่างไร การปลดแอกฝรั่งเศสที่นำโดย Joan of Arc มีเรื่องราวแบบไหน และความน่ากลัวของสงคราม 100 ปีนั้นมีอะไรบ้าง เป็นการเสริมความรู้ในด้านประวัติศาสตร์นอกเหนือจากในชั้นเรียนและห้องสมุดที่ดีไม่แพ้กันเลย

Age of Empires เป็นเกมที่สร้างรายได้ให้กับ Microsoft และ Ensemble Studios ที่เป็นผู้พัฒนาอย่างมาก

โดยเฉพาะในภาคสองที่ขายไปได้เกือบ 500,000 ชุด และทำรายได้ไปกว่า 19.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนั้นยังได้รับคะแนนรีวิวจากสื่อหลายเจ้าในระดับสูง จนกลายเป็นเกมวางแผนที่สามารถขึ้นไปยืนคู่กับเกมระดับตำนานอย่าง Starcraft ได้เลย

ส่วนในปัจจุบัน ใครที่คิดถึงเกมนี้และอยากกลับไปเล่นให้หายอยาก ก็มีตัวเกมแบบ Definitive Edition ขายรวมสองภาคในราคาแค่ 801 บาทบน Steam ให้ซื้อกันแล้ว ส่วนในอนาคตทาง Microsoft เองก็เตรียมแผนที่จะผลักดันซีรีส์นี้ต่อไปอีกในอนาคต พร้อมมั่นใจว่า Age of Empires IV จะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในอนาคตแน่นอน

แต่ด้วยเทรนด์การเล่นเกมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาของผู้เล่น การก้าวกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งของพวกเขาจะเป็นจริงหรือไม่นั้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องมาดูกันต่อไปครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...