โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

คณิตศาสตร์โอลิมปิก: เด็กไทยคว้าเหรียญทองด้วยวัยเพียง 14 ปีได้อย่างไร

Khaosod

อัพเดต 30 ส.ค. 2564 เวลา 12.31 น. • เผยแพร่ 30 ส.ค. 2564 เวลา 12.31 น.
  • ทัพพนัย บุญบัณฑิต
  • ผู้สื่อข่าววิดีโอ บีบีซีไทย

"พิพิชชญะ ศรีดำ" เป็นตัวแทนประเทศไทยคนแรกและเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในโลกที่สามารถคว้าเหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศมาได้ก่อนอายุ 15 ปี เบื้องหลังความสำเร็จของเขาไม่ได้เกิดจากความฉลาดหลักแหลมเพียงอย่างเดียว แต่ความหลงใหลในตัวเลขเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถก้าวมาถึงจุดนี้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

ในขณะที่ทั่วโลกต่างจับตาการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ณ ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งบนอาคารสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ย่านสุขุมวิท ทัพนักคณิตศาสตร์รุ่นเยาว์ก็กำลังร่วมการแข่งขันระดับเพื่อหวังคว้าเหรียญรางวัลอยู่เช่นกัน

สสวท.
พิพิชชญะนั่งประจำที่ก่อนเริ่มการสอบคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศผ่านระบบออนไลน์

สถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทำให้พวกเขาไม่ได้เดินทางไปนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย เจ้าภาพจัดการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี 2564 (IMO 2021) แต่ทัพนักคณิตศาสตร์ไทยก็สามารถคว้า 1 เหรียญทอง 3 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดงจากการสอบผ่านระบบออนไลน์เมื่อวันที่ 19-20 ก.ค. ที่ผ่านมาได้

"ภาคภูมิใจครับที่ได้เหรียญทองมา ระหว่างทางที่ผ่านมาสองปีกว่าก็ต้องทำโจทย์ บางทีก็อาจจะมีท้อถอยบ้าง แต่ว่าถ้าเราอดทนมาเรื่อย ๆ สุดท้ายมันก็จะประสบความสำเร็จครับ" พิพิชชญะ หรือ "สไปรท์" วัย 14 ปี ชั้น Year 9 (ม.3) จากโรงเรียนนานาชาติบลูมส์เบอรี่-หาดใหญ่ 1 ใน 6 ตัวแทนประเทศไทยประจำปีนี้ กล่าวถึงความรู้สึกตอนที่ได้ทราบผลการแข่งขัน

เขาเป็นตัวแทนประเทศที่มีอายุน้อยที่สุดในปีนี้และเป็น 1 ใน 8 คนที่สามารถคว้าเหรียญทองได้ก่อนอายุ 15 ปีนับตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันมา

เปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา

พิพิชชญะบอกว่าเขาชื่นชอบวิชาคณิตศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก และเริ่มมาศึกษาอย่างจริงจังหลังจากที่ค้นพบว่าตนเองมีความถนัดวิชานี้มากที่สุด โดยสาขาที่เขาชอบมากที่สุดคือ คณิตศาสตร์เชิงการจัด ที่ศึกษาเกี่ยวกับปัญหาในการนับและจัดเรียงวัตถุ

"ผมรู้สึกว่าคณิตศาสตร์มันมีความสวยงามตรงที่ว่ามันสามารถสร้างสรรค์ไปต่ออย่างไรก็ได้ มันไม่ได้มีข้อจำกัดอะไรมากเท่าไหร่" เขาบอก

เขามักจะใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง พ่อของเขาบอกว่าลูกชายมักจะตั้งคำถามกับโจทย์และสูตรต่าง ๆ อยู่เสมอ จนในบางครั้งก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ลูกได้

"ประมาณ ป.2 เขาเริ่มมาถามผมอะไรแปลก ๆ บางทีก็บอกว่าโจทย์ผิดบ้าง" นพ. ณัฐพันธุ์ ศรีดำ พ่อของพิพิชชญะกล่าว "จนมา ป.3 เขาถามผมว่าแคลคูลัสคืออะไร ในขณะที่เนื้อหาตามบทเรียนของเขายังเป็นแค่บวกลบคูณหาร"

พิพิชชญะวัย 14 ปีเป็นพี่ใหญ่ในบรรดาพี่น้อง 3 คนที่เกิดในครอบครัวที่พ่อและแม่เป็นหมอทั้งคู่ พ่อของเขาบอกว่าทางครอบครัวไม่ได้กดดันให้ลูกต้องเป็นเด็กเก่ง แต่จะเน้นสนับสนุนให้ลูกได้ทำในสิ่งที่ชอบมากกว่า เพราะเขามองว่า "เมื่อใดที่เด็กแข่งขันกัน เมื่อนั้นเด็กจะเริ่มเห็นแก่ตัว"

PIPITCHAYA SRIDAM
พิพิชชญเป็นพี่ใหญ่ในบรรดาพี่น้อง 3 คน พ่อของเขาบอกว่าลูกแต่ละคนมีความชอบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"เขาเป็นเด็กที่ไม่เหมือนคนอื่น เขาทำคณิตศาสตร์เพราะความชอบ เขาไม่ได้คิดจะแข่งขันกับใคร เขาแค่ทำไปเพราะรู้สึกท้าทาย" นพ. ณัฐพันธุ์ กล่าว "เขามักจะแก้โจทย์ด้วยวิธีของเขา ไม่ค่อยตอบตามสูตรและไม่ชอบดูเฉลย เหมือนเขาไม่ได้เน้นแสวงหาคำตอบแต่จะเน้นไปที่การหาวิธีทำและที่มาของผลลัพธ์มากกว่า"

เช่นเดียวกับนักเรียนหลาย ๆ คน พิพิชชญะเองก็ต้องพึ่งพาติวเตอร์เพื่อช่วยให้เข้าใจบทเรียนมากขึ้น แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะความสนใจของเขาไปไกลกว่าเนื้อหาในห้องเรียน

"ถ้าเราเรียนพิเศษ ความรู้ที่เราได้ก็จะเท่ากับหรือไม่มากไปกว่าติวเตอร์ และด้วยความที่เราอยู่ต่างจังหวัด เลยไม่ค่อยมีที่เรียนมากนัก ผมจึงอยากให้เขาได้ภาษา เลยส่งเขาเรียนอินเตอร์เพื่อที่เขาจะได้ศึกษาหาความรู้จากเว็บไซต์ต่างประเทศด้วยตนเอง ถ้าเราเรียนเอง เราก็จะได้ความรู้ที่ไม่จำกัด" นพ. ณัฐพันธุ์ กล่าว

แม้นักเรียนโอลิมปิกคนนี้จะผ่านการฝึกทำข้อสอบมามากมาย แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาเองก็รู้สึกว่าวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ยากและติดขัดระหว่างทำโจทย์ นักเรียนระดับหัวกะทิแนะนำว่าผู้เรียนคณิตศาสตร์ควรปรับมุมมองการมองโจทย์และคิดว่ามันเป็นเหมือนปัญหาอย่างหนึ่งที่เราควรเพลิดเพลินในการหาคำตอบ

"ส่วนใหญ่คนจะมองว่าเลขเต็มไปด้วยทฤษฎี เต็มไปด้วยสูตรอะไรต่าง ๆ มากมายใช่ไหมครับ เขาอาจจะไม่ค่อยชอบจำและมองว่าไม่ได้นำไปใช้อะไรในชีวิตประจำวันนัก แต่ถ้าเกิดบางทีเรามองย้อนกลับไปว่าแต่ละสูตรมันมีที่มาอย่างไร เราอาจจะไม่ต้องมองกลับไปในชีวิตประจำวันก็ได้ แต่ให้เราหลุดไปในอีกมิติหนึ่งเลยและไปสนุกสนานกับมิตินั้นครับผม" พิพิชชญะกล่าว

"ถ้าเกิดเรามองให้มันสนุกไปกับมัน เราก็ไม่เครียดครับ"

เส้นทางสู่คณิตศาสตร์โอลิมปิก

การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้มีเยาวชนกว่า 619 คนจาก 107 ประเทศเข้าร่วมแข่งขัน ข้อสอบประกอบไปด้วยคำถาม 6 ข้อที่ถูกเลือกมาจากเนื้อหาคณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาหลายสาขา ผู้เข้าแข่งขันจะต้องหาคำตอบและแสดงวิธีทำ โดยแต่ละคำถามมีคะแนนเต็ม 7 คะแนน

ผู้เข้าแข่งขันต้องทำคะแนนรวมให้ได้ 24, 19 และ 12 คะแนนจากคะแนนเต็ม 42 คะแนน จึงจะได้เหรียญทอง, เงิน และทองแดงตามลำดับ

เส้นทางกว่าที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศนั้น อาจจะไม่ต่างอะไรกับนักกีฬาโอลิมปิกมากนัก

PIPICHAYA SRIDAM
พิพิชชญะเดินสายแข่งขันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาบอกว่าเขาต้องการท้าทายตัวเองเท่านั้น

นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาจะต้องเริ่มจากการสอบแข่งขันเพื่อเข้าค่ายของมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา (สอวน.) ตามภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นด่านแรกสู่เส้นทางการเป็นนักเรียนโอลิมปิก

เมื่อผ่านค่าย สอวน. 2 ค่ายแล้ว ตัวแทนจากภูมิภาคต่าง ๆ จะต้องเข้าแข่งขันโอลิมปิกระดับชาติเพื่อคัดคนเข้าค่าย สสวท. ที่กรุงเทพ ซึ่งในด่านนี้ นักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องมาเก็บตัวฝึกฝนทำโจทย์และสอบแข่งขันอีก 2 ครั้งเพื่อคัดคนให้เหลือแค่ 6 คน เป็นตัวแทนประเทศในที่สุด

"จริง ๆ ผมเริ่มเดินสายแข่งขันมาตั้งแต่ชั้นประถมแล้วครับ แต่เส้นทางสู่คณิตศาสตร์โอลิมปิกของผมเริ่มได้ประมาณชั้น ป.6 ผมก็เข้าค่ายมาเรื่อย ๆ ในแต่ละค่ายเราต้องฝึกฝนทำโจทย์ โดยเทคนิคของผมคือทำโจทย์ที่สูงกว่าค่ายของเราไปอีกค่ายหนึ่งเพื่อฝึกตนเองไปอีกขั้น" พิพิชชญะเล่าถึงประสบการณ์การเก็บตัวในค่ายในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา

ในระหว่างการเก็บตัว นักเรียนโอลิมปิกจะได้ฝึกฝนทำข้อสอบเก่ากับวิทยากรที่เป็นอดีตตัวแทนประเทศรุ่นพี่ รวมไปถึงเข้ารับการอบรมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างทักษะการเข้าสังคมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปแข่งขันที่ต่างประเทศ

สสวท.
บรรยากาศในค่ายของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ก้าวต่อไปหลังได้เหรียญ

สำหรับเส้นทางต่อไปในอนาคตหลังจากนี้ พิพิชชญะซึ่งในขณะนี้อยู่ชั้นเทียบเท่า ม.3 บอกว่าเขาสนใจที่จะศึกษาต่อด้านคณิตศาสตร์หรือเศรษฐศาสตร์เมื่อเขาจะต้องเลือกเส้นทางเดินต่อไปในชีวิตในอีก 3 ปีที่จะถึงนี้

เมื่อถามผู้เป็นพ่อ เขากล่าวสั้น ๆ ว่าเขาไม่ได้มีเป้าหมายให้ลูกเป็นพิเศษ

"ผมอยากให้เขาอยู่อย่างมีความสุขและมีสุขภาพที่แข็งแรงก็พอ" นพ. ณัฐพันธุ์ พ่อของพิพิชชญะกล่าว

ถึงแม้เขาจะมีความสามารถด้านคณิตศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็นับเป็นส่วนน้อยเพราะในขณะเดียวกัน สมรรถภาพของนักเรียนไทยก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงเหมือนเขานัก

PIPITCHAYA SRIDAM

ตามผลสำรวจล่าสุดในปี 2018 ของ PISA ซึ่งเป็นการทดสอบความรู้และทักษะของนักเรียนที่มีอายุ 15 ปี ในด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ พบว่า ไทยยังคงได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในทั้ง 3 ด้าน โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 58 จากทั้งหมด 79 ประเทศสำหรับการประเมินความรู้ด้านคณิตศาสตร์

พิพิชชญะมองว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาคือ "ปัญหาสมองไหล" ที่เขาเห็นว่านักเรียนแถวหน้าของไทยที่มีโอกาสได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศบางส่วนเลือกที่จะทำงานในต่างประเทศ "ที่มันได้เงินหรืออะไรมากกว่า"

อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าตัวเขาก็ยังเห็นรุ่นพี่อดีตนักเรียนโอลิมปิกหลายคนกลับมาเป็นอาจารย์หรือนักวิจัยและคอยมาช่วยสอนนักเรียนโอลิมปิกรุ่นต่อ ๆ ไปอยู่

"คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องอาศัยหลักความเข้าใจและเหตุผลครับผม ซึ่งจะช่วยคุณจัดการกับปัญหาชีวิตคู่ครับ" พิพิชชญะกล่าวติดตลก

+++++

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ข่าวสด เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...