โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

แพทย์ม.ขอนแก่นเปิดผลวิจัยฉีดซิโนแวค2เข็มบูสต์ด้วยmRNAภูมิคุ้มกันพุ่ง

Manager Online

เผยแพร่ 16 ส.ค. 2564 เวลา 11.16 น. • MGR Online

ศูนย์ข่าวขอนแก่น-คณะแพทย์ศาสตร์ ม.ขอนแก่น เปิดผลการวิจัยฉีดวัคซีนชิโนแวค 2 เข็มภูมิคุ้มกันโควิดพุ่งพรวด แนะทิ้งระยะห่าง 3 เดือนเข้ารับการบูสต์เข็ม 3 ในกลุ่มไวรัสเสคเตอร์และmRNA จะช่วยให้ประสิทธิภาพการป้องกันโรคเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแผนการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ จนท.ด่านหน้าของไทยที่ทำอยู่

วันนี้ (16 ส.ค.) ที่สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ศ.ดร.สุรศักดิ์ วงศ์รัตนชีวิน คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ในฐานะที่ปรึกษาโครงการวิจัยการตรวจภูมิคุ้มกันของผู้ที่รับวัคซีนชิโนแวค พร้อมด้วย ผศ.ดร.สุปราณี พันธุ์ธนวิบูลย์ อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยาคณะแพทยศาสตร์ มข. และ ผศ.นพ.อธิบดี มีสิงห์ อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. ร่วมกันแถลงข่าวผลการวิจัยการตรวจภูมิคุ้มกันของผู้ที่รับวัคซีนชิโนแวค ซึ่งทีมนักวิจัยได้วิจัยจนประสบผลสำเร็จ

ทั้งนี้ในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด19ในห้วงหลายเดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้นำเข้าและใช้วัคซีนชนิดเนื้อตายฉีดให้กับบุคลากรด่านหน้า ก่อนที่จะมีการใช้วัคซีนไวรัสเวคเตอร์และชนิด mRNA ในเวลาต่อมา

ศ.ดร.สุรศักดิ์ วงศ์รัตนชีวิน คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ในฐานะที่ปรึกษาโครงการวิจัยฯ เปิดเผยว่า วัคซีนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะยับยั้งการระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี ที่ผ่านมาการต่อสู้กับสถานการณ์โรคได้มีการนำวัคซีนชิดเนื้อตายเข้ามาสร้างภูมิคุ้มกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้า ซึ่งในภาพรวมทั้งประเทศได้รับวัคซีนดังกล่าวครบแล้ว 2 เข็ม คือยี่ห้อชิโนแวค มหาวิทยาลัยขอนแก่น( มข.) โดยทีมนักวิจัยได้ทำการศึกษาในเรื่องของภูมิคุ้มกันของผู้ทีได้รับวัคซีนชิโนแวค จำนวนครบแล้ว 2 เข็ม ทำการศึกษา

ทั้งในเรื่องของภูมิคุ้มกันด้านแอนติบอดี้ และด้านเซลล์ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยครั้งแรกที่มีการรายงานภูมิคุมกันด้านเซลล์ของผู้ที่ได้รับวัคซีนดังกล่าวนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันโรคต่อไป

ด้าน ผศ.ดร.สุปราณี พันธุ์ธนวิบูลย์ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวต่อว่า ผลการวิจัยการตรวจภูมิของผู้ที่ได้รับวัคซีนชิโนแวค ซึ่งทีมนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ มข.ได้ดำเนินการนั้นเป็นการศึกษาแอนติบอดี้ และทีเซลล์ของผู้ที่รับวัคซีนชิโนแวค ในกลุ่มเป้าหมาย คือแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรด่านหน้า จำนวน 335 คน มีการเก็บข้อมูลจากการเจาะเลือดทั้งหมด 3 ครั้ง คือครั้งที่ 1 ก่อนฉีดวัคซีน ครั้งที่ 2 คือหลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรก และครั้งที่ 3 หลังจากฉีดวัคซีนเข็ม 2 เป็นเวลา 1 เดือน

กลุ่มตัวอย่างดังกล่าวที่ได้รับวัคซีนสามารถท่จะสร้างแอนติบอดี้ ที่จำเพาะต่อโปรตีนของเชื้อได้ถึงร้อยละ 89 หลังจากรับวัคซีนเข็มแรก และ หลังจากรับวัคซีนครบ 2 เข็ม สามารถตรวจวัดระดับปริมาณของแอนติบอดี้ที่จำเพาะได้ครบทุกคนในปริมาณที่แตกต่างกัน

จากผลการวิจัยสามารถที่ระบุได้ว่าการรับวัคซีนชิโนแวคครบ 2 เข็ม ทุกคนมีภูมิคุ้มกันโควิด-19 ซึ่งจากกลุ่มตัวอย่างทุกคนพบว่าวัคซีนชิโนแวคสามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดแอนติบอดี้ได้ดี แต่การกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของทีเซลล์นั้นมีน้อย จึงแนะนำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนชิโนแวคครบ 2 เข็ม ควรได้รับการกระตุ้นทีเซลล์ด้วยวัคซีนชนิดอื่นที่ไม่ใช่รูปแบบเชื้อตาย เพื่อประสิทธิภาพการป้องกันโรคที่เพิ่มมากขึ้น

โดยเฉพาะในภาวะที่มีการกลายพันธุ์ของเชื้อ เพราะระดับแอนติบอดี้ ที่สร้างขึ้นนั้นอาจไม่เพียงพอต่อการป้องกันสายพันธุ์ใหม่ได้

ดังนั้นการที่รัฐบาลกำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้า เป็นชุดแรกที่จะต้องได้รับการบูสเตอร์เข็ม 3 ด้วยไวรัสเวคเตอร์ และ mRNAโดยห่างจากการรับวัคซีนชิโนแวคครบ 3 เดือน จะเป็นการกระตุ้นภูมิด้านเซลล์ได้ดีอีกด้วย

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...