โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

รัฐสภาโหวต ไม่เอา ส.ส.ร. เพื่อไทย-ปชน.ห่วงบางสีกินรวบผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 7 นาทีที่แล้ว • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ในวาระ 2 มาตราที่ 4 ซึ่งเป็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 256/1 ที่คณะกรรมาธิการข้างมากกำหนดไว้ 2 องค์กร คือ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน และคณะกรรมาธิการรับฟังความเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน โดยใช้สูตร 20 หยิบ 1

กล่าวคือให้ สส. และ สว. รวมกัน 20 คน เลือกคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญได้ 1 คน และเลือกคณะกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ โดยที่ประชุมมีมติ 328 ต่อ 266 งดออกเสียง 21 ไม่ลงคะแนน 3 เสียง

แม้ว่าพรรคเพื่อไทย นำโดย “ชูศักดิ์ ศิรินิล” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สงวนความเห็น และต้องการให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจากการเลือกของประชาชน 300 คนทั่วประเทศ และให้รัฐสภาเลือกเหลือ 100 คน

โดยมีหลักประกันว่าอย่างน้อยต้อง มี ส.ส.ร. จังหวัดละ 1 คน ซึ่งมั่นใจไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะกำหนดไว้เพียงว่าห้ามมิให้รัฐสภาเลือกผู้ร่างจากประชาชนโดยตรง แต่วิธีการที่เราเสนอเป็นเรื่องของผู้ที่สมควรจะสมัครไปสมัครแล้วให้ประชาชนเลือกเบื้องต้น และให้รัฐสภาเลือก ส.ส.ร.เหลือ 100 คน จึงมิใช่การเลือกผู้ร่างโดยตรง

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ ผู้สงวนความเห็น อภิปรายชี้ว่าสูตร 20 หยิบ 1 หากใครครอบครองเสียงข้างมากในสภาได้ ย่อมยึดกุมผู้ยกร่างได้ และกำหนดประเทศได้

“ผู้ที่ครองเสียงข้างมากในสภาฯ ชุดที่ 27 และรัฐสภา บวกกับ สว. ที่มีอยู่ในปัจจุบัน นั่นแหละคือรัฐสภาชุดนั้น ผู้ที่ครองเสียงข้างมากได้สามารถจะชี้นำครอบงำผู้จะมาเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญได้ แม้เราจะใช้วิธีการสูตร 20 หยิบ 1 สุดท้ายก็เป็นไปตามเสียงข้างมาก และเสียงข้างมากทำ 2 อย่างในคราวเดียวกัน คือยกร่าง และเห็นชอบร่างเลยก่อนเสนอให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ เบ็ดเสร็จอยู่ในตัว 35 คน กำหนดประเทศได้”

“ถ้า 35 คนเป็นผู้เขียนรัฐธรรมนูญสุ่มเสี่ยงต่อการชี้นำ ตั้งแต่กระบวนการการรับสมัครเบื้องต้น ซึ่งในร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมากก็เสมือนจะไปเอื้อให้กับคนกลุ่มนี้ถูกจัดตั้งมาตั้งแต่แรก 35 คนใส่ชื่อมาได้ทันที และผู้สนับสนุนอีก 100 คน บุคคลทั่วไปยากมากที่จะไปหาผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง 100 คนแล้วมาสนับสนุน ตัวเองให้สมัครเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองที่เป็นสมาชิกพรรคอยู่แล้วง่ายมากที่จะมีผู้รับรอง ฉะนั้น ข้อสงวนของผม จึงต้องการที่จะตัดประเด็นนี้ออกไปเพื่อลดการครอบงำชี้นำให้มากที่สุด”

ด้าน “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า สิ่งที่อยากชวนทุกคนคิด คือกลไกและกระบวนการในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ทุกคนอยากได้นั้นเป็นอย่างไร ทุกคนมีคำตอบในใจที่เหมือนกัน คืออยากได้กระบวนการที่ไม่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในประเทศนี้สามารถกินรวบผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญในกระบวนการต่อไปได้ มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด มั่นใจได้ว่าผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ยกร่างจะทำให้ทิศทางของประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และมีการปลดล็อกเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับต่อไปในอนาคตให้สามารถทำได้อย่างมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ติดล็อกอย่างที่เป็นอยู่แบบในปัจจุบัน

“พริษฐ์ วัชรสินธุ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยที่สงวนความเห็น
“มาตรา 256/1 เป็นมาตราที่เป็นหัวใจของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพราะเป็นการกำหนด “โครงสร้าง” ขององค์กรหรือกลไกที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

หากการประชุมในวันนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ 10 กันยายน 2568 ผมคิดว่าเราคงไม่ต้องเถียงมาตรานี้อย่างหนักเท่าวันนี้ เพราะ ณ เวลานั้น พรรคการเมืองหลัก ๆ เห็นตรงกันว่ากลไกที่จะมีความชอบธรรมมากที่สุดในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คือ “ผู้ร่าง” หรือ “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” ที่มาจากการเลือกตั้งทางตรง”

“แต่พอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 กันยายนระบุว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงได้” ทุกฝ่ายและทุกพรรคการเมืองจึงต้องเผชิญข้อจำกัดที่มากกว่าเดิม”

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผมและพรรคประชาชน พวกเราได้พยายามออกแบบ “โครงสร้าง” ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เราเห็นว่าสามารถส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนได้มากที่สุดและใกล้เคียงกับการมีผู้ร่างที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนมากที่สุดโดยไม่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ

โครงสร้างที่ว่านี้ มีการแบ่งออกเป็น 2 กลไกที่ทำงานคู่ขนาน คือ กลไกคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้ประชาชนเลือกมาก่อน 70 คน ก่อนจะส่งให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมรูปแบบหนึ่ง กลไกสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีหน้าที่ในการรับฟังและรวบรวมความเห็นของประชาชนเพื่อมาสะท้อนต่อผู้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้ประชาชนเลือกตั้งโดยตรง 100 คน ซึ่งเป็นกลไกเดียวในบรรดาทุกร่างและทุกคำสงวนความเห็นที่พยายามคงกลไกการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

“แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าทางคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากได้ลงมติ ไม่เห็นชอบ กับกลไกดังกล่าว ในส่วนของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการเสียงข้างมากลงมติ ไม่เห็นชอบ กับการเปิดให้ประชาชนไปเข้าคูหาเพื่อเลือกผู้ร่างมา 70 คนก่อนส่งต่อให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน ในส่วนของสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการเสียงข้างมากลงมติ “ไม่เห็นชอบ” กับการมีสภาที่ปรึกษา 100 คน ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง และในที่สุดถูกแปลงเปลี่ยนไปเป็นการมีคณะกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ 35 คนแทน”

“ยืนยันว่าหากสมาชิกรัฐสภาเห็นว่า 2 กลไกที่พรรคประชาชนเสนอเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ท่านสามารถลงมติเห็นชอบกับร่างเดิม หรือข้อเสนอของกรรมาธิการพรรคประชาชนได้ เพราะข้อเสนอดังกล่าวไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ”

อย่างไรก็ตาม การลงมติของสมาชิกรัฐสภาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ หากรัฐสภาลงมติไม่เห็นชอบกับข้อเสนอตน ก็แสดงว่าว่าสมาชิกส่วนใหญ่ตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่เหมือนกับตน แต่หากรัฐสภาลงมติยืนยันตามข้อเสนอตน ก็จะเป็นการยืนยันว่ารัฐสภาแห่งนี้เห็นว่าข้อเสนอตนไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญและพร้อมเดินหน้าต่อในการเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกผู้ร่างมาเบื้องต้น และในการเลือกสภาที่ปรึกษาทางตรง ตามแนวทางในร่างของพรรคประชาชน

สุดท้าย ที่ประชุมร่วมรัฐสภา เห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก ให้มี 2 องคาพยพในการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ คือ คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ และ คณะกรรมาธิการรับฟังความเห็นฯ

ขณะที่การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256/2 ที่กำหนดให้ผู้สมัครเป็นคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญจะต้องแนบวิสัยทัศน์ และมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งรับรอง 100 คน นั้น

“จาตุรนต์ ฉายแสง” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยขอสงวนความเห็น อภิปรายว่า ตามกลไกที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอ คิดว่าจะมีผู้สมัครจำนวนมากนับหมื่นคน แต่ในข้อเท็จจริงเชื่อว่าพรรคการเมืองจะเตรียมคนของตัวเองไว้แล้ว

ดังนั้น การสมัครจะมีผู้สมัครน้อย เพราะรู้ว่าพรรคการเมือง หรือ สว. ที่รวมกลุ่มกัน จะเลือกใคร และให้ใครไปสมัคร ด้วยสูตร 20 หยิบ 1 จะล้มเหลว ที่คิดว่าเลือกจากคนที่หลากหลาย แต่ด้วยสิ่งที่กำหนดจะทำให้การคัดเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญซบเซา คนทั้งประเทศไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีคนสมัคร เพราะไม่อยากไปให้เสียเวลา หากไม่ได้รับการติดต่อหรือทาบทามมาก่อน

สูตร 20 หยิบ 1 มีความกังวลต่อความรู้ความสามารถของบุคคลที่มาทำร่างรัฐธรรมนูญ หรืออาจกระจุกตัวอยู่ในบางคุณสมบัติ ทำให้คนร่างไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่หลากหลายเพียงพอ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงสงวนความเห็นให้ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยให้รัฐสภาเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติ ความเชี่ยวชาญตามที่กำหนด เพื่อประโยชน์ต่อการร่างรัฐธรรมนูญ

การที่กำหนดให้มาจากสูตร 20 หยิบ 1 เชื่อว่าคนจะมีส่วนร่วมน้อย ควรกำหนดสัดส่วนให้มีผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตามมีองค์ประกอบที่น่ากลัว คือ เสียงข้างมากรัฐสภากำหนดได้ไปหมด กำกับโดยเสียงข้างมากของรัฐสภาที่รวมตัวกัน กำหนดทิศทางของรัฐธรรมนูญได้ทั้งหมด

สุดท้ายที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับกรรมาธิการเสียงข้างมากที่กำหนดให้ผู้สมัครเป็นคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญจะต้องแนบวิสัยทัศน์ และมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งรับรอง 100 คน 315 ต่อ 255 เสียง งดออกเสียง 17 ไม่ลงคะแนน 4 เสียง

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : รัฐสภาโหวต ไม่เอา ส.ส.ร. เพื่อไทย-ปชน.ห่วงบางสีกินรวบผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...